สัญญาก่อนสมรส (Prenuptial Agreement) หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า Prenup คือข้อตกลงทางกฎหมายที่คู่สมรสทำขึ้น ก่อนจะแต่งงานหรือจดทะเบียนสมรส ส่วนใหญ่ก็เพื่อการจัดการทรัพย์สิน เช่น ตกลงกันว่าสิ่งใดคือสินส่วนตัวหรือสินสมรส ระหว่างการใช้ชีวิตร่วมกันหรือในกรณีหย่าร้าง
ผ่านมาหลายคนสังเกตว่า Prenup กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยผลสำรวจของแฮร์ริสโพล (Harris Poll) ในปี 2022 พบว่าชาวอเมริกัน 15% ได้ทำ Prenup ก่อนแต่งงาน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 3% ที่เคยสำรวจไว้ในปี 2010
ที่น่าสนใจคือ Prenup ถือว่าพบได้บ่อยเป็นพิเศษในกลุ่มชาวอเมริกัน ‘รุ่นมิลเลนเนียลและเจนซี’ โดยคนที่แต่งงานแล้วหรือหมั้นหมายแล้วในช่วงอายุ 18-34 ปี เกือบ 40% มีสัญญาก่อนสมรส ขณะที่ในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 45-54 ปีนั้น พบเพียง 13%
นอกจากนี้สำหรับคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ก็สนใจที่จะ Prenup เช่นกัน โดยในปี 2023 ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันราว 50% กล่าวว่าพวกเขายินดีที่จะทำสัญญาก่อนสมรส ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 42% ในปีก่อนหน้า
แล้วทำไมคนรุ่นใหม่จึงสนใจทำ Prenup กันมากขึ้น?
หนึ่งในคำอธิบายคงหนีไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ ซึ่งการแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันอีกฝ่าย อาจทำให้การบริหารทรัพย์สินซับซ้อนมากขึ้น โดยหลายคนมองว่าการทำ Prenup เป็นหนึ่งในวิธีลดความเสี่ยงต่อทรัพย์สิน และหลีกเลี่ยงการหย่าร้างที่ยุ่งเหยิงซึ่งพวกเขาอาจต้องเผชิญ
ก่อนหน้านี้ผลสำรวจว่า ปัจจุบันคนเลือกที่จะแต่งงานเมื่ออายุมากขึ้น โดยในช่วงทศวรรษ 1950 อายุเฉลี่ยของการแต่งงานครั้งแรกในสหรัฐฯ อยู่ที่ 20 ปีสำหรับผู้หญิง และ 23 ปีสำหรับผู้ชาย ขณะที่ในปี 2023 อายุเฉลี่ยของผู้หญิงที่แต่งงานครั้งแรกอยู่ที่ 28 ปี และผู้ชายอยู่ที่ 30 ปี
การแต่งงานเมื่ออายุมากขึ้น ไม่ใช่ข้อเสียแต่อย่างใด อันที่จริง คู่รักหลายคู่ต่างก็พึ่งพาตนเองได้ มีอาชีพที่มั่นคง บริหารการเงินอย่างมีเสถียรภาพ และมีพอร์ตการลงทุนที่มั่นคง ดังนั้นหลายคนอาจต้องการปกป้องสิ่งที่ทุ่มเททำงานหนักมาตลอด และไม่ต้องการรวมทรัพย์สินทั้งหมดเข้าด้วยกันเมื่อแต่งงาน ด้วยเหตุกนี้แนวคิดการแบ่งทรัพย์สิน 50/50 ซึ่งเคยเป็นบรรทัดฐานของสังคม ก็อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ยุติธรรมที่สุดสำหรับคู่รัก
อีกหนึ่งคำอธิบายที่น่าสนใจคือ ‘ทัศนคติที่เป็นไปในสังคม’ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้คนอาจมองว่า เป็นเรื่องไม่ถูกต้องหากพูดถึงชีวิตสมรสที่พังทลายลง เพราะแต่งงานถือเป็นการอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต แต่ความคิดนี้อาจเปลี่ยนไปเพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจ ทำให้คู่รักต้องวางแผนชีวิตตัวเองอย่างรอบคอบ
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว (ก่อนหน้านี้) ผมเคยมองว่าการเริ่มพูดคุยเรื่องการหย่าร้างก่อนแต่งงานนั้นไม่ถูกต้อง แต่ (ตอนนี้) ผมเปลี่ยนใจไปแล้วโดยสิ้นเชิง” พอล โคลริดจ์ (Sir Paul Coleridge) ผู้ก่อตั้ง The Marriage Foundation และอดีตผู้พิพากษาระบุ
เขากล่าวอีกว่า “คนเราจำเป็นต้องพูดคุยถึงสิ่งที่ควรจะทำ เมื่อกรณีที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้น”
นี่อาจเป็นอีกสาเหตุที่คนรุ่นใหม่หันมาทำ Prenup กันมากขึ้น
หลายทศวรรษที่ผ่านมา Prenup ยังไม่แพร่หลายในชีวิตสมรสที่มีทรัพย์สินน้อย ส่งผลให้การหย่าร้างในเวลาต่อมา ได้กลายเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะไม่มีการแบ่งทรัพย์สินอย่างชัดเจน
เมื่อคนรุ่นเจนซีได้เห็นการหย่าร้าง ของปู่ย่าตายายหรือสมาชิกครอบครัวที่อายุมากกว่า ประกอบกับบรรทัดฐานทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจมากมาย การวางแผนชีวิตสมรสและการเงินก็เปลี่ยนแปลงไป ทำให้การทำ Prenup กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน
อ้างอิงจาก