การแสดงความรักซึ่งกันและกันเป็นพาร์ตหนึ่งที่ทุกคู่รักต้องมี เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความสุขในการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน หลายๆ คู่รักจึงชอบที่จะกอด จูบ หอมแก้ม หรือสัมผัสร่างกายกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่การแสดงความรักในพื้นที่ที่ไม่ส่วนตัวนั้นเป็นที่ยอมรับได้มากน้อยแค่ไหนกันนะ?
แม้สมัยนี้จะเปิดกว้างมากขึ้นในเรื่องการแสดงความรักนอกสถานที่ หรือที่ต่างประเทศมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ‘PDA’ (ย่อมาจาก public displays of affection) อย่างที่เราจะเห็นคู่รักเดินจับมือถือแขน โอบกอด หอมแก้มหรือจุ๊บปากกันตามท้องถนน ห้างสรรพสินค้า หรือสวนสาธารณะ ซึ่งการแสดงออกเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ดีต่อชีวิตคู่ เพราะงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอได้ระบุว่า คู่รักที่แสดงความรักต่อกันบ่อยๆ หรือมีความสนิทสนมกัน มีแนวโน้มที่จะพึงพอใจและมีความสุขกับความสัมพันธ์มากกว่าคู่รักที่ไม่ค่อยได้แสดงความรักต่อกันมากนัก
แต่การแสดงออกที่มากเกินไป ก็อาจนำไปสู่ความอึดอัดใจของคนรอบข้างได้ เพราะพื้นที่สาธารณะ (public space) ที่เชื่อกันว่าเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมและแลกเปลี่ยนความคิดของคนในสังคม แม้บางจุดจะยังมีความก้ำกึ่งระหว่างความเป็นส่วนตัวและความเป็นสาธารณะ แต่โดยส่วนมากมันก็คือการใช้สอยพื้นที่ร่วมกันของคนหมู่มาก ซึ่งทำให้จำเป็นต้องมีกฏเกณฑ์ กฏระเบียบ หรือค่านิยมอะไรบางอย่างมากำกับใช้เพื่อให้เกิดความผาสุข
อย่างในบางพื้นก็ที่ยังไม่เปิดรับวัฒนธรรม PDA มากนัก เพราะแม้การจูบจะเป็นการแสดงออกความรักที่ดูเป็นสากล แต่ผลการวิจัยจากคณะมานุษยวิทยาของมหาวิทยาลัยเนวาดากลับพบว่า มากกว่า 84 วัฒนธรรมทั่วโลกมองว่าการจูบเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และมีอีก 168 วัฒนธรรมที่ไม่มีการจูบ เพราะพวกเขามักจะรู้สึกอายเวลาเห็นการจูบกันแบบโรแมนติก
ชาวเมฮินาคุ (Mehinaku) ในประเทศบราซิล ได้ให้ความเห็นกับนักวิจัยว่า การจูบเป็นอะไรที่น่าขยะแขยง เพราะเหมือนกับคนสองคนกำลังแชร์อาหารมื้อค่ำกันอยู่ หรือชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันหลายคนไม่ยอมรับการจูบกัน จนเพิ่งจะมาคลายลงหลังมีการปฏิสัมพันธ์กับชาวยุโรป ประเทศญี่ปุ่นเองที่แม้จะดูเปิดเผยในเรื่องของการแสดงออกทางเพศ ก็ยังมองว่าการจูบเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ
บางประเทศถือว่า PDA เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายเลยก็มี และมีบทลงโทษกำหนดไว้อย่างชัดเจน เช่นในประเทศอินเดีย การแสดงความรักนอกสถานที่ถือเป็นความผิดทางอาญา ถ้าใครละเมิดจะถูกจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือถูกปรับเงินจำนวนมาก หรือในประเทศอาหรับ การจับมือกันไม่ใช่เรื่องผิดกฏหมาย แต่อนุญาตให้ได้เฉพาะแค่เพื่อนกันและเป็นเพศเดียวกันเท่านั้น
วกกลับมาที่ประเทศไทย ถ้าถามว่า PDA นั้นแสดงออกได้มากน้อยแค่ไหน หากการกระทำนั้นไม่ได้ไปไกลถึงขั้นแก้ผ้าหรืออนาจารก็นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฏหมายและไม่มีบทลงโทษ แต่! อาจจะผิดจารีตประเพณี ผิดไปจากขนบธรรมเนียม หรือมาตรวัดบางอย่างที่คนในสังคมเอาไว้ใช้ชี้วัดความถูกผิด ซึ่งมาตรวัดของแต่ละคนหรือแต่ละสถานที่ก็จะมากน้อยไม่เท่ากัน จึงนำไปสู่เรื่องของ ‘กาลเทศะ’ แทน
ดังนั้น ในหลายๆ ประเทศที่กึ่งๆ จะยอมรับวัฒนธรรม PDA จึงใช้บริบทด้านสถานที่และเวลาเป็นตัวกำหนดระดับการรับได้ เพราะไม่ใช่ทุกที่ที่การจูบ กอด หรือสัมผัสร่างกายกันแบบเปิดเผยจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม เช่นเวลารวมญาติ วัยรุ่นหรือคนเป็นพ่อแม่ส่วนใหญ่จะรู้ว่าการทำ PDA ต่อหน้าคนรุ่นปู่รุ่นย่าหรือเด็กๆ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ หรือในที่ทำงาน โรงเรียน สถานที่ราชการที่มีกฏระเบียบเข้มงวดมากเป็นพิเศษ การแสดงความรักที่มากเกินไปนั้นแสดงให้เห็นถึงการไม่เคารพสถานที่และผู้คนในนั้น
พื้นที่สาธารณะในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ หรือกลางสี่แยกเท่านั้น เพราะยังมีพื้นที่สาธารณะที่ทุกวันนี้เรานิยมใช้ในการแสดงออกกันเป็นจำนวนมาก นั่นก็คือ ‘สื่อสังคมออนไลน์’ ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย ฟอรั่ม หรืออื่นๆ ที่มีลักษณะของการบอร์ดแคสต์ข่าวสารไปยังมวลชน ซึ่งการ PDA จะถูกแสดงออกผ่านการโพสต์ข้อความ รูป คลิปวิดีโอ หรือคลิปเสียง หากเป็นในช่องแชตส่วนตัวนั้นถือว่าโอเค เพราะรับรู้กันเพียงแค่สองคน แต่ถ้าเป็นการสื่อสารกันแบบเปิดเผย เช่นไปโพสต์รูปหรือข้อความ 18+ บนหน้าฟีดเฟซบุ๊กที่มีคนมาร่วมรับรู้เป็นจำนวนมาก นอกจากจะทำให้คนอื่นๆ มาเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ก็อาจจะทำให้คู่รักของตัวเองรู้สึกอับอายได้
รองลงมาจากเรื่องสถานที่ก็จะมีอีกหนึ่งมาตรวัดที่ใช้ชี้ว่า แค่ไหนคือพอดี หรือแค่ไหนคือมากเกินไป เพราะบางพฤติกรรมก็เป็นเรื่องที่รับได้ แต่ก็ควรระวังให้อยู่ในขอบเขตที่พอดี ซึ่งบทความจากเว็บไซต์ the spruce ได้อธิบายว่า ‘การจูบ’ ถือเป็นเรื่องโอเคที่จะแสดงออกบ้างบางครั้ง อย่างเวลาทักทายหรือร่ำลาคนรัก แต่การจูบแบบดูดดื่ม ยาวนาน หรือมีการแลกลิ้นเกิดขึ้น อาจเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมในบางสังคม และทำให้คนรอบข้างอยากหันหน้าหนีได้
‘การสัมผัส’ ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะแตะเนื้อต้องตัวคู่รัก เช่น การโอบเอวหรือโอบแขนขณะนั่งเล่น เดินเล่นในสวนสาธารณะ แต่ควรระวังไม่ให้ไปสัมผัสบริเวณที่ลับหรือที่ส่วนตัว เพราะนั่นจะถือว่าถึงขั้นเป็น ‘การลูบคลำ’ ที่เป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำในที่สาธารณะ และอาจผิดกฏหมายได้ แม้บางครั้งเราจะคิดว่าไม่มีใครสังเกตอยู่ก็ตาม แต่เมื่อออกไปยังพื้นที่สาธารณะที่มีคนมากมาย เราไม่อาจแน่ใจได้ว่าไม่มีใครกำลังมองเราอยู่
หากต้องการจะแสดงความรักต่อกันจริงๆ การสัมผัสหรือการแสดงออกอย่างนุ่มนวล อ่อนโยน ก็อาจช่วยให้การ PDA นั้นดูน่ารัก โรแมนติกมากกว่าน่าขายหน้า อย่างการจุ๊บที่แก้มเบาๆ หรือส่งสายตาหวานๆ ก็ทำให้ใจเต้นได้เหมือนกัน แถมยังไม่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกกระอักกระอ่วนอีกด้วย
อย่าลืมว่าพอออกจากห้องไป รอบกายก็จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย หลากหลายเพศ อายุ ความคิด ซึ่งการจะอยู่ร่วมกันในสังคมก็จำเป็นที่จะต้องปรับตัวตามวัฒนธรรมและบริบทนั้นๆ และถ้าหากยังไม่ชัวร์ว่าที่ตรงนั้นจะสามารถแสดงความรักกับแฟนได้มากน้อยแค่ไหน ทางที่ดีก็ควรการเก็บท่าทีไว้ก่อน แล้วค่อยไปแสดงออกในพื้นที่ส่วนตัวทีหลังก็น่าจะปลอดภัยและสบายใจที่สุด
อ้างอิงข้อมูลจาก