เกือบ 3 ปีหลังจากเหตุการณ์บุกอพาร์ทเมนต์เข้าไปทำร้าย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการและผู้ลี้ภัยทางการเมืองในญี่ปุ่น เมื่อวานนี้ (19 พ.ค.) ศาลเมืองเกียวโต ได้ดำเนินการพิจารณาคดีนัดแรกแล้ว โดยผู้ก่อเหตุรับสารภาพในทุกข้อหา แต่ไม่ยอมให้การว่า ใครเป็นคนจ้างวานมา
ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เปิดเผยว่า อัยการได้นำตัวผู้ต้องหาที่บุกเข้ามาทำร้ายเขาถึงที่พักในเมืองเกียวโตเมื่อ 8 ก.ค. 2562 ส่งฟ้องต่อศาลในเมืองเกียวโต
สำนักข่าวบีบีซีไทย รายงานว่า การพิจารณาคดีใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 20 นาที โดยเริ่มด้วยอัยการเบิกตัวทัตสึฮิโกะ ซาโตะ (Tatsuhiko Sato) ผู้ต้องหาอายุ 43 ปี แล้วบรรยายฟ้องต่อศาล ใน 2 ข้อหาคือ บุกรุกเข้าไปในเคหสถานและทำร้ายร่างกาย ซึ่งซาโตะรับสารภาพต่อศาลในทั้ง 2 ข้อหา
ซาโตะ กล่าวว่า เขาบุกเข้าไปที่ห้องพักของปวิน พร้อมด้วยมีดทำครัว ค้อน และกระป๋องสเปรย์ ต่อมามีเสียงหมาเห่า จนเขาตกใจ ทำอะไรไม่ถูก แต่จำความไม่ได้ว่า ตัวเองได้ทำอะไรไปบ้าง
ซาโตะ ยังกล่าวในชั้นศาลอีกว่า เขาได้รับการร้องขอจาก ‘พี่’ คนหนึ่งให้ก่อเหตุนี้ แต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อ เนื่องจากกลัวอันตราย ซึ่งก่อนลงมือก่อเหตุเขาเคยปฏิเสธคำร้องขอนี้ เพราะไม่รู้จักปวินและไม่มีเรื่องบาดหมางกัน แต่ต่อมาหน้าต่างบ้านของเขากลับถูกทุบ ซึ่งเขาคิดว่าเป็นฝีมือของ ‘พี่’ คนนี้ เขาจึงเปลี่ยนใจมารับงาน เพราะกลัวว่าจะเจอเรื่องที่ร้ายแรงกว่านี้ และครอบครัวอาจจะได้รับอันตราย
อัยการระบุว่าจำเลยเคยทำผิดมาหลายครั้งในอดีต รวมทั้งมียาเสพติดไว้ในครอบครอง จึงเสนอต่อศาลขอให้จำคุกจำเลย 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมจะนัดฟังคำตัดสินในวันที่ 8 มิ.ย.
ย้อนรอยเหตุการณ์เมื่อปี 2562
เล่าก่อนว่า เหตุการณ์บุกทำร้ายนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ขณะที่ปวินและคู่ชีวิตนอนอยู่ในห้องพักที่กรุงเกียวโต ผู้ก่อเหตุได้บุกเข้าไปทางประตูระเบียงด้วยการใช้ค้อนทุบกระจกให้เป็นรู แล้วสอดมือเข้ามาปลดล็อกประตู จากนั้นได้ตรงมาเปิดประตูห้องนอนที่เขาบอกว่าปกติไม่ได้ล็อก ก่อนจะกระชากผ้าห่มออกจากตัวพวกเขา แล้วฉีดสารเคมีจากกระป๋องใส่ตัวปวินและคู่ชีวิต ซึ่งปวินใช้คำว่า ‘สเปรย์ไม่ยั้ง’ และสเปรย์นั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บแสบตามผิวหนังเนื่องจากฤทธิ์ของสารเคมี
“สิ่งที่ผมบอกได้คือ คนร้ายเป็นนักย่องเบา ตอนเข้านอน ผมไม่ได้ยินอะไรเลย จนกระทั่งจุดที่เข้ามาอยู่ในห้องผม”
ปวินเล่าว่า คู่ชีวิตของปวินได้วิ่งตามผู้ก่อเหตุไป แต่ก็ไม่ทัน และจำลักษณะการแต่งกายของผู้ก่อเหตุได้ว่า สวมชุดดำทั้งตั้งพร้อมคลุมหมวกไอ้โม่งที่โผล่ให้เห็นแค่ตา ซึ่งปวินรีบเข้าไปล้างตัว และประมาณ 15 นาทีต่อมา ตำรวจก็เดินทางมาถึงจากการโทรแจ้งความของเพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงดัง
หลังจากนั้น ก็เข้าสู่ช่วงการสอบสวนคดี ซึ่งปวินกล่าวว่า ตำรวจญี่ปุ่นสั่งให้เขาหยุดการเคลื่อนไหวในโซเชียล ซึ่งโซเชียลมีเดียของปวินก็หยุดเคลื่อนไหวไปตั้งแต่ 8 กรกฎาคม 2562 ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในวันที่ 3 สิงหาคม 2562 พร้อมโพสต์แชร์ลิงก์ข่าวว่า เขาถูกทำร้ายที่บ้านพักในกรุงเกียวโต
นอกจากนี้ ปวินยังให้สัมภาษณ์กับ The MATTER ว่า หลังจากผู้ก่อเหตุทำร้ายเขา อัยการได้นำภาพหลักฐานจากกล้อง CCTV มาให้เห็นว่า ผู้ก่อเหตุวิ่งออกมาจากอพาร์ทเมนต์ไปขึ้นรถ BMW สีขาว ซึ่งจอดรออยู่ ทำให้ทราบว่าต้องมีคนที่เกี่ยวข้องด้วยอย่างน้อยอีกหนึ่งคน แต่คนคนนั้นยังไม่ถูกจับตัว
ปวินขึ้นกล่าวในชั้นศาล
ปวินให้สัมภาษณ์ว่า ในวันพิจารณาคดี ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าคนก่อเหตุ และรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง
แม้ตามปกติแล้ว โจทก์จะไม่ต้องขึ้นกล่าวอะไรในชั้นศาล แต่กรณีนี้ ปวินเล่าว่า ตนเป็นคนกล่าวกับอัยการว่า จะขอขึ้นกล่าวแถลงการณ์ในชั้นศาล อัยการจึงยื่นเรื่องต่อไปที่ผู้พิพากษา ซึ่งผู้พิพากษาก็ตกปากรับคำว่า ขึ้นกล่าวได้ แต่ต้องเขียนคำแถลงการณ์ล่วงหน้าให้ชั้นศาลตรวจสอบก่อน ซึ่งเมื่อเขียนไปแล้ว ผู้พิพากษาก็ไม่ได้แก้ข้อความตรงจุดไหน เพียงแค่ขอว่า อย่าพูดอะไรนอกเหนือไปจากที่เขียน
ข้อความในคำแถลงการณ์ของปวิน กล่าวถึงเหตุการณ์ในคืนที่เกิดเหตุ และหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความคิดว่าจะต้องถูกปลุกขึ้นมากลางดึกโดยมีชายสวมเสื้อฮู้ดยืนค้ำเหนือเตียงที่เขานอนอยู่ในทุกๆ วัน
ปวินกล่าวว่า ตนไม่มีศัตรูในญี่ปุ่น และทำหน้าที่สอนเรื่องการเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ที่มหาวิทยาลัยเกียวโต ซึ่งเขาจำเป็นต้องสอนให้นักเรียนมีความเข้าใจอย่างจริงจัง และเมื่อพูดถึงการเมืองของไทย เขาก็จำเป็นต้องแตะประเด็นต้องห้ามของสังคมไทย นั่นคือเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยเหตุนี้เมื่อเกิดการรัฐประหารในปี 2557 เขาจึงถูกแจ้งข้อหา ม.112 และต้องลี้ภัยมายังญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นมา
ปวินย้ำด้วยว่า การบุกรุกครั้งนั้นส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก ยิ่งคิดว่าการทำร้ายร่างกายอาจรุนแรงกว่าแค่การฉีดสเปรย์ใส่ได้ ซึ่งผู้บุกรุกได้ทิ้งค้อนไว้ข้างเตียงของเขาด้วย และหลังจากวันนั้น สภาพจิตใจเขาก็ยังคงหวาดระแวง ต้องเช็คความเรียบร้อยของประตูหน้าต่างในที่พักทุกบานซ้ำไปซ้ำมา เสียงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาได้ เขาไม่มีที่ปลอดภัยเลย แม้จะอยู่ในบ้านของตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเคยฝันว่าถูกทำร้ายจนชกคู่ชีวิตที่นอนข้างกันจมูกหักมาแล้ว
“คุณมาทำร้ายผมทำไม ผมไม่เคยรู้จักคุณ ไม่เคยเจอคุณมาก่อน และหากว่าคุณทำร้ายผมในนามของใครสักคน ถ้าอย่างนั้น ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เป้าหมายของพวกเขาคืออะไร เขาสั่งการให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นในอำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นได้อย่างไร ผมต้องการคำตอบนี้”
ไม่เพียงเท่านั้น ปวินยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ถูกทำร้ายในต่างแดนด้วยว่า “ผมคิดว่า กรณีของผมไม่ได้เป็นเรื่องแปลกประหลาดในแง่ที่ว่า มันมีแพทเทิร์นอยู่แล้วกับการที่ผู้ลี้ภัยในเมืองนอกถูกทำร้าย มันไม่แปลก เพียงแต่ว่าดีกรีของการถูกทำร้ายของแต่ละเคสมันต่างกัน มันเริ่มตั้งแต่โหดที่สุดคือ เจอศพลอยบนแม่น้ำโขงแล้วมีซีเมนต์ยัด แล้วก็ถูกทำให้หายตัวไปลึกลับ หลังจากนั้นก็ลงมาเป็น อั้ม (เนโกะ) ถูกชก ในปีเดียวกับผม แล้วผมก็ถูกบุกเข้ามาในบ้าน คือ ทุกคนคิดเหรอว่าทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ”