นึกถึงทีไรก็ชุ่มฉ่ำ ทำไมใจเราถึงวาบหวามยามฝนตก?
บางครั้ง… จริงๆ คือบ่อยครั้งในวันที่ฝนตก เราอาจจะใช้เวลาอยู่บ้าน โดยมีฝนพรำในตอนเช้าของวันอาทิตย์ หรือมีพายุเข้าในช่วงค่ำคืน ท่ามกลางเสียงฝนที่ตกกระทบผืนดิน กลิ่นเฉพาะตัวที่ชื้นแฉะของมัน หรือท้องฟ้าที่แลบแปลบปลาบ อาจทำให้ผิวเนื้อของเราวูบไหวไปตามอากาศที่แปรปรวน ฝนตกทีไรก็คิดถึงกันทุกที หากไม่ได้คิดถึงในเชิงหวานซึ้งเพียงอย่างเดียว แต่คิดถึงร่างกายอันอบอุ่นและกิจกรรมเฉพาะของการสัมผัสในพื้นที่อันเฉพาะเจาะจง
‘ฝน’ มักสร้างบรรยากาศของความสุขสมและทำให้เราตกอยู่ในห้วงอารมณ์ หลายครั้งบรรยากาศยามฝนตก ก็นำไปสู่การร่วมรักที่ร้อนแรงแข่งกับเสียงฟ้าฟาด หรืออาจอบอุ่นสู้กับความฉ่ำชื้นของมวลอากาศภายนอก
แล้วทำไมสายฝนถึงมักทำให้หัวใจของเราวาบหวาม? และคุณเองก็เป็นเหมือนกันไหมว่า ยามฝนตกทีไร หัวใจและร่างกายมันก็จะซุกซนห้ามไม่อยู่ ซึ่งในฤดูฝนอันเปรียบเสมือนฤดูแห่งความรักนี้ The MATTER ชวนสำรวจพลังอำนาจของธรรมชาติที่มีต่อความปรารถนาอันลึกซึ้งของเรา จากมิติทางจิตวิทยาว่า ร่างกายของเราจะตอบสนองต่อฤดูกาลอย่างไร ไปจนถึงมิติเชิงจินตนาการว่า ทำไมฝนตกทีไรถึงต้องมีคนได้กันอยู่ร่ำไป
ฤดูรักใคร่
ก่อนจะเข้าสู่ความวาบหวามติดเรตกัน ต้องบอกก่อนว่าเรื่องอารมณ์ความรู้สึกเป็นเรื่องธรรมชาติ และเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ด้วย ฝนและแรงขับทางเพศจึงมีมนุษย์เป็นประเด็นสำคัญ เพราะเราค่อนข้างได้รับอิทธิพลจากธรรมชาติ ซึ่งอิทธิพลเบื้องต้นที่สุดก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างลมฟ้าอากาศกับฮอร์โมนในร่างกายของเรา
แล้วทำไมหน้าฝนถึงเป็นฤดูที่เรามีความรู้สึกทางเพศมาก และกิจกรรมทางเพศนั้นก็อาจจะสนุกสนานกว่าฤดูกาลอื่นๆ? ลองนึกภาพว่าในฤดูร้อน อากาศที่ร้อนอาจทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดได้มากกว่าจะโหยหาผิวเนื้ออันอบอุ่น ทว่าในบริบทของฤดูหนาว ซึ่งก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งฤดูของการร่วมรัก แต่ในแง่ชีววิทยาถือเป็นช่วงเวลาที่กลางวันสั้นกว่ากลางคืน ทำให้ร่างกายได้รับแสงแดดน้อย จนผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินมากและผลิตเซโรโทนิน (ฮอร์โมนแห่งความสุข) น้อยลง ฤดูหนาวจึงอาจจะทำให้เรามีความรู้สึกค่อนไปทางง่วงมากกว่า
ส่วนประเด็นเรื่องฮอร์โมนในฤดูฝนและพฤติกรรมทางเพศก็อาจสัมพันธ์กับเพศหญิงด้วย เพราะฮอร์โมนซึ่งเกี่ยวข้องกับความวาบหวามอันเพิ่มขึ้น คือฮอร์โมน Melanocyte Stimulating Hormone (MSH) ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเม็ดสีหรือเมลานิน ซึ่งก็สัมพันธ์กับร่างกายที่ได้รับแสงแดดจัด โดยฮอร์โมนตัวนี้จะช่วยเพิ่มแรงขับทางเพศของผู้หญิง ดังนั้นด้วยเงื่อนไขของฤดูกาลอย่างแสงแดด ฝนที่ตกแล้วทำให้อากาศเย็นลง คนมีคู่จึงอยากจะหาเนื้ออุ่นๆ มาเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย
นอกจากนี้ บรรยากาศของฤดูฝนและนัยความหมายของสายฝนก็มีความสำคัญด้วย เสียงฝนที่ตกกระทบเป็นจังหวะ ความรู้สึกของผืนดินที่ชื้นแฉะพร้อมกลิ่นดินและหญ้า และจังหวะของลมฝนที่กรรโชก ก็อาจทำให้ใจเราเต้นรัวขึ้น ด้วยความดิบของธรรมชาติที่ฟุ้งกระจายขึ้นในอากาศอันชื้นฉ่ำนี้ จึงไม่แปลกเลยที่สัญชาตอันเป็นธรรมชาติของเราจะถูกปลุกเร้าขึ้น
‘ฝน’ มักสร้างบรรยากาศของความสุขสมและทำให้เราตกอยู่ในห้วงอารมณ์
เถียงนา พายุที่ร้อนแรงและชุ่มชื้น
นอกจากเงื่อนไขทางกายภาพจากฮอร์โมนและเคมีต่างๆ ของร่างกายแล้ว มนุษย์เรายังถูกขับเคลื่อนด้วยความหมายและมิติเชิงจินตนาการต่อเนื่องจากที่กล่าวไปข้างต้น สายฝนและฟ้าร้องเป็นของคู่กัน ทว่าฝนและสายฟ้าก็มีนัยตรงข้ามกัน เพราะฝนเป็นตัวแทนของน้ำ ในขณะที่สายฟ้าเป็นตัวแทนของไฟ ในวัฒนธรรมส่วนใหญ่ ฝนจึงเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ หลังจากฝนตกแล้วมันมักนำไปสู่การงอกงามของชีวิต สภาวะการตกกระทบของสายฝน ก็มีนัยของการทิ่มแทงเชื่อมโยงระหว่างท้องฟ้าสู่ผืนดิน จากความเป็นชายสู่ความเป็นหญิง และคงไม่ต้องบอกว่าความอุดมสมบูรณ์กับการผลิตสิ่งมีชีวิต เราทำกันอย่างไร
นอกจากนัยทางสัญลักษณ์ของฝนที่เป็นการปะทะของคู่ตรงข้ามแล้ว ในอุปมาต่างๆ ฝนก็ชักนำไปสู่ความสัมพันธ์ทางกายอยู่เสมอ เรามักเปรียบเทียบฝนกับการร่วมรัก เช่น พายุที่เป็นอุปมาสำคัญในบทกวีหรือวรรณกรรม ทั้งเร่าร้อน รุนแรง มีสายน้ำ มีการไหลกระฉอก และมีเสียงกระทบของสรรพสิ่ง
ในเชิงสังคมหรือเรื่องเล่าต่างๆ ฝนมักนำพาให้คน 2 คนไปอยู่ในเงื่อนไขอันแปลกประหลาด การถูกกักขังไว้ในพื้นที่รโหฐานกับร่างกายเปียกปอน เราจะเห็นภาพของเถียงนาน้อย ซึ่งเป็นพื้นที่อันเต็มไปด้วยนัยทางเพศ ตั้งแต่อากาศไปจนถึงอุปมาของการเกษตร เช่น นาไร่ที่รอการไถพรวนกลางสายฝน
ด้วยเงื่อนไขทั้งบรรยากาศที่ส่งผลต่อร่างกายของเรา ทั้งจินตนาการที่มีอย่างต่อเนื่องยามฝนตก หรือกระทั่งพลังของสายฝนเองที่เป็นเงื่อนไขให้เราไปสู่ก้าวต่อๆ ไปของความสัมพันธ์ ฝนเปิดประตูให้ผู้คนได้อยู่ในพื้นที่ส่วนตัว หากลองนึกถึงภาพในวันที่เราเปียกปอน สายฝนอาจทำให้เรารู้สึกมีความดึงดูดขึ้น เสื้อผ้าที่เคยปกปิดเรือนร่างนั้นลู่ไหลไปตามผิวน้ำ จนเปิดเผยสรีระไปพร้อมๆ สัมผัสของเสื้อผ้าซึ่งแนบไปตามผิวกาย สายฝนและความชื้นนั้นจึงเป็นสิ่งที่เปิดผัสสะและความรู้สึก เป็นสิ่งเร้าที่แทบจะกระตุ้นทุกผัสสะของเราให้ทอดไปสู่พื้นที่อันแสนพิเศษ
สายฝนเป็นประตูหรือเหตุการณ์พลิกผันสำคัญ ซึ่งมักนำพาคนรักไปยังพื้นที่รโหฐาน ไปยังห้องหอส่วนตัว โดยฝนเองก็เป็นตัวช่วยเปิดเผยเนื้อหนังผ่านการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอันชื้นแฉะ และนำไปสู่ปฏิสัมพันธ์ที่ก้าวหน้าขึ้น ลึกล้ำ และล่วงเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวอย่างที่สุด
วันนั้นฝนก็ตกแบบนี้ ในวันที่ความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปอีกขั้น ในวันที่ความทรงจำถูกจดจำด้วยความรู้สึกบนผิวเนื้อ เสียงวุ่นวายของสายฝน และกลิ่นชื้นๆ ที่อบอวลอยู่ในใจ
อ้างอิงจาก