บรรยากาศความสัมพันธ์ระดับนานาชาติกำลังตึงเครียด เกาหลีเหนือก็ฮึ่มๆ เตรียมบอมบ์ไว้ยิงใส่คนโน้นคนนี้ หลายๆ พื้นที่เช่นซีเรีย ก็กำลังอยู่ในภาวะสงคราม หลายคนเริ่มพูด – และอาจตื่นเต้นกับการมาถึงของสงครามโลกครั้งที่ 3 เพราะโลกเราเผชิญสงครามรุนแรงมาแล้วหลายครั้ง ความบอบช้ำและผลกระทบของสงครามส่งผลรุนแรงต่อมนุษย์และชาติต่างๆ องค์กรระดับนานาชาติหลายแห่งถูกตั้งขึ้นเพื่อสร้างสันติภาพและป้องกันให้มนุษย์ก่อหายนะแก่กันขึ้นซ้ำอีก
แต่ด้วยการที่เราว่างจากภาวะสงครามกันมานาน ภาพสงครามที่เราเสพอาจเป็นภาพจินตนาการห่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นจากหนังแอคชั่น สงคราม เลยอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่จริงๆ แล้ว สงครามเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและกว้างขวาง ในห้วงและผลกระทบของสงคราม วรรณกรรมและบทกวีจำนวนมากถูกเขียนขึ้นเพื่อพูดถึงและระบายถึงความรุนแรงของสงครามที่มีต่อมวลมนุษย์
ผลของสงครามปรากฏขึ้นในความทรงจำอย่างกว้างขวาง บางครั้งสงครามอยู่ในเรื่องราวใกล้ตัวที่เราอาจไม่ทันมองเห็น ความรักโรแมนติกคู่สังคมไทยอย่างคู่กรรมก็พูดถึงผลกระทบของความรักที่เกิดจากสงคราม ในวรรณกรรมเยาวชนเช่นนาร์เนีย เหล่าเด็กๆ ก็ต้องลี้ภัยสงครามเพื่อไปอาศัยอยู่กับญาติในพื้นที่ชนบทจึงได้พบกับตู้ที่เป็นประตูเชื่อมไปสู่นาร์เนีย ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมตัวและนึกถึงสงครามอย่างจริงจัง วรรณกรรมและบทกวีจึงถือได้ว่าเป็นวิธีสำคัญที่มนุษย์เราได้บันทึก ถ่ายทอดเรื่องราว และอารมณ์ความรู้สึกจากสงครามไว้
The MATTER รวบรวมและเสนอวรรณกรรมที่มีประเด็นเรื่องสงครามจากหลายยุค หลายสมัย และหลายแง่มุม ไม่ว่าจะจากมุมของทหารที่ผ่านการสงครามมาด้วยตัวเอง จากนักเขียนผู้เชี่ยวชาญการสังเกตสังกาโลก ไปจนถึงผู้รับผลกระทบและผู้สูญเสียจากสงคราม โดยงานเขียนที่คัดเลือกมาครอบคลุมทั้งนวนิยาย บันทึก และบทกวี
War and Peace / Leo Tolstoy
ถ้าพูดถึงวรรณกรรมสงคราม ยังไงก็ต้องพูดถึงวรรณกรรมระดับโลกอย่าง War and Peace ของ Leo Tolstoy วรรณกรรมคลาสสิกอิงประวัติศาสตร์ชิ้นนี้พูดถึงห้วงสมัยที่ฝรั่งเศสนำกองกำลังเข้ารุกรานรัสเซียโดยเล่าผ่านเรื่องราวในตระกูลชนชั้นสูง 5 ครอบครัว งานเขียนชิ้นเป็นส่วนหนึ่งของขนบสัจนิยม เป็นงานที่เล่า ไล่เรียงชีวิต และรายละเอียดการเติบโต ความรัก การสูญเสีย อันเป็นเหมือนภาพที่มีชีวิตชีวาของประวัติศาสตร์รัสเซีย War and Peace ถือว่าหนึ่งในงานเขียนชั้นยอดของโลก และนิตยสาร TIME จัดให้เป็นลำดับที่ 3 ใน 10 หนังสือที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล
All Quiet on the Western Front / Erich Maria Remarque
All Quiet on the Western Front มีฉบับภาษาไทยชื่อ ‘แนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง‘ ถ้าอยากรู้จักสงคราม จะมีอะไรดีกว่าการอ่านงานเขียนจากคนที่เคยเผชิญหน้าการฆ่าฟันกันในสนามรบมาก่อน นวนิยายสงครามชิ้นนี้ถือเป็นนวนิยายสงครามชิ้นสำคัญอีกเล่มหนึ่ง เขียนโดย Erich Maria Remarque นายทหารเยอรมันผู้เคยผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 มา นวนิยายชิ้นนี้ให้ภาพของสิ่งที่ทหารเยอรมันต้องเผชิญ พูดถึงความตึงเครียดและผลกระทบอย่างรุนแรงจากการสู้รบ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ถ้าเผื่อว่าใครสนใจแต่ขี้เกียจอ่าน หนังสือเล่มนี้ได้รับการนำไปปรับเป็นภาพยนตร์ในปี 1930 ในชื่อเดียวกันและได้รับรางวัล Academy Award
Mrs Dalloway / Virginia Woolf
อาจจะงงๆ ว่า เอ๊ะ โดยภาพรวมแล้ว Mrs Dalloway ก็เป็นงานเขียนที่ดูไม่เห็นเกี่ยวกับสงครามโดยตรงเท่าไหร่ หลักๆ แล้วนวนิยายแนวกระแสสำนึกเล่มนี้พูดถึงชีวิตในลอนดอนของ Mrs Dalloway แต่โดยภูมิหลังในเรื่องเป็นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ในอังกฤษ ดังนั้นสิ่งที่เราพอสัมผัสได้จากเรื่องเล่าอันยุ่งเหยิงนี้ คือร่องรอยบาดแผลของสงครามที่มีต่อผู้คนในเมืองนั้นๆ ถึงเรื่องไม่ได้พูดถึงยุคสมัยที่สงครามเกิดขึ้น แต่ผลของสงครามก็ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่
If This Is a Man / Primo Levi
If This Is a Man เป็นงานเขียนจากบันทึกประสบการณ์จริงของ Primo Levi นักเคมีและนักเขียนชาวยิวที่รอดชีวิตและบันทึกเรื่องราวการถูกจับไปอยู่ในค่ายกักกัน Auschwitz ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บันทึกประสบการณ์ชิ้นนี้ก็ตามชื่อเลยว่า เมื่อมนุษย์เราหยุดมองมนุษย์ด้วยกันว่าเป็นมนุษย์แล้ว เราจะกระทำต่อกันได้อย่างโหดร้ายทารุณขนาดไหน
The Boy in the Striped Pyjamas / John Boyne
บีบคั้นหัวใจกันเข้าไปอีกกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ The Boy in the Striped Pyjamas เป็นนวนิยายของ John Boyne ที่เล่าเรื่องผ่านความสัมพันธ์ของเด็กน้อย ตัวแทนแห่งความไร้เดียงสาที่ตรงข้ามกับฉากหลังอันเป็นความขัดแย้งรุนแรงและการฆ่าฟันของผู้ใหญ่ในสงคราม ชุดลายทางที่ถูกพูดถึงในชื่อเรื่องก็คือชุดของเด็กชายชาวยิวที่ถูกกักตัวในค่ายกักกัน เทคนิคการเล่าเรื่องที่เอาสองสิ่งคือ ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา และความดำมืดของการสงครามก็การันตีความบีบคั้น และเรียกน้ำตาได้ดีในระดับหนึ่ง
The Reader / Bernhard Schlink
The Reader เป็นงานเขียนและภาพยนตร์ที่ใครหลายคนประทับใจ นวนิยายโดย Bernhard Schlink อาจารย์ทางด้านนิติศาสตร์และผู้พิพากษา ประเด็นหลักๆ อยู่ระหว่างบรรทัดของความรักอันวาบหวามนี้มีฉากเป็นผลพวงของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ยังตกค้างมาคู่คนรุ่นต่อๆ ไป ซึ่งสิ่งที่ราวได้เปิดเผยให้เห็นคือ ถึงเราไม่ใช่คนที่อยู่ร่วมสมัยกับห้วงเวลาที่สงครามเกิด แต่เราล้วนมีความเกี่ยวเนื่องในเหตุการณ์เลวร้ายนั้นๆ ไม่มากก็น้อย
สี่ปีนรกในเขมร / ยาสึโกะ นะอิโต
จากสงครามในโลกตะวันตก มาสู่ผลกระทบของสงครามเย็นที่ส่งผลมาถึงประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อนบ้านเราบ้าง ด้วยผลกระทบจากการสงครามเย็นที่ทำให้ประเทศกัมพูชาเกิดความตึงเครียดขึ้นภายใน แบ่งฝ่ายเป็นฝ่ายเขมรแดงและลุกขึ้นฆ่าคนในชาติเดียวกัน สี่ปีนรกในเขมร เป็นบันทึกจากชีวิตจริงของ ยะสึโกะ โนะอิโต หญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่แต่งงานกับอดีตทูตชาวญี่ปุ่น แต่ชีวิตของเธอต้องไปสู่ความพลิกผันเมื่อพลพตเรืองอำนาจและเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขึ้น ภัยของสงครามทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องสูญเสียทุกสิ่ง และจากการใช้แรงงานหนักในการควบคุมของเขมรแดง มีเพียงเธอ และบันทึกที่เธอจดไว้เท่านั้นที่เหลือรอดมาเล่าเรื่องราวความโหดร้ายที่มนุษย์สามารถกระทำต่อกันได้
The Kite Runner / Khaled Hosseini
กรุงคาบูล เมืองที่เราจินตนาการถึงด้วยความหวาดหวั่นของควันสงคราม แต่เดิมก็เป็นเมืองเมืองหนึ่งที่เคยเต็มไปด้วยอารยธรรม เต็มไปด้วยชีวิต และเรื่องราวของผู้คน แต่พริบตาต่อมา สงครามและความขัดแย้งทำให้คาบูลเปลี่ยนสภาพจากบ้านเกิดเมืองนอนไปสู่สมรภูมิและซากปรักหักพัง The Kite Runner เป็นนวนิยายของ Khaled Hosseini นักเขียนชาวอัฟกัน-อเมริกัน พูดถึงชายคนหนึ่งที่ตัดสินใจเดินทางกลับเข้าสู่พื้นที่สงคราม กลับไปสู่การรื้อฟื้นและแก้ไขปมในของอดีตของตน ลองนึกภาพการกลับไปสู่ ‘บ้าน’ และที่ที่เราเติบโตขึ้นมา กลับกลายสภาพเป็นพื้นที่แห่งการฆ่าฟันและซากปรักหักพัก เรื่องนี้มีฉบับภาพยนตร์ด้วย ดูแล้วมีน้ำตารื้นแน่นอน
The Man He Killed / Thomas Hardy
กวีนิพนธ์เป็นอีกพื้นที่ที่ใช้พลังของ ‘คำ’ และ ‘ความ’ ในการเล่าเรื่องราวอย่างกระชับและทรงพลัง บทกวีหลายชิ้นถูกเขียนขึ้นมาพูดถึงภาพ ปัญหา และผลกระทบของสงคราม The Man He Killed เป็นบทกวีที่ว่าด้วยสงคราม แต่งโดย Thomas Hardy กวีอังกฤษคนสำคัญ The Man He Killed เป็นบทกวีที่พรรณนาถึงฉากนายทหารคนหนึ่งลงมือพรากชีวิตของอีกคนหนึ่ง หากไม่มีสงคราม ทั้งสองอาจเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ได้ ชื่อเรื่องแสดงให้เห็นว่าทหารคนดังกล่าวได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง และเรื่องราวของตัวเองเสมือนว่าเป็นการกระทำของคนอื่น
When You See Millions of the Mouthless Dead / Charles Hamilton Sorley
บทกวีที่บรรยายความสยดสยองของฉากสงครามอย่างตรงไปตรงมา Charles Hamilton Sorley กวีวัยเยาว์ชาวสกอตที่ต้องไปสู่สงครามและเสียชีวิตลงเมื่ออายุได้เพียง 20 ปี Sorley ถือเป็นกวีที่เขียนงานเกี่ยวกับสงครามที่มีชื่อเสียงและมีอายุน้อยที่สุดคนหนึ่ง When You See Millions of the Mouthless Dead แค่ชื่อก็เห็นภาพของความสยดสยองที่สมรภูมิรบ ลองนึกภาพเหล่าเด็กหนุ่มที่ถูกพรากออกจากบ้านไปสู่ท้องทุ่งที่ก่ายกองไปด้วยซากศพ และแน่นอนว่าภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่ยังคงตามมาหลอกหลอนในฝันของเหล่าทหารวัยเยาว์ทั้งหลายอย่างไม่รู้จบ
Illustration by Manaporn Srisudthayanon