ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต้องมาอยู่ ณ จุดเสี่ยงทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถูกตรวจสอบเรื่องการโอนหุ้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่อาจทำให้เขาไม่ได้เป็น ส.ส.ตามที่ตั้งใจไว้ในท้ายที่สุด
บริษัทเอกชนที่ว่า ก็คือบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนิตยสารว่าด้วยแวดวงเซเลบริตี้และวงการบันเทิง WHO? ซึ่งก่อตั้งมาในปี 2551
แม้ว่า ในวันนี้หากใครไปเดินตามแผงหนังสือ จะไม่ได้เห็นนิตยสารนี้วางขายอยู่แล้วก็ตาม เพราะเลิกจำหน่ายไปตั้งแต่ 3 ปีก่อน หลังวงการสิ่งพิมพ์อยู่ในสภาวะซบเซา
แล้วนิตยสารเซเล็บฯ ที่หยุดขายไปหลายปีแล้ว เกี่ยวอะไรกับการเป็น หรือไม่ได้เป็น ส.ส.ของธนาธรล่ะ?
นั่นเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 98(3) กำหนดคุณสมบัติต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส. ไว้ว่า “ต้องไม่เป็นเจ้าของหรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ”
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ธนาธรเคยถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด 675,000 หุ้น รวมเป็นเงินกว่า 6.75 ล้านบาท คิดเป็น 15% หุ้นทั้งหมดของบริษัท
แค่ถือหุ้นก็อาจทำให้ขาดคุณสมบัติ?
สำนักข่าวอิศราเป็นผู้เปิดประเด็นนี้ ก่อนเลือกตั้งไม่นาน เมื่อพบหนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น (เอกสาร บอจ.5) ที่บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 21 มี.ค.2562 ก่อนเลือกตั้งเพียง 3 วัน
พร้อมกับตั้งคำถามว่า กรณีนี้อาจทำให้ธนาธรขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร ส.ส.หรือไม่
หลังเป็นข่าว หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ก็โพสต์เอกสารตราสารโอนหุ้น ที่เขาได้โอนหุ้นทั้งหมดให้กับสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา ซึ่งเอกสารดังกล่าวลงวันที่ 8 ม.ค.2562
ทั้งนี้ มีผู้มาอธิบายเพิ่มเติมทั้งในโพสต์ของธนาธรเอง รวมถึงโพสต์ของสำนักข่าวอิศราว่า วันที่โอนหุ้นให้นับจากวันที่ปรากฎในตราสารโอนหุ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1192
ธนาธรพ้นข้อครหาแล้ว..จริงหรือ?
สำนักข่าวอิศรายังคงสืบเสาะเรื่องนี้ต่อไป และเปิดประเด็นเพิ่มเติมว่า หากธนาธรโอนหุ้นในวันที่ 8 ม.ค.จริง เหตุใดในการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 มี.ค. หรือสองเดือนหลังจากนั้น จำนวนผู้ถือหุ้นถึงยังมี ‘เท่าเดิม’ คือ 10 คน
ในวันที่ 2 เม.ย.2562 ธนาธรจึงโพสต์ชี้แจงกรณีหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด บนเฟซบุ๊กอีกครั้ง โดยย้ำว่า ตนขายหุ้นทั้งหมดให้กับมารดาในวันที่ 8 ม.ค.2562 โดยวันดังกล่าวภรรยาของตนก็ขายหุ้นให้มารดาตนเช่นกัน ทำให้ผู้ถือหุ้นบริษัทเหลือ 8 คน ต่อมามารดาตนก็โอนหุ้นให้หลานๆ อีก 2 คน ทำให้ผู้ถือหุ้นยังคงมี 10 คนเช่นเดิม และการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 19 มี.ค.2562 มีผู้มาร่วมประชุม 10 คน (ผู้ถือหุ้นมาเอง 4 คน ส่งตัวแทนมา 6 คน)
ต่อมาหลายชายทั้ง 2 คน และผู้ถือหุ้นอื่นอีก 3 คน ก็โอนหุ้นให้สมพร ทำให้ในวันที่ 21 มี.ค.2562 ซึ่งบริษัทแจ้งเอกสาร บอจ.5 มีผู้ถือหุ้นเหลือเพียง 5 คนเท่านั้น
“ดังที่ได้อธิบายมาข้างต้นนี้ คือ ข้อเท็จจริงโดยละเอียดเกี่ยวกับการเป็นผู้ถือหุ้นของผมในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด วิญญูชนผู้มีใจเป็นธรรมปราศจากอคติย่อมสามารถเข้าใจความเป็นมาเป็นไปของเรื่องนี้ได้อย่างกระจ่างชัด” ธนาธรระบุ
ปัจจุบัน ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้วินิจฉัยคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของธนาธรแล้ว น่าสนใจว่า ผลสุดท้าย กกต.จะชี้ขาดออกมาว่าอย่างไร
หัวหน้าพรรคการเมืองที่มีประชาชนเลือกมาถึงกว่า 6.2 ล้านเสียง จะได้เข้าไปนั่งทำงานการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรตามความตั้งใจหรือไม่ ยังต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด เพราะล่าสุดมีข่าวว่า กกต.เชิญศรีสุวรรณไปให้ข้อมูลในคดีหุ้นของธนาธรแล้ว