ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ดุเดือด ประชาชนออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลกันตลอดหลายวัน หนึ่งสิ่งที่เราเห็นคือภาพความสามัคคีของผู้ชุมนุม ทั้งในม็อบ กับความเป็นระเบียบ จัดการแถวผู้ชุมนุม เก็บขยะต่างๆ ไปถึงภาพนอกม็อบ กับการสนับสนุนทางการเงิน เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับองค์กรที่เคลื่อนไหวต่างๆ
และหนึ่งกลุ่มที่สร้างปรากฎการณ์ในครั้งนี้ คือเหล่าแฟนด้อม หรือแฟนคลับศิลปินเกาหลี ที่ภายในระยะเวลาไม่ถึงสัปดาห์ด้อมต่างๆ รวบรวมเงินโดเนทกันเพื่อการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยได้มากกว่า 3 ล้านบาทแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ในบ้านเราเอง ก็ถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีกลุ่มแฟนคลับ หรืออาจเรียกว่าติ่งเกาหลีเป็นจำนวนมาก และเป็นกลุ่มที่มีอยู่มายาวนานกว่าทศวรรษ โดยที่ผ่านมา แม้หลายคนอาจจะมีภาพจำกับแฟนคลับเหล่านี้ในด้านลบ หรือมักมาพร้อมข่าวดราม่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในหลายๆ ครั้ง พวกเขาเป็นแรงขับเคลื่อน รวมถึงในการเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งนี้ พวกเขาได้มามีบทบาทสำคัญเช่นกัน
The MATTER ได้พูดคุยกับบ้านแฟนด้อมของศิลปิน และแฟนคลับที่มีส่วนในการระดมเงินครั้งนี้ ถึงเหตุผลที่เขาออกมาใช้พลังติ่งในการเรียกร้องประชาธิปไตย และพวกเขามองอย่างไร เมื่อถูกตั้งคำถามว่ามีกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ไปถึงว่าหากการเมืองดี พวกเขาจะสนับสนุนศิลปินที่พวกเขารัก ได้สะดวกและดีขึ้นอย่างไรบ้าง
ใช้พลังของแฟนคลับ เป็นพลังสนับสนุนประชาธิปไตย
อาร์มี่ (ARMY) กลุ่มแฟนคลับของศิลปินวง BTS เป็นกลุ่มแฟนกลุ่มแรกๆ ที่ออกมาเริ่มกิจกรรมโดเนทนี้ โดยอาร์มี่ที่เป็นผู้รวบรวม และจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาบอกเราว่า ปกติเธอเองก็โดเนทให้กับ พี่ทราย เจริญปุระ ดาราหญิงที่ซัพพอร์ตการชุมนุมอยู่แล้ว
“เริ่มต้นมาจากการที่เราเองจะโอนเงินสนับสนุนกับพี่ทรายส่วนตัวอยู่แล้ว และคิดว่าถ้าเราได้ทำในนามของกลุ่มแฟนคลับก็น่าจะได้เงินก้อนใหญ่ขึ้น เราเลยลองทวิตถามดู ซึ่งหลังจากนั้นก็มีพี่-น้อง-เพื่อน ในกลุ่มแฟนคลับสนใจอยากจะร่วมโดเนทในนามกลุ่มแฟนคลับด้วย เราเลยได้เป็นตัวกลางในการเปิดรับโดเนทแล้วนำเงินที่ได้ไปสมทบให้กับพี่ทราย และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน”
พลังของแฟนคลับ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายบ้านเล่าให้ฟังว่าอยากแสดงให้เห็นจากการโดเนทครั้งนี้ โดย ‘โซวอน’ (SONE) กลุ่มแฟนคลับของเกิร์ลกรุ๊ป Girls’ Generation ก็เล่าว่า ในตอนแรกทางบ้านก็ไม่คิดจะเปิดรับโดเนท เพราะกังวลเรื่องการถูกคุกคาม แต่ก็อยากแสดงให้เห็นถึงพลังแฟนคลับจึงออกมาเปิดรับโดเนท
“ตอนแรกเราไม่เปิดโดเนท เพราะกลัวว่าเจ้าของบัญชีจะถูกคุกคาม แต่เนื่องจากมีคนสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมถึงแอคเคาน์เราก็มีคนติดตามพอสมควรจึงได้เปิดรับโดเนทตรงนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อแสดงพลังแฟนคลับ และแสดงให้เห็นว่านอกจากเราจะชื่นชอบในสิ่งเดียวกันแล้ว เรายังมีอุดมการณ์ร่วมกันอีกด้วย ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะได้รับความสนใจและได้รับยอดโดเนทมาเป็นจำนวนมากขนาดนี้” โดยจากการเปิดรับทั้งสองรอบ มีโซวอนที่ร่วมกันบริจาคมากถึง 779,562.83 บาท (เปิดรับวันที่ 17-18 ตุลา และขณะนี้ปิดรับการโดเนทแล้ว)
โซวอนยังมองว่า “กลุ่มแฟนคลับนั้นเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความมหัศจรรย์มากๆ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มีความหลากหลายทั้งอายุ อาชีพ มาจากต่างที่ต่างถิ่นแต่สามารถเชื่อมโยงกันได้ด้วยความชอบที่เหมือนกัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวแทนของคนรุ่นใหม่ พวกเรามีพลังในการสนับสนุนศิลปินที่ตนเองชอบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออัลบั้ม การปั่นวิวในยูทูบ การซื้อบัตรคอนเสิร์ต-แฟนมีตติ้ง ฯลฯ เพียงแต่คราวนี้เราเปลี่ยนจากสนับสนุนศิลปินมาสนับสนุนประชาธิปไตย สนับสนุนประชาชนเพื่อนร่วมชาติที่เสียสละช่วยกันออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย จากการซื้ออัลบั้มก็เปลี่ยนเป็นซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นให้ม็อบ จากแปลข่าวสารศิลปิน ก็เปลี่ยนมาเป็นแปลข่าวสารบ้านเมืองเราให้ทั่วโลกได้รับรู้ พลังของเราเป็นพลังบริสุทธิ์ที่ทำด้วยใจเหมือนเช่นที่เราสนับสนุนศิลปิน”
เช่นเดียวกับวอนนาเบิล (WANNABLE) แฟนคลับของวง WANNA ONE ก็มองว่าพอเป็นเรื่องพลังของแฟนคลับแล้ว ก็จะมีความรู้สึกว่าจะเสียหน้ากลุ่มอื่นๆ ไม่ได้ ดังนั้นการบริจาคในนามแฟนคลับก็กระตุ้นให้คนบริจาคมากขึ้น และถือเป็นประโยชน์มากๆ ด้วย ซึ่งปกติแล้ว การโดเนทก็ถือเป็นเรื่องปกติ ในกลุ่มแฟนด้อมเกาหลี ซึ่งส่วนมากพวกเขาจะโดเนทในงานวันเกิดศิลปิน โปรโมทป้ายวันเกิดในที่สาธารณะต่างๆ หรือบางครั้งก็บริจาคกับมูลนิธิต่างๆ ด้วย ทั้ง เอ็กโซแอล (EXO-L) แฟนคลับของวง EXO ก็เห็นเช่นกันว่า การร่วมโดเนทในนามแฟนคลับ ช่วยกันกระจายข่าวได้เร็วขึ้นด้วย
แน่นอนว่าเมื่อมีกลุ่มแฟนคลับที่เริ่มเปิดโดเนทกัน กลุ่มอื่นๆ ก็เลยใช้วิธีนี้กันมากขึ้น โดย ‘เอลฟ์’ (ELF) หรือกลุ่มแฟนคลับของวง Super Junior ก็เล่าว่า พอเห็นแฟนด้อมอื่นๆ เปิดรับ ก็ทำให้คิดว่าเอลฟ์เอง ก็น่าจะมีบ้างเหมือนกัน ทั้งยังเห็นว่าเมื่อมีบ้านเบสแล้ว ก็ควรใช้เสียงตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ ทั้งยังเปรียบเทียบว่า พอเป็นการโดเนทในนามด้อมเอง ก็เป็นเหมือนกีฬาสี ที่ใครๆ ก็อยากให้สีเราเด่น และชนะ
“เราเองเป็นคนที่เห็นด้วยกับการเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนอยู่แล้ว แล้วเรามีบ้านเบสอยู่ในมือ ทำไมเราจะไม่ใช้เสียงตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ ก่อนที่จะออกมารับโดเนท เราคิดเยอะมากว่าถ้าออกมาแล้วจะเป็นยังไงบ้าง เพราะพูดตรงๆก็ไม่ใช่ทุกคน 100% ที่จะเห็นด้วยกับครั้งนี้
แต่เราคิดว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง สนับสนุนพลังบริสุทธิ์ของประชาชน และอีกอย่างคือ อยากทำให้เอลฟ์ที่อาจจะโดดเดี่ยว และไม่มั่นใจ เพราะมีคนรอบตัวที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับการออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยในครั้งนี้ ได้มั่นใจว่า คุณกำลังทำสิ่งถูกต้องอยู่
เหมือนคำที่เอลฟ์เคยบอกกับ Super Junior ว่า ‘ในวันที่ทั้งโลกหันหลังให้คุณ แต่โลกสีน้ำเงิน sapphire blue (สีประจำแฟนคลับ) ใบนี้ไม่เคยทรยศคุณ แบบนั้นเลย”
กลุ่มแฟนด้อมหวังว่า เงินของพวกเขาจะไปช่วยสนับสนุนการชุมนุมได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ต่างๆ ช่วยเหลือผู้ร่วมชุมนุม และช่วยเหลือในกระบวนการทางกฎหมาย
“เรารู้ว่ามันไม่สามารถเรียกร้องประชาธิปไตยได้โดยตรง แต่อย่างน้อยเงินส่วนนั้นก็สามารถทำให้ผู้ร่วมชุมนุมได้รับความสะดวกสบาย อาจจะนำไปเป็นค่าจัดหาที่พัก ค่าอาหารต่างๆ น้ำดื่ม รวมไปถึงนำไปซื้อสิ่งอุปกรณ์ต่างๆ อาทิเช่น หมวก แว่นตา เสื้อกันฝน ร่ม เป็นต้น ถึงตัวเราจะไม่ได้อยู่ที่นั่น หรือไปร่วมชุมนุมด้วย แต่อย่างน้อยเราก็ได้ซัพพอร์ตตรงนี้” EXO-L เล่า ซึ่ง WANNABLE เองก็มองเช่นกันว่า หลายๆ คนที่อยากไปร่วมชุมนุมมาก แต่ไม่สามารถไปไ้ด้ การมีช่องทางโดเนทนี้ ก็ทำให้มีส่วนร่วมในการเรียกร้องประชาธิปไตยเช่นกัน
ขณะที่บางกลุ่มก็เลือกจะสนับสนุน และโอนเงินให้กับศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนด้วย เพื่อช่วยเหลือในส่วนของผู้ที่ถูกดำเนินคดีเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญคือพวกเขาแจ้งแฟนคลับที่โดเนทว่า เงินพวกนั้นถูกส่งต่อให้กลุ่มใด และใช้อย่างไร
บ้านแฟนคลับโซวอนเล่าว่า “เราแบ่งไปบริจาคให้กลุ่มทนายเพื่อใช้ในการช่วยเหลือแกนนำหรือประชาชนที่ถูกดำเนินคดี เพราะออกมาใช้สิทธิของตนเรียกร้องประชาธิปไตย รวมถึงหน่วยงานกลุ่มอื่นๆ ที่มีความจำเป็น โดยจะมีการรายงานการดำเนินการอยู่ตลอดเพื่อให้แฟนคลับที่โดเนทเกิดความสบายใจว่าเงินที่โอนมาจะถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด”
แฟนด้อมนี้มีเบื้องหลัง ?
เมื่อมีข่าวที่แฟนคลับเหล่านี้ ออกมารวมเงินโดเนทกันได้มากถึงหลักหลายล้าน ในช่วงที่สภาวะการเมืองมีความคิดหลากหลาย เช่นเดียวกับกิจกรรมทางการเมืองหลายอย่างที่มีคนบางกลุ่มมองว่า ‘มีคนอยู่เบื้องหลัง’ การโดเนทของเหล่าแฟนด้อมครั้งนี้ ก็ถูกมองว่ามีคนที่ชักจูงอยู่เช่นกัน โดยอาร์มี่ก็บอกกับเราเลยว่า เบื้องหลังก็คือพวกเราแฟนคลับนี่เอง
“พวกเราที่เป็นคนธรรมดาๆ เป็นแฟนคลับของศิลปิน ที่บางคนก็มองว่าพวกเราไร้สาระ แต่จริงๆแล้วการเมืองมันคือเรื่องของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เราทุกคนสามารถอยู่เบื้องหลังของการโดเนทได้”
ด้าน EXO-L ก็บอกกับเราว่า ต้องมีคนที่คิดแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งไม่สามารถบังคับความคิดใครได้ “แต่เราทำตามจุดประสงค์ที่พวกเราต้องการออกมาให้เต็มที่ก็เพียงพอแล้ว เราทำด้วยใจ และความบริสุทธิ์ใจของพวกเราเอง อยากให้ทุกคนได้รู้ว่าถึงเราจะรักและชอบศิลปินขนาดไหน แต่เราก็ไม่ได้ทอดทิ้งเพื่อนๆ ของเราที่เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ทุกคน”
อิทธิพล และกระแสของ K-POP เองก็เข้ามาในประเทศไทยมากกว่า 10 ปีแล้ว วง Girls’ Generation และ Super Junior ก็เป็นสองวงที่เดบิวต์ และมีอายุวงมากกว่า 10 ปี ซึ่งแฟนด้อมของทั้งสองวงก็มองว่า แฟนคลับมีทั้งนักเรียน และคนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีกำลังเงิน
“คนภายนอกอาจจะประหลาดใจ เพราะจำนวนเงินที่เราได้มาโดเนทร่วมกันนั้นเป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควร แต่แฟนคลับนั้นมีทั้งในวัยเรียน และกลุ่มวัยทำงานที่รายได้มั่นคง ที่มีกำลังในการซัพพอร์ตสินค้าเกี่ยวกับศิลปิน เพราะฉะนั้นแล้วการโดเนทเงินช่วยเหลือม็อบจึงไม่เกินกำลังของพวกเรา และไม่จำเป็นต้องมีใครอยู่เบื้องหลัง เงินทุกบาททุกสตางค์ในบัญชีที่ทุกคนโอนมานั้นเป็นสิ่งที่แสดงถึงความหวังและความตั้งใจของทุกคน เราร่วมใจกันบริจาคช่วยเหลือด้วยใจ ด้วยอุดมการณ์ ด้วยความมุ่งมั่นว่าจะเห็นประเทศเปลี่ยนแปลง และเป็นประชาธิปไตย” บ้านโซวอนเล่า
ขณะที่บ้านเอลฟ์ มองว่า “อย่างซูเปอร์จูเนียร์ อายุวงจะครบ 15 ปีในเดือนหน้า หลายๆคนที่เริ่มชอบเค้าตั้งแต่วัยมัธยมผมติ่ง ตอนนี้เติบโตเป็นวัยทำงานกันส่วนใหญ่หมดแล้ว มีกำลังในการหาเงิน มีอำนาจในการตัดสินใจใช้เงินของตัวเอง การรวมเงินโดเนทเลยเกิดขึ้นได้ไม่ยาก คนที่ติดภาพว่าแฟนคลับเกาหลีมีแต่เด็กมัธยมคือจะไม่ให้โอกาสดิชั้นได้เติบโตบ้างเลยเหรอคะ มันก็เป็นสิบปีแล้ว ทุกคนโตขึ้นทุกปี โกโก้”
เพราะถ้าการเมืองดี แฟนคลับก็จะสนับสนุนศิลปินได้มากขึ้น
ในช่วงที่เกิดการชุมนุมในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบบการขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าก็มีประกาศปิด ไม่เปิดสถานี ตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการชุมนุม ซึ่งเมื่อผ่านสถานีรถไฟฟ้าเหล่านี้ เรามักเห็นภาพโฆษณา โปรโมทศิลปินเกาหลีเหล่านี้ ในหลายๆ สถานี ซึ่งเมื่อมีการปิดให้บริการรถไฟฟ้า เพราะคำสั่งรัฐบาล แฟนคลับหลายๆ กลุ่มก็ตั้งใจว่า ต่อจากนี้จะไม่สนับสนุนการขึ้นป้าย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ให้รถไฟฟ้า
“เพราะจริงๆแล้วค่าใช้จ่ายในการทำขึ้นป้ายก็มากพอควรอยู่ เรายังมีอีกหลายช่องทางที่จะโปรโมทวันเกิดของศิลปินเราได้ ในเมื่อจุดยืนของเค้ากับเรามันต่างกัน เราเองก็ขอไม่สนับสนุนให้เค้ามีรายได้จากการขึ้นป้ายโฆษณาต่อ” อาร์มี่คนหนึ่งบอก
ในส่วนของ EXO-L เอง ก็ชี้ว่า “เราคิดว่าเป็นความคิดที่ดี และเล็งเห็นความสามัคคีกันของบ้านแฟนคลับแต่ละบ้าน ที่จะไม่สนับสนุน มันแสดงให้เห็นว่าชาวแฟนคลับอย่างพวกเราที่เป็นบุคคลรุ่นใหม่ไม่เอาเผด็จการ ทุกคนต่างไม่ยอมรับและพร้อมที่จะเลิกสนับสนุนความไม่ถูกต้องแน่นอนอยู่แล้ว”
ทั้งจากวลีสำคัญที่ถูกพูดถึงในช่วงที่กระแสการเมืองกำลังมานี้ คือคำว่า ‘ถ้าการเมืองดี’ ซึ่งเราก็นำคำถามนี้ มาถามกับกลุ่มแฟนคลับว่า พวกเขาคิดว่า หากการเมืองดี พวกเขาจะสามารถสนับสนุนศิลปินได้สะดวก และง่ายขึ้นอย่างไรบ้าง
ทุกบ้าน และแฟนคลับที่เราพูดคุย ก็บอกกับเราตรงกันว่า ถ้าการเมืองดี ค่าบัตรคอนเสิร์ตจะไม่มีราคาแพงขนาดนี้ โดยไทยถือเป็นหนึ่งประเทศที่มีค่าราคาบัตรที่สูง บางคอนเสิร์ตมีราคาแพงสุดอยู่ที่ 7,000 – 8,000 บาทด้วย
“ถ้าการเมืองดี เศรษฐกิจก็จะดีตาม เราจะสามารถสนับสนุนศิลปินที่เรารักได้อย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องกังวลอะไรเลย แฟนคลับจะมีกำลังทรัพย์ในการสนับสนุนศิลปินมากยิ่งขึ้น” โซวอนเล่า ทั้ง EXO-L ก็เสริมว่า แฟนคลับอาจจะมีกำลังทรัพย์เดินทางไปดูคอนเสิร์ตศิลปินที่ประเทศบ้านเกิดได้ด้วย
อีกประเด็นหนึ่งที่แฟนด้อมเห็นตรงกัน คือเรื่องของการคมนาคม ว่าหากการเมืองดี พวกเขาจะสามารถเดินทางไปดูคอนเสิร์ต ที่อาจเลิกดึกได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง
“ถ้าการเมืองดี ระบบคมนาคมของเราก็น่าจะดีขึ้นด้วย จากถนนหนทาง ระบบคมนาคมที่มันเละเทะไม่เป็นระเบียบ หากมีการจัดสรรที่ดี เราก็จะสามารถไปคอนเสิร์ตได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าคอนเสิร์ตเลิกค่ำแล้วเราจะมีรถกลับบ้านไหม ไม่ต้องออกจากบ้านล่วงหน้าหลายๆชั่วโมงเพราะกลัวจะไปรถติดอยู่บนท้องถนนแล้วเข้าคอนไม่ทัน” อาร์มี่บอกกับเรา
สำหรับพลังของติ่งเกาหลีที่เกิดขึ้นนั้น อ.ปองขวัญ สวัสดิภักดิ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรมศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งคนที่มีความชื่นชอบในวงการ K-POP ได้บอกกับเราถึงการร่วมโดเนทของบ้านแฟนด้อมในครั้งนี้ว่า
“เรารู้สึกว่า ติ่งเกาหลีก็คือประชาชนคนไทย อย่างน้อยไม่ว่าเขาจะชอบใคร หรือไม่ชอบใคร เขาก็คือประชาชนคนไทย แต่ว่าสิ่งที่ติ่งเกาหลี มีมากกว่ากลุ่มอื่นๆ คือมีออกาไนซ์ เขารู้จักการจัดการกันมาตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว ว่าการจัดไลน์การทำงานเป็นยังไง จะจัดการเงินยังไง จะระดมคนยังไง มันมีการทำงานที่เป็นขั้นเป็นตอนชัดเจน อาจจะออกาไนซ์ได้ดีกว่าม็อบด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่เป็นความรู้ที่พวกเขาสามารถทำได้ เราว่ามันเป็นสิ่งที่ดี
และสิ่งหนึ่งที่เราคิดว่ามันดีมากกว่านั้น คือการลบคำสบประมาทที่ว่า ติ่งเกาหลีคือพวกที่ไม่รู้เรื่อง ไม่สนใจการเมือง เป็นพวกไร้สาระไปวันๆ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เราพยายามออกมาพูดตลอดว่าจะไปดูถูกพวกเขาได้ยังไง คนพวกนี้ก็คือคนทั่วไป และไม่มีอะไรที่เป็นเส้นแบ่งว่า คนฟังเพลงแนวอื่นคือคนฉลาด และคนฟังเพลงเกาหลีคือคนโง่กว่า