คุยกันไปเรื่องความรู้สึกของพ่อแม่หากลูก come out เป็น LGBTQ ไปแล้ว
แต่หากเป็นความรู้สึกของลูกต่อปฏิกิริยาที่พ่อแม่ให้หลังเขา come out ล่ะ?
ครอบครัวเป็นส่วนที่สำคัญในชีวิตของเรา และแม้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการที่จะ come out กับสมาชิกในครอบครัว แต่มุมมองของคนที่นำเราเข้ามาสู่โลกนี้ย่อมส่งผลกับเราแบบใดแบบหนึ่ง ไม่ว่ามันจะเป็นผลที่โอบกอดเรา หรือผลนั้นจะเป็นแผลที่เกิดขึ้นในใจ
และเพื่อให้อย่างหลังเกิดขึ้นน้อยที่สุด เราเลยไปถามชาว LGBTQ ทั้งคนที่เคยและไม่เคย come out เกี่ยวกับอุดมคติของพวกเขาในปฏิกิริยาที่พ่อแม่ให้กับเราได้ หากเราเลือกเปิดใจเกี่ยวกับตัวตนของเรา
กัน, 25 ปี
‘เลี้ยงมาก็ดีทำไมถึงเป็นแบบนี้?’ เป็นประโยคที่กันได้รับจากการ come out ต่อครอบครัวเมื่อราวๆ ช่วงมัธยมต้น ‘เราถูกไล่ออกจากบ้าน พร้อมโดนพ่อขู่ว่าถ้าไม่เลิกเป็นก็ไม่ต้องกลับบ้าน เราเสียใจมาก จนต้องหนีไปอยู่กับป้าที่รับได้ว่าเราเป็น’
ในช่วงเวลานั้นกันพยายามจบชีวิตตัวเอง แต่แม่เข้ามาช่วยเอาไว้ หลังจากนั้นเขาจึงกลับบ้านและที่บ้านก็พยายามเข้าใจในตัวของเขามากขึ้น ‘มันก็เป็นแผล เป็นความเจ็บปวดทางจิตใจสำหรับเราด้วยประโยคเดียวจริงๆ ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้นมากแล้ว แต่ความเจ็บปวดในใจเราใช้วิธีรักษากับจิตแพทย์แทน’
‘ที่เราสบายใจที่สุดคงเป็นการที่เขานิ่งๆ รับรู้และเข้าใจ ไม่ว่าอะไร ไม่ต้องคาดหวังเราด้วยประโยค ‘จะเป็นอะไรก็เป็นขอให้เป็นคนดีก็พอ’ อันนี้ไม่ต้อง เราขอแค่เข้าใจ ไม่ต้องพูดอะไร ทำทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนเดิม’ กันกล่าว
บลูเบอร์รี่หมูหยอง, 25 ปี
‘จินตนาการมาตลอดชีวิตนะว่าอยากเปิดตัวแฟนที่เป็นผู้หญิงกับแม่วันรับปริญญา จนตอนนี้ยังไม่รู้เลยจะพูดยังไง แล้วก็โชคดีหรือร้ายไม่รู้ที่ดันเลิกกันก่อนวันรับปริญญา อีเวร ก็ไม่ได้ come out อีกละ ภาพที่จินตนาการคือเราอยากเห็นแม่มีความสุข ยิ้มให้กับเรา แล้วก็บอกว่าดีใจที่เห็นลูกมีความรักดีๆ มีคนที่รักลูก แค่นี้พอ’ บลูเบอร์รี่หมูหยองไม่เคย come out กับครอบครัวเพราะเธอไม่รู้สึกว่ามีเหตุผลที่ต้องทำ เนื่องจากเธอเดาได้ว่าคนในครอบครัวจะตอบรับยังไง และคิดว่าเก็บไว้กับตัวเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร
อีกเหตุผลหนึ่งคือเธอเองก็รู้สึกว่าเพศของเธอยังเป็นสิ่งที่ยากจะอธิบาย ‘จนตอนนี้เราก็ไม่สามารถระบุได้จริงๆ ว่าสรุป gender อะไร เราว่าภายในเรายังหลากหลายมาก บางครั้งก็ยังเป็นแบบหนึ่ง บางครั้งก็เป็นแบบหนึ่ง แสดงออกก็เป็นแบบหนึ่ง เราเชื่อในตัวเองนะ แต่เราว่าคนอื่นไม่เข้าใจ ไม่เชื่อในตัวเราพอ แล้วก็ตัดสินเราในแบบที่เค้าเชื่ออยู่ดี’
ซาร่า, 25 ปี
ซาร่าเล่าให้ฟังว่าเธอ come out กับที่บ้านตอนประถม 6 โดยทางครอบครัวอาจจะสังเกตเห็นอยู่บ้างแล้ว ‘แม่ก็ตกใจนะเพราะเขาก็คิดว่าเราเป็นผู้ชายเรียบร้อยเฉยๆ’ โดยในช่วงแรกอาจมีความเข้าใจที่ไม่เข้ากันระหว่างครอบครัวและตัวเธอเอง แต่ครอบครัวเริ่มมีการปรับความเข้าใจกันมากขึ้นเมื่อเวลาที่ผ่านไป
‘อาจจะเป็นเพราะเราบอกเขาตั้งแต่เด็ก’ เธอบอก ‘บ้านเราค่อนข้างสนับสนุนเราเลยไม่ค่อยมีอะไรมาก ปฏิกิริยาที่เราสบายใจที่สุดคงเป็นเหมือนเราพูดไปแล้วเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อต้าน การตกใจก็ยังดีกว่าร้องไห้ หรือการต่อต้านไม่ให้เราเป็น’
พิมพ์, 24 ปี
พิมพ์ไม่เคย come out กับที่บ้าน และ ‘ไม่มีวันในชาตินี้’ โดยเหตุผลที่พิมพ์เลือกเช่นนั้นเพราะครอบครัวยังเข้าใจเพศวิถีในอดีตอยู่ ‘เราเลยเข้าใจว่าเขาคงไม่ได้แยกระหว่าง expression, characteristic กับ sexual orientation ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่อยากว่าเขานะ เพราะกว่าเราจะมานั่งแยกแยะเรื่องพวกนี้ก็โตเข้ามหาลัยแล้ว กว่าจะแยกจนเข้าใจตัวตนก็นาน มันเลยกลายเป็นความไม่หวัง ไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจมันในช่วงชีวิตนี้ การ come out เลยไม่เกิดขึ้น’
ส่วนมุมมองเรื่องการ come out พิมพ์ไม่ต้องการให้พวกเขาดีใจหรือมองว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร เพียงแค่อยากให้แค่รับรู้ไว้เท่านั้น เนื่องจากในมุมมองของเขา เพศวิถีเป็นเรื่องที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติอะไร ฉะนั้นในขณะที่ไม่ต้องการการตอบรับเชิงลบ การตอบรับเชิงบวกก็ไม่จำเป็นเช่นกัน
‘เราอยากให้ครอบครัวไม่ต้องดีใจ ให้กำลังใจออกหน้าออกตา เข้ามากอดหอมหรือไปทำกับข้าวให้กินเหมือนการ come out ของเรามันยิ่งใหญ่มาก…เพราะเราทำอะไรหลายอย่างตามความตั้งใจและเจตนาของตัวเองโดยไม่ผ่านการอนุมัติจากเขา เราแค่บอกสิ่งที่เราเป็น เหมือนเล่าว่าทำงานอะไร กินข้าวกับอะไร ฟังเราแจ้งให้ทราบ/report ทุกเรื่องเหมือนปกติแหละ’
บิลลี่ แม็กซิมอฟ, 24 ปี
‘ที่สุดที่อยากได้เลยคือความปกติ ไม่พูดแซะ ไม่พูดบ่นรำพึงรำพันให้ได้ยิน ถ้าแม่จะยกเรื่องหลานขึ้นมา เราบอกเลยว่าเราก็อยากมี เมื่อเราสร้างตัวได้ เราจะหาทางมีลูกสร้างครอบครัว อาจจะรับเลี้ยง อุ้มบุญ หรือวิธีไหนก็แล้วแต่ จะหาทางอธิบายว่าสังคมที่เจริญแล้ว LGBTQ เขาสร้างครอบครัว จดทะเบียน มีความสุขกันได้นะ ก็หวังว่าเค้าจะเข้าใจแหละ’ บิลลี่กล่าว
‘ทุกวันนี้แม่ยังพูดเรื่องหลานกับเรา รวมถึงแซวเรื่องมองสาวๆ ด้วย’ บิลลี่เล่าให้ฟัง ในขณะที่เขาอธิบายว่าในขณะที่แม่เป็นคนใจดี แต่เวลาผิดหวังในเรื่องอะไรสักอย่างแม่จะชอบยกเรื่องนั้นๆ กลับมาพูดบ่อยๆ ซึ่งทำให้บิลลี่รู้สึกไม่สบายใจ อาจไล่ไปตั้งแต่รำคาญ จนเสียความรู้สึก ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่ต้องการ come out อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในขณะนี้ เพราะเขาเองก็ต้องการที่จะบอกแม่อยู่เหมือนกัน
‘เรามีจุดหมุดหมายของเราว่าวันหนึ่งเราเจอคนที่เรารักมากๆ ได้ จนเรียกว่ามีความสัมพันธ์เป็นแฟนกัน เราจะเอามาบอกเลยว่า เนี่ย มีแฟนแล้ว รักคนนี้จริงๆนะ อยากให้เข้าใจ แล้วตอนนั้นจะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากัน เพราะสุดท้ายมันคือชีวิตเราและเราไม่อยากหลบๆ ซ่อนๆ แล้ว’ บิลลี่กล่าว