ความรู้สึก ความสัมพันธ์ และช่วงเวลา ในบางครั้ง เรามีให้ได้แค่กับ ‘ใครบางคน’เท่านั้น
เมื่อเข้าสู่เดือนแห่งความรัก มักเป็นช่วงเวลาที่เรานึกถึงแฟน คู่รักหรือแม้แต่ความสัมพันธ์ครั้งเก่าที่ยังมีความรู้สึกติดอยู่ในใจ ซึ่งบางครั้ง เราจะนึกถึงได้จากการเห็นคอมมิคการ์ตูน เรื่องเล่า บางอย่างที่เห็นแล้วเป็นต้องแชร์ ต้องแท็กมาให้ดู หนึ่งในคอมมิคยอดฮิตก็มาจากเพจ Sundae Kids
ในโอกาสที่ Sundae Kids ได้จัดนิทรรศการผลงาน ที่ชื่อว่า ‘This is for you’ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคมนี้ ที่ YELO House พร้อมงานแสดงที่จะพาเราย้อนไปนึกถึงความรู้สึก ที่เกิดขึ้นกับคนๆ หนึ่ง และชวนตามหาว่าใครคนนั้นของเราคือใคร
The MATTER เดินทางไปพูดคุยกับ โป๊ยเซียน-ปราชญา มหาเปารยะ หนึ่งในเจ้าของ และศิลปินจากเพจ Sundae Kids ถึงงานวาด การเปิดเพจ และเรื่องราวความรักในคอนเทนต์ ไปจนถึงการจัดนิทรรศการ ว่าทำไมต้องเป็น ‘This is for you’ และผู้ชมจะค้นหา ‘You’ ของตัวเองได้อย่างไร
‘This is for you’
เราได้มาคุยกับโป๊ยเซียน ก่อนที่งานนิทรรศการครั้งนี้จะเปิด บรรยากาศงาน มีทั้งการตกแต่งด้วยรูปวาด คอมมิค เรื่องราวต่างๆ ที่จะสื่อสารกับผู้ชมมากมายด้วยความสงสัยว่า ทำไมงานครั้งนี้ถึงตั้งชื่อว่า ‘This is for you’ และ ‘You’ ในที่นี้ต้องการจะสื่อสารถึงใคร ซึ่งเธอก็เล่าให้ฟังถึงความตั้งใจในการวาดรูป และจัดงานครั้งนี้ว่า งานนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเล่าเรื่องจริง
“ครั้งนี้งานเราจะเน้นไปที่การเล่าเรื่อง คืองานทุกๆ งานจะมีเรื่องราวอยู่ เราก็คิดว่าการเล่าเรื่องมันมี 2 แบบคือเรื่องจริง กับเรื่องแต่ง ซึ่งเราคิดว่าเรื่องจริงมันเป็นอะไรที่เข้าไปอยู่ในใจเรามากกว่า เหมือนการที่เราได้เล่าเรื่องจริงถึงใครซักคน หรือให้ใครซักคน เราคิดว่ามันวิเศษกว่าเรื่องอื่นๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้ามันเล่ามาด้วยความรู้สึกถึงคนๆ หนึ่ง อยากเล่าถึงใครคนนึงเราคิดว่ามันน่าสนใจมากกว่า
This is for you คือการรวบรวมเหมือนงานใหม่ของเรา ที่เราเอาเรื่องจริง ไปดัดแปลงวิธีการเล่านิดหน่อยให้เข้ากับการเล่าของเรา ก็จะเป็นเรื่องที่เขียนถึงใครบางคน ซึ่งเราคิดว่าคนที่มาดูงาน ก็จะจะมีใครบางคน ที่พอเราดูงานแล้วเราจะนึกถึงคนๆ นั้น”
ถึงแม้ว่าเธอจะวาดเรื่องราวเหล่านี้มาจากเรื่องจริง แต่เธอก็คาดหวังว่าผู้ชมแต่ละคน จะสามารถตามหา ‘ใครคนนั้น’ หรือ ‘You’ ด้วยการตีความจากความรู้สึกที่แตกต่างกันไป
“อย่างรูปที่เราเล่าเรื่อง ในแต่ละรูปเราก็จะมี symbolic แทนบ้าง ใช้สัตว์ ใช้อะไรบ้าง คนที่ต่างกันมาดูงานเรา ก็จะตีความกันไปคนละแบบ บางคนก็จะคิดว่าเรื่องนี้หมายถึงสัตว์เลี้ยง เรื่องนี้เป็นครอบครัว คนรัก หรือเพื่อน ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเขา และความรู้สึกของเขาที่มีต่อเรื่องๆ นั้นมากกว่า
คือเรื่องของเราวาดออกมาจากเรื่องจริงก็จริง แต่ว่าคนที่มาดูก็เหมือนจะใส่ประสบการณ์ตัวเองเข้าไป และก็ตีความไปว่า เรื่องนี้หมายความถึงใคร ดังนั้น This is for you ของแต่ละคน จึงแตกต่างกันออกไป อย่างที่บอกว่าแต่ละภาพ เราก็มีการเล่าเรื่อง เราก็คาดหวังว่าคนที่จะมา จะได้ดูแต่ละรูป ลองอ่านเรื่องราว และเรื่องราวแต่ละเรื่องก็อาจจะสะท้อนบางอย่างในใจเราที่ไม่เหมือนกัน อาจจะได้เจอความรู้สึกหรือโมเมนต์อะไรบางอย่างที่ลืมไปแล้ว”
ที่มาของคอนเทนต์ และอารมณ์ที่หลากหลายในคอมมิค
เพจ Sundae Kids เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2014 นอกจากมีโป๊ยเซียนเป็นศิลปินผู้วาดภาพแล้ว ยังมีเพื่อนหนุ่ม กวิน เทียนวุฒิชัย ที่คอยช่วยในการคิดคอนเทนต์ และทำงานเบื้องหลังมาตลอด ซึ่งเราก็เห็นคอนเทนต์ที่หลากหลาย เปลี่ยนแนว เปลี่ยนเรื่องราวไปเรื่องๆ โป๊ยเซียนบอกกับเราถึงที่มาของคอนเทนต์ ในการวาด การเล่าเรื่องมาจากหลายแหล่งมากๆ แม้แต่เหตุการณ์ที่โต๊ะข้างๆ นั่งคุยกันเธอก็หยิบมาถ่ายทอดเป็นเรื่องราวมาแล้ว
“คอนเทนต์เรามาจากทุกที่จริงๆ คือเราชอบดูหนังมาก บางทีเราชอบโมเมนต์นี้เราก็เก็บมาวาด เจอคำในเพลง หรือไปอ่านหนังสือ ได้ยินใครพูดอะไรมา โต๊ะข้างๆ เราคุยกัน เพื่อนมาเล่าเรื่องความรักให้ฟัง หรือกระทั่งประสบการณ์จากตัวเราเอง มันผสมกันและเราหยิบออกมาวาดเป็นงานได้หมดเลย
“คนรอบข้าง และสิ่งรอบตัวมามีส่วนในการทำคอนเทนต์บ้าง แต่ถึงแม้ว่าเราจะเอาเรื่องที่เขาเล่ามา แต่เราก็เอามาดัดแปลงอยู่ดี บางอย่างมันก็ต้องมีพลิกแพลงบ้าง เปลี่ยนบ้าง เรื่องบางเรื่องเจาะจงมากๆ เราก็เปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนตัวละครว่าเกิดกับใคร เพื่อจะทำให้คนทั่วไปเข้าใจ เข้าถึงได้”
แล้วอย่างนี้ มีความเป็นตัวตนของตัวเองในงานแค่ไหน? เราถามต่อ
“เยอะมาก หลักๆ ตั้งแต่เลือกคอนเทนต์ที่เราสองคนอยากได้ เราก็จะเลือกโมเมนต์ที่เราชอบ เราจะไม่ค่อยสนใจเสียงรอบข้างเท่าไหร่ว่าเค้าต้องการคอมมิคแบบไหน แต่เราเลือกจากที่เราชอบมากกว่า ว่าต้องเป็นคนแบบไหน เหตุการณ์แบบไหน เราก็เลือกกันเอง ถ้าเกิดเราสองคนชอบก็โอเคแล้ว”
เมื่อพูดถึงคอนเทนต์ หรือเรื่องเล่าของ Sundae Kids หลายคนคงติดภาพว่าเป็นคอนเทนต์เกี่ยวกับความรัก คู่รัก ความสัมพันธ์ แต่จริงๆ โป๊ยเซียนบอกกับเราว่า เธอไม่ได้จำกัดว่าจะวาดภาพ และทำคอมมิคเรื่องนี้อย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่เลือกวาดจากสิ่งที่ชอบมากกว่า
“จริงๆ เราไม่ได้จำกัดว่าเราจะทำเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ หรือความรัก เรารู้สึกว่าเราทำเรื่องราวที่เราชอบในตอนนั้น เราชอบโมเมนต์ไหน เราก็หยิบโมเมนต์นั้นมา ซึ่งความรักมันเป็นอะไรที่เหมือนเราเจอบ่อย เราเจอในชีวิตประจำวัน ดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้แต่ในหนังสือ ก็มีเรื่องของความรักเยอะมาก มันแค่เป็นเหมือนท็อปปิคนึงที่เราเจอบ่อย และเราชอบโมเมนต์ที่เกี่ยวกับความรักบ่อย เราจึงหยิบมาบ่อยกว่าเรื่องอื่นๆ”
โป๊ยเซียน บอกว่า เพจ Sundae Kids ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวในการเลือกเรื่องมาเล่า หากแต่หยิบจับคัดเลือกเรื่องราวจากความชอบ ซึ่งไม่ใช่แค่ความรักที่แฮปปี้ หรือความสัมพันธ์ที่มีความสุขเท่านั้น เพราะความรักที่เป็นกลายเป็นความเศร้าก็มีอยู่ในคอมมิคของเธอเช่นกัน
“ในคอมมิคของเรา มีความเศร้าหลากหลายแบบมากจริงๆ ความเศร้าที่เกิดจากความรักเป็นเรื่องธรรมดาปกติ ทุกคนต้องเคยเจอ ต้องมีอกหัก ไม่สมหวังกันบ้าง เราก็สื่อออกมาในหลายๆ แบบ แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นเราก็จะมีจิกกัดเล็กๆ ตลกๆ มากกว่า ไม่ได้เศร้าจนร้องไห้ ลุกไม่ขึ้นแล้ว เรามีการใช้คำ ทวิสต์นิดหน่อยให้รู้สึกว่าเป็นความเศร้าที่ก็ยังไหว”
นอกจากอารมณ์ของตัวการ์ตูน และเรื่องราวในคอมมิค เราถามเธอในฐานะนักวาดว่า ถ้าเป็นช่วงเวลาที่เธอเศร้า เธอสามารถวาดรูปความรักได้ไหม หรือทำอย่างไรในการจัดการความเศร้านั้น
“ถึงเราจะเศร้า เราก็วาดแฮปปี้ได้ ถ้าเป็นโมเมนต์ที่เราชอบ แต่ส่วนใหญ่เราจะเลือกโมเมนต์ ณ ตอนนั้น ถ้าเป็นช่วงที่เราเศร้า เราก็อาจจะวาดโมเมนต์เศร้าๆ หรือถ้าเราไปเจอเรื่องแฮปปี้ที่เราชอบ เราก็ยังเอามาวาดได้ คือเหมือนเราไม่ได้จมกับมัน ต่อให้เราเศร้า เราก็ถ่ายทอดออกมาได้ คอมมิคบางอัน เราก็วาดในช่วงที่อารมณ์เราไม่ได้เป็นไปตามนั้นก็ได้
“เราเป็นคนที่เศร้าน้อยมาก ไม่ค่อยเครียด เราค่อนข้างเป็นคนที่มองโลกบวก และแฮปปี้ตลอด ถ้าเราเศร้าก็จะเป็นช่วงเวลาแปปเดียว เดี๋ยวก็หาย เราเป็นคนไม่ค่อยจมกับความเศร้า แต่ถ้าเศร้ามากๆ เราก็อาจจะจดความรู้สึดในช่วงนั้นเอาไว้ แล้วพอผ่านไป เราก็หยิบโมเมนต์ตอนนั้นมาเป็นงานเราได้”
การเติบโตบนโลกออนไลน์ของ Sundae Kids
หลังจากเปิดเพจมาเกือบ 5 ปี ลายเส้น และเรื่องเล่าของ Sundae Kids ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนถึงการเพิ่มรูปแบบงาน มาเป็นกราฟฟิกโนเวล และในงานนิทรรศการนี้ที่มีอนิเมชั่นนำเสนอครั้งแรก
“ตอนแรกๆ เป็นเหมือนช่วงทดลอง ที่เราเพิ่งวาดรูป และเปิดเพจครั้งแรก ตอนนั้นเราก็คิดว่าลายเส้นโอเคแล้ว แต่ว่ากวินเป็นคนบอกว่า มันไม่ใช่ พอเราถามว่ามันไม่ใช่ยังไง เค้าก็บอกให้แก้ โดยที่เราก็ยังไม่รู้ว่าแบบที่ใช่คือยังไง ตอนนั้นเราก็ทำงานหนักมาก ลองทุกเทคนิค ลองทุกอย่างจริงๆ จนกลายเป็นทุกวันนี้ เหมือนเราปรับสไตล์มาเรื่อยๆ และค่อยๆ เปลี่ยน”
“ตั้งแต่เราเริ่มทำ illustration เราเปรียบเทียบงานตัวเองกับศิลปินหลายๆ คน ทั้งในไทยและต่างประเทศ คนที่ทำ illustrationเก่งๆ มีเยอะมาก เราเลยหาจุดเด่นอันใหม่ของเราก็คือการเล่าเรื่อง เราก็เน้นไปที่การเล่าเรื่องมากขึ้น จากตอนแรกที่เราเป็นแค่คอมมิคสั้นๆ ก็ขยายไปเป็นกราฟฟิกโนเวล หรือเรื่องเล่าที่เป็นเล่มยาวขึ้น แล้วก็เป็น อนิเมชั่น ซึ่งการทำอนิเมชั่นเป็นรูปแบบหนึ่ง ที่เราอยากลอง และท้าทายตัวเองด้วย พวกเราเป็นคนที่อยากทำอะไรก็ทำเลย ถึงแม้ว่าจะมีกันแค่ 2 คน
“คือจริงๆ อยากทำอนิเมชั่นตั้งแต่แรกๆ แต่ว่าเรายังไม่ค่อยพร้อม เพราะมีกันแค่ 2 คน แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง จึงคิดว่าอยากทำเป็นอนิเมชั่นมากขึ้นในอนาคต”
อีกสิ่งหนึ่งที่เราเห็นจากเพจ Sundae Kids เป็นประจำ คือยอดแชร์ของโพสต์ที่ค่อนข้างจะสูง ไปจนถึงยอดคอมเมนต์ที่มักมีการเข้ามาแท็กแฟน แท็กคนรัก ใต้รูปภาพคอมมิคเรื่องราว ซึ่งโป๊ยเซียนก็บอกว่า การทำเพจและคนติดตามเพจเอง ต่างก็เปิดมุมมองต่อเรื่องความรักของเธอให้กว้างขึ้น
“เราเข้าไปอ่านคอมเมนต์ในเพจบ้าง สนุกดี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแท็กแฟน และส่วนหนึ่งก็จะไม่มีแฟนให้แท็ก เราไม่ได้จำกัดว่าคนดูต้องคิดอะไร หรือต้องมีความรู้สึกอะไร เราก็จะเห็นหลายคนที่มีความรู้สึกแตกต่างกัน บางคนก็บอกว่า น้ำเน่ามากเลย ไม่มีอยู่จริงหรอก ในขณะที่บางคนก็บอกว่า โรแมนติกมาก เคยเกิดกับเขาจริงๆ มันก็เป็นการเปิดโลกดีว่ามุมมองความรักของแต่ละคนแตกต่างกันมากๆ
“วาดรูปลงเพจ ก็ทำให้มุมมองความรักเราเปลี่ยนไปบ้าง เหมือนหลักๆ เราคิดว่าความรักเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก แล้วก็ไม่แน่นอนที่สุดแล้ว มันเปลี่ยนไปได้ทุกช่วงเวลา มันขึ้นอยู่กับความรู้สึกในโมเมนต์เลย”
จากวันที่เริ่มต้นวาดรูป จนมาถึงตอนนี้เพจ Sundae Kids มียอดไลก์มากกว่า 1 ล้านและกำลังจะมีงานนิทรรศการใหม่ของตัวเอง โป๊ยเซียนเชื่อว่าการเติบโตของเพจได้ทำให้มุมมองต่อความสัมพันธ์และความรักของเธอเปลี่ยนไปไม่น้อย
“พอยิ่งเปิดเพจก็ทำให้รู้สึกว่า มุมมองความรักมันหลากหลายมากๆ” เธอเล่าให้เราฟังพร้อมรอยยิ้ม