ต้อนรับวันแม่ด้วยการชวนขบคิดในประเด็นเรื่องแม่ๆ วันนี้หลายคนคงจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับคุณแม่ ทำกิจกรรมด้วยกันมุ้งมิ้ง
วันแม่เป็นวันที่เราเฉลิมฉลองและเชิดชูผู้หญิง ที่ทำหน้าที่ในครอบครัวได้อย่างอดทนและสวยงาม ด้วยการมอบทุ่มเทแรงกายแรงใจ ความรักในการสร้างความอบอุ่นและฟูมฟักลูกๆ ของตัวเองจนเติบใหญ่แข็งแรง ความรักและความผูกพันที่แม่ลูกมีให้กันตรงนี้ลูกและแม่ก็ประจักษ์อยู่ในความรู้สึกของเราทุกคนอยู่แล้วเนอะ
ในวันแม่เรามักมีการเชิดชู ‘แม่’ ที่สามารถเลี้ยงดูลูกน้อยออกมาได้แม้จะแสนยากลำบาก เป็นภาพของผู้หญิงที่ต้องอดทนอดกลั้นอย่างสูง ต้องเอาทุกอย่างทั้งหยาดเหงื่อและน้ำตาเพื่อแลกมาซึ่งการเลี้ยงดูและความเจริญเติบโตของลูกน้อย เป็นผู้เสียสละ เป็นผู้ให้ เน้นย้ำว่าผู้หญิงมีความเป็นแม่โดยธรรมชาติ
แน่นอนว่าบทบาทแม่เป็นบทบาทที่หนักหนาและควรค่าแก่การชื่นชม แต่ในการวาดภาพและการเชิดชูภาพแม่และความเป็นแม่ที่เป็นอุดมคติมากๆ แบบนี้ มันก็มีปัญหาเหมือนกัน อย่างฝั่งเฟมินิสต์เอง ก็จะบอกว่า ความเป็นแม่(motherhood) แท้จริงแล้วเป็นเสมือนปลายทางสุดยอดที่สังคมสร้างไว้เพื่อกักขังและกดขี่ผู้หญิง
ความเป็นแม่(motherhood) ตามธรรมชาติ?
ฟังดูโหดเนอะ แต่อย่าเพิ่งเดือด ว่าความเป็นแม่ หรือบทบาทแม่มันเป็นแง่ที่ดีจะตาย จะมาบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกเอามากักขังได้ไง
ปัญหาสำคัญหนึ่งคือการบอกว่าความเป็นแม่ เป็นลักษณะตามธรรมชาติของผู้หญิงนี่แหละ เพราะพอมันเริ่มมีการบอกว่านี่ไง ตามธรรมชาติแล้ว ‘ผู้หญิง’ ต้องเป็นแบบนี้นะ แปลว่าถ้าเกิดมีใครที่ไม่เป็นไปตามนี้จะถูกชี้หน้าว่าแกนี่มันผิดธรรมชาติ ซึ่งคำว่าความเป็นแม่ตามธรรมชาติมันกินความไปถึงลักษณะอื่นๆ อันเป็นคุณลักษณะที่สังคมวาดว่าผู้หญิงควรจะเป็นด้วย คือเป็นผู้ให้กำเนิด เป็นผู้ให้ มีความกรุณาปราณี มีความเสียสละและมีความอดทนในระดับพระโพธิสัตว์ เป็นภาพแม่แบบเวอร์จิ้น แมรี่ ไม่ว่าอะไร ทุกข์ทรมานแค่ไหน สังคมก็คาดหวังว่าผู้หญิงต้องพร้อมที่จะทำหน้าที่แม่
ซึ่งคำว่าแม่นี้กินความไปถึงการเป็นแม่บ้านด้วย โดยนัยการเป็นแม่คือการถูกผูกมัดหน้าที่การดูแลลูกและถูกผูกมัดไว้กับบ้านไปโดยปริยาย ซิโมนด์ เดอ โบวัวร์ ตัวแม่ต้นทางแห่งคลื่นเฟมินิสต์ เป็นคนที่ลุกขึ้นมาบอกว่า แค่เป็นประจำเดือน ความป่วยไข้ต่างๆ ไปจนถึงภาระงานบ้านที่น่าเบื่อและไม่มีวันจบ แค่นี้ก็จะแย่อยู่แล้ว … คิดต่อได้ว่า นี่จะให้มาเลี้ยงลูกอีก ไม่ไหวแล้วโว้ย
พอถ้าอ่านความคิดของคุณป้าซิโมนด์แล้วใครรู้สึกว่าคันหัวใจ ว่ายัยนี่อะไร ไม่มีความเป็นแม่เลย อันนี้ก็แปลว่าเราตกอยู่ในมายาภาพที่โลกของผู้ชายมอบไว้ให้ผู้หญิงซะแล้ว เพราะเราได้โยงผู้หญิงเข้ากับความเป็นแม่ไปเรียบร้อย แต่คิดว่าสมัยนี้ก็คงมีผู้หญิงที่บอกว่าใช้ชีวิตเป็นอะไรก็ได้ แต่ยังไม่อยากเป็นแม่และเมีย ซึ่งก็ต้องเคารพเนอะ ไม่เห็นมีปัญหา
นักคิดและนักเขียนหญิงจำนวนมากเลยเริ่มกลับมาทบทวนและพยายามคลี่คลายว่า ไอ้ความเป็นแม่ที่ว่าฝังอยู่ในตัวตนเป็นลักษณะตามธรรมชาติน่ะ มันไม่จริงหรอก แต่มันเป็นสิ่งที่สังคมได้สร้างขึ้นมาและทำเหมือนกับว่าผู้หญิงทั้งหลายเลือกว่าจะมีความเป็นแม่ในตัวเอง โดยที่มองว่าการเฉลิมฉลองความเป็นแม่หรือสถานะพิเศษที่สังคมมอบและเฉลิมฉลองให้กับแม่ในอุดมคติเป็นรางวัลที่แลกกับความยากลำบากที่ต้องเผชิญ
อันนี้ก็ว่าตามที่เฟมินิสต์ยุคนึงเค้าเถียงกัน จริงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าเฟมินิสต์ต้องปฏิเสธอะไรที่สังคมมอบให้หมด ระยะหลังนักคิดรุ่นใหม่ๆ ก็เริ่มบอกว่าเออ หรือความเป็นแม่ก็ดีนะ ความสามารถในการให้กำเนิด สายสัมพันธ์ความผูกพันที่มีแต่ผู้หญิงจะมีได้ หรือใครจะอยากเป็นแม่ก็สุดแท้แต่ แต่ปัญหาสำคัญที่พวกนี้ชี้ให้เห็นคือการสร้างมาตรฐานบางอย่างให้ผู้หญิง และมาตรฐานพวกนี้ก็เวรี่เรียกร้องและกักขังผู้หญิงไว้จนเกินไปไง
ปัญหาของความเป็นอุดมคติของความเป็นแม่
ต่อเนื่องจากคำว่าเรียกร้องและกักขังจนเกินไป ถ้าเรามองภาพแม่ที่เป็นอุดมคติมากๆ นอกจากแม่ดาราที่ออกสื่อบ่อยๆ หรือพวกคุณหญิงคุณนายที่ได้รางวัลแม่ดีเด่นทั้งหลาย ภาพอุดมคติของแม่อีกแบบก็สุดโต่งไปเลย คือโคตรจะยากเข็ญและโคตรจะเสียสละ มีภาระประมาณพันอย่างแต่ก็ยังเลี้ยงดูลูกจนโตได้
การเชิดชูความเป็นแม่แบบนี้เลยเป็นดาบสองคมเหมือนกัน เพราะมันโยนภาระการเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัวให้กับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างมาก มากจนเกินไป เหมือนกับคำว่าแม่ พอทาบลงไปปุ๊บ สังคมก็คาดหวังให้ผู้หญิงคนนั้นทำตัวให้พอดีกับกรอบของความเป็นแม่ที่โคตรจะอุดมคติ
การเชิดชูเลยเป็นเหมือนแค่การให้รางวัลที่ผู้หญิงคนนึงสามารถอดทนฟันฝ่ามาได้ ขณะเดียวกันความอดทนที่อาจจะเกินจำเป็นพวกนี้ ก็ถูกเอาไปวัดกับแม่คนอื่นๆ ไปโดยปริยาย
ปัญหาอื่นๆ เลยถูกมองข้าม เช่นว่า การเป็นแม่ในสังคมไทยที่สวัสดิการไม่พร้อมมีปัญหาอะไรไหม ปัญหาเรื่องรายได้ ความยากจน ผังเมือง สภาพแวดล้อม สถานพยาบาล ความเหลื่อมล้ำของการกระจายทรัพยากร ทั้งหมดนี้มันจึงถูกมองเป็นเรื่องธรรมดา และความอดทนที่เหนือธรรมดาเลยกลายเป็นเรื่องจำเป็นไปซะอย่างนั้น
เอาจริงๆ พอเราหันมามองแม่ในชีวิตจริง แม่ของเราก็ไม่ได้เป็นแม่แบบแม่ดีเด่น ใส่ชุดผ้าไหม ตีกระบังสูงๆ แม่ในชีวิตจริงก็มีรูปร่าง มีคุณลักษณะที่หลากหลาย ซึ่งแม้จะไม่เหมือนกับภาพในอุดมคติ แต่ในโลกที่ผู้คนต้องดิ้นรนเอาเองอย่างหนักหน่วง และโลกที่เชิดชูความยากลำบาก ที่เราเชื่อว่าแม่เราก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องเผชิญความยากลำบากและควรค่าแก่การเชิดชูไม่แพ้แม่คนอื่นๆ ในสังคมไทย
ไม่แน่ใจว่าความเป็นแม่มีในทุกคนไหม แต่ในสังคมไทย แม่ทุกคนน่าจะต้องมีความอดทนแน่ๆ
สุขสันต์วันแม่ครับ