ใกล้เลือกตั้งวันจริงเข้ามาทุกที ทุกพรรคการเมืองก็ยิ่งทำงานหนักขึ้น โดยเฉพาะการขายนโยบายตัวเองที่คิดว่าถูกใจผู้คนส่วนใหญ่ให้มากที่สุด จนแทบไม่มีซีนให้กับบางนโยบายเลย
ถึงแม้ว่า อีกไม่นานจะรู้แล้วว่าพรรคไหนจะชนะการเลือกตั้ง และเราเชื่อว่าทุกคนยังได้ยินนโยบายไฮไลต์ที่แต่ละพรรคการเมืองเสนออยู่ จนจำแทบขึ้นใจแล้ว แต่รู้ไหมว่ายังมีนโยบายที่ถูกพูดถึงน้อยหรือไม่เคยถูกกล่าวถึงเลยก็มี (แต่ไม่ได้แปลว่าไม่สำคัญนะ)
นโยบายดังกล่าวมีอะไรบ้าง? The MATTER ได้รวบรวมไว้ให้แล้ว ซึ่งเราหวังว่าทุกคนอาจคิดในใจระหว่างไล่ดูแต่ละนโยบายว่า “เห้ย! มีด้วยหรอ?” ดังนั้น อย่ารอช้า มาเริ่มดูกันเลยยยย (แต่ขอย้ำว่าเราเลือกมาเพียงบางส่วน ถ้าใครเจอนโยบายอื่นๆ ที่น่าสนใจ ก็มาบอกเราได้น้า)
1. นโยบายสิทธิการุณยฆาตและลาไปบอกลา
มนุษย์ทุกคนล้วน (มี) สิทธิเสรีภาพ ยกเว้นสิทธิในการเลือกเส้นทางจบชีวิตตัวเองที่ในปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ประเทศที่อนุญาตให้สามารถทำการุณยฆาตได้แล้ว อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม สเปน และแคนาดา
ดังนั้น นโยบายนี้ถือเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ที่ป่วยจากโรคทางกายที่รักษาไม่ได้ อย่างผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่ต้องทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ซึ่งนโนบายนี้จะอนุญาตให้บุคคลเหล่านี้ มีสิทธิในการเข้าสู่กระบวนการยุติชีวิตตนเองอย่างมีศักดิ์ศรีด้วยความช่วยเหลือจากแพทย์ แต่มีข้อกำหนดว่า ผู้ป่วยต้องมีสติและถูกรับรองว่าไม่มีอาการป่วยทางสุขภาพจิต
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายลาไปบอกลา ที่จะเพิ่มสวัสดิการวันลาสำหรับแรงงานที่อยู่ในสถานะ ‘ลูก’ ให้มีเวลากลับไปดูแลพ่อแม่ที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยนโยบายนี้จะเพิ่มสิทธิดังกล่าวไปในกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
ทั้งนี้ นโยบายทั้งสองเกิดขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงการดูแลและฟื้นฟูจากโรคภัยที่มีประสิทธิภาพอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุที่ไม่สามารถพึ่งพาตัวเอง จนบางครั้งต้องกลายเป็นภาระของบุตรหลานหรือญาติในการดูแล ซึ่งต้นตอของปัญหาอยู่ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือชุมชน ที่ยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ดีและบุคลากรทางการแพทย์อย่างเพียงพอ
พรรคที่เสนอ: พรรคก้าวไกล
2. ปลดล็อคเซ็กซ์ทอย (Sex Toy) ให้ถูกกฎหมาย
เป็นนโยบายจากสองพรรคการเมือง (ที่มีจุดยืนทางการเมืองค่อนข้างต่างกัน) ต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมเซ็กซ์ทอย ที่ในขณะนี้ยังถูกตีตราว่า เป็นสิ่งที่ลามก อนาจาร และเป็นอันตรายต่อศีลธรรมอันดีงาม
รวมถึง ยังเป็นสินค้าผิดกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 และถูกจัดให้เป็นของต้องห้ามตามความหมายในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 แต่ก็ยังมีการลักลอบซื้อขายสินค้าประเภทนี้อยู่ดี
โดยข้อเสนอของทั้งสองพรรคจะให้หน่วยงานรัฐ เช่น คณะกรรมการองค์การอาหารและยา (อย.) และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ควบคุม ตรวจสอบ และให้การรับรองคุณภาพของสินค้าเพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ผู้ซื้อว่าต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
ทั้งนี้ การกำหนดให้เซ็กซ์ทอยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ส่งผลให้ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีสินค้า และยังเป็นช่องว่างที่นำไปสู่ปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนที่ฉวยโอกาสเรียกรับสินบน
จากการรายงานของบริษัทวิจัย เทคนาวิโอ (Technavio) สหราชอาณาจักร ระบุว่า ตลาดเซ็กซ์ทอย ช่วงปี 2019-2023 เติบโตต่อเนื่องปีละ 7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสร้างเม็ดเงินมากกว่า 3 แสนล้านบาท โดยตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ได้แก่ อินเดียและจีน ดังนั้น ถ้าประเทศไทยปลดล็อกเซ็กซ์ทอย ก็จะเป็นการสร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐในรูปแบบของภาษีและค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
พรรคที่เสนอ: พรรคก้าวไกลและพรรคประชาธิปัตย์
3. เศรษฐกิจสายมู
บ้านเราขึ้นชื่อเรื่องมูเตลูอยู่แล้ว ทั้งการใส่เสื้อผ้าสีมงคล การถือฤกษ์งามยามดี การไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสายมูมีแนวโน้มเติบโตขึ้นแบบฉุดไม่อยู่
ทั้งนี้ ภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการหลักสูตร aMBA มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า “เศรษฐกิจสายมูจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เหมือนกับซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ของประเทศเกาหลี” โดยแนะนำให้ส่งเสริมเศรษฐกิจสายมูควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวที่ถือเป็นรายได้หลักของประเทศไปเลย
ดังนั้น จึงเกิดนโยบายที่ต้องการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวสายมูที่ถือว่าเป็นเทรนด์ใหม่ของโลก โดยนำความเชื่อและศรัทธามาเปลี่ยนเป็นเม็ดเงินมหาศาลให้แก่ประเทศ ด้วยการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวสายมู จังหวัดละ 1,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูหรือเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงเท่านี้ นโยบายดังกล่าวยังเป็นการสร้างอาชีพให้แก่ผู้คนในแต่ละจังหวัดด้วย
พรรคที่เสนอ: พรรคชาติพัฒนากล้า
4. หวยบำเหน็จ
คนไทยกับหวยเป็นของคู่กัน เพราะมีคนไทยไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของประเทศ (ประมาณ 20 ล้านคน) ที่ชอบเล่นหวย ไม่ว่าจะเป็นหวยบนดิน (สลากกินแบ่งรัฐบาล) หรือหวยใต้ดิน จนมีเงินสะพัดหมุนเวียนในแวดวงหวยในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท
ดังนั้น จึงมีการเสนอนโยบายที่จะเปลี่ยนเงินจากการซื้อหวยทุกเดือนให้กลายเป็นเงินออม ซึ่งมีทั้งดอกเบี้ยและเงินปันผลให้กับประชาชนไว้ใช้ในยามเกษียณ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ซื้อยังมีสิทธิได้รับเงินต้นคืนเมื่อซื้อหวยครบ 10 ปี และเมื่ออายุครบ 60 ปีขึ้นไป ก็จะได้รับเงินต้นที่ซื้อสลากฯ คืนทั้งหมดอีกด้วย
อย่างไรก็ดี นโยบายนี้เกิดขึ้นเนื่องจากทางพรรคเล็งเห็นว่า ในขณะนี้ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุจำนวนมาก (ราว 14 ล้านคน) และมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับพบว่าผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 80 มีเงินออมไม่พอใช้หลังเกษียณ และโดยส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพดูแลตนเองได้ เพราะร่างกายที่เสื่อมลงตามอายุขัย
สุดท้ายแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้ก็ต้องกลายเป็นภาระของลูกหลานที่ต้องมาคอยดูแล จนส่งผลกระทบไปถึงรายจ่ายของครอบครัว ทำให้บางครั้งลูกหลานไม่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ ดังนั้น หวยบำเหน็จจึงเป็นเครื่องมือในการออมเงินรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้ซื้อมีโอกาสทั้งลุ้นตัวเลขเหมือนซื้อหวยและยังมีสิทธิได้เงินต้นจากการซื้อหวยคืนอีก
พรรคที่เสนอ: พรรคไทยสร้างไทย
5. จบปริญญาตรีอายุ 18 ปี
เชื่อว่าเด็กไทยเกือบทุกคน คงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “เรียนสูงๆ จะได้ไม่ลำบาก” แต่กว่าจะจบสูงๆ ได้ ต้องใช้เวลานานหลายปี จึงเกิดการเสนอนโยบายที่จะปรับระบบการศึกษาให้ยืดหยุ่นมากขึ้น
เริ่มที่พรรคเพื่อไทย เสนอให้ลดจำนวนปีที่เรียนลงทั้งในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และมหาวิทยาลัย ที่จากเดิมเด็กไทยต้องใช้เวลาเรียนในช่วงประถมและมัธยมรวมทั้งสิ้น 12 ปี ให้เหลือเพียง 10 ปี และยังเสนอให้ลดเวลาเรียนปริญญาตรีจาก 4 ปี ให้เหลือเพียง 3 ปี เพื่อให้ทุกคนมีเวลามากขึ้นในการค้นหาตัวเองและทำงานที่ชอบได้เร็วขึ้น
ด้านพรรคไทยสร้างไทยก็เสนอว่า ควรลดเวลาเรียน เพราะหลายคนคิดว่าบางวิชาไม่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพเลย จึงจะตัดเวลาเรียนให้สั้นลง 3-4 ปี ซึ่งจะทำให้คนจบปริญญาตรีตั้งแต่อายุ 18 ปี เพื่อช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์และตั้งตัวได้เร็วขึ้น
พรรคที่เสนอ: พรรคเพื่อไทยและพรรคไทยสร้างไทย
6. วินมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันละ 6,000 บาท
เชื่อว่านโยบายนี้คงตอบโจทย์ทั้งไรเดอร์ส่งสินค้า วินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง และสายคนรักสิ่งแวดล้อม เพราะจะสนับสนุนให้ผู้คนใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยการให้ผ่อนเพียงเดือนละ 100 บาท เป็นเวลา 60 งวด
จุดเริ่มต้นของนโยบายนี้เกิดขึ้นหลังจากทางพรรคลงไปสำรวจปัญหาแล้วพบว่า เกือบทุกคนต่างประสบปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่เพิ่มต้นทุนในการประกอบอาชีพให้กับวินและไรเดอร์ ตลอดจนประชาชนทั่วไป
รวมถึงยังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องฝุ่นพิษ PM 2.5 ดังนั้น นโยบายดังกล่าว ยังจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและยังช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศ
พรรคที่เสนอ: พรรคภูมิใจไทย
7. รับเลี้ยงหมาแมวจร แถมฟรีประกันสุขภาพ
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินประโยค “Adopt, Don’t shop” ที่เป็นการรณรงค์ให้ผู้คนรับเลี้ยงหมาและแมวจรแทนการซื้อ เพื่อลดจำนวนประชากรและปัญหาการเพาะพันธุ์สัตว์ที่โหดร้าย
แม้ว่าในปัจจุบัน ประเทศไทยจะเป็นประเทศหนึ่งที่มีความนิยมในการเลี้ยงหมาและแมว และยังเป็นหนึ่งในผู้นำของการพัฒนาสายพันธุ์และสร้างธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง เช่น อาหารสัตว์ แต่ประเทศไทยยังประสบกับปัญหาหมาและแมวจรติดอันดับต้นๆ ของโลก
นอกจากนี้ การเพิ่มจำนวนประชากรหมาและแมวจรอย่างรวดเร็วจะสร้างปัญหาต่อสุขอนามัยภายในเมือง และอาจมีส่วนในการแพร่เชื้อโรคติดต่อจากสัตว์จรสู่สัตว์เลี้ยงหรือสู่มนุษย์ รวมถึง การละเลยหมาและแมวจรยังส่งผลกระทบในแง่สวัสดิภาพสัตว์อีกด้วย
ดังนั้น นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อชักจูงผู้คนให้รับเลี้ยงแทนการซื้อ ด้วยการให้สวัสดิการรักษาพยาบาลฟรีสำหรับหมาและแมวที่ถูกรับเลี้ยง ไม่เพียงเท่านี้ ยังจะพัฒนาระบบบริการสาธารณะ ด้วยการส่งเสริมให้มีสัตว์แพทย์และฝ่ายสวัสดิภาพสัตว์ประจำเทศบาล หรือแม้แต่ให้มีรถพยาบาลสัตว์ และสัตวแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อตรวจเช็คสุขภาพหมาแมวและลดโรคภัยติดต่อ
รวมถึง พัฒนาระบบพี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงชั่วคราว เพื่อช่วยในการปรับตัวของสัตว์จรในสถานพักพิงให้เข้ากับครอบครัวและบ้านใหม่ได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ยังจะช่วยให้คำแนะนำสำหรับเจ้าของน้องหมาและแมวรายใหม่อีกด้วย
พรรคที่เสนอ: พรรคก้าวไกล
8. ยกเลิกการใช้แบงค์ 1,000 แก้ปัญหาคอร์รัปชั่น-ธุรกิจสีเทา
เป็นนโยบายที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อขจัดปัญหาการคอร์รัปชั่นและธุรกิจสีเทา ด้วยการให้กลุ่มคนเหล่านี้ใช้จ่ายอย่างยากลำบากมากขึ้น เพราะเงินนอกระบบ (Black Money) ซึ่งหมายถึงเงินที่มาจากธุรกิจใต้ดิน เงินจากธุรกิจมืด หรือเงินจากการค้ายาและสิ่งผิดกฎหมาย ที่ผู้กระทำผิดมักจะไม่นำเข้าสู่ระบบธนาคารเพราะกลัวความผิด แต่มักจะเลือกเก็บเงินสด (โดยเฉพาะแบงค์ 1,000 บาท) ไว้กับตัวเองแทน
เพราะการนำเงินเข้าสู่ระบบครั้งละมากๆ ย่อมเป็นการส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบว่าที่มาของเงินมาจากไหน จึงทำให้ผู้กระทำผิดมักเก็บเงินสดไว้ โดยการเก็บซ่อนไว้ในที่ต่างๆ หรืออาจมีการฟอกเงินด้วยเทคนิควิธีต่างๆ เช่น การนำไปสร้างธุรกิจเพื่อบังหน้า การซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่การซื้อทองคำและเครื่องประดับ
ท้ายที่สุดแล้ว เงินเหล่านี้ควรถูกนำมาช่วยเหลือประชาชนและนำไปพัฒนาประเทศ แทนที่จะถูกซ่อนไว้โดยคนบางกลุ่มเท่านั้น ดังนั้น นโยบายนี้ ถือว่าเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการปราบโกงตามสโลแกนหลักของพรรคที่เสนอนโยบาย
พรรคที่เสนอ: พรรคไทยภักดี
พอมาถึงจุดนี้ เราคงเห็นว่านโยบายที่กล่าวข้างต้นก็สำคัญไม่แพ้นโยบายหลัก และยังตอบโจทย์กับผู้คนแตกต่างกันไป แต่ทุกนโยบายก็ต่างถูกสร้างขึ้นมาเพื่อประชาชนทั้งสิ้น ดังนั้น อยากให้ใครเข้าไปเป็นรัฐบาล ก็อย่าลืมไปใช้เสียงของตัวเองที่คูหาเลือกตั้งกันนะ!
อ้างอิงจาก
election66.moveforwardparty.org (1) (2) (3)