กลับบ้านคนเดียวดึกๆ เป็นปัญหาของคนไทยทุกคน
ไฟถนนมืดสลัว ทางเดินคับแคบ จุดอับมากมาย ข่าวคราวเกี่ยวกับการเดินทางยามวิกาลไม่เคยจะมีเรื่องดีๆ เราแต่ละคนย่อมมีเรื่องเล่าของตัวเองเมื่อต้องกลับบ้านคนเดียว มีเรื่องให้ต้องคิดไม่เว้นแม้แต่วินาทีเดียวตั้งแต่ตัดสินใจเลือกรูปแบบการเดินทาง
ถ้าเราเลือกเดินทางกลับโดยรถรับจ้างหนึ่งครั้งเราคิดอะไรบ้าง? แน่ล่ะไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่เป็นคนร้าย แต่ในโลกที่ใจร้ายกับคนมามากมายและไม่มีการันตีความปลอดภัยที่แน่ชัด ความระแวดระวังย่อมเป็นพฤติกรรมโดยพื้นฐาน จริงหรือไม่? นี่คือสิ่งที่เรามักรู้สึกและเลือกเมื่อต้องขึ้นรถกลับบ้านคนเดียว
ขั้นที่ 1 เลือกที่นั่ง
แค่ขึ้นรถเราก็ต้องชั่งน้ำหนักแล้วว่าเราควรนั่งตรงไหน การนั่งหลังคนขับทำให้เรามีโอกาสที่เราจะโดนเอี้ยวตัวหายากกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เรามีมุมมองที่แคบลงและลงรถยากกว่าการนั่งทางฝั่งซ้ายเช่นเดียวกัน
ขั้นที่ 2 หันมองเอกสาร
บางทีมืดๆ ก็ยังต้องกดถ่ายทะเบียนรถส่งให้ใครสักคนเอาไว้ก่อน ยากกว่านั้นคือเพ่งเอกสารคนขับที่อยู่ข้างหน้า รูปที่ไม่ชัดอยู่แล้วแล้วพอไม่มีแสงก็ดูยากเข้าไปใหญ่
ขั้นที่ 3 จัดการอุปกรณ์ประจำตัว (มือถือ)
น้อยคนนักจะพกมือถือสองเครื่อง แล้วเราเอาไปทำอะไรดี? ไม่นับถ่ายทะเบียนรถ เรายังอาจจะต้องใช้มันดูทางถ้าเส้นทางหากไม่ใช่เส้นทางที่คุ้นเคย แต่ว่าถ้าเราเอาดูทางแล้วเราก็ใช้มันโทรหาเพื่อนไม่ได้อีกสิ
ขั้นที่ 4 สังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว
ตาก็มีแต่คู่เดียวแต่รู้สึกว่าต้องสังเกตทุกอย่างเลย มีกลิ่นอะไรแปลกๆ รึเปล่า? มิเตอร์ขึ้นปกติมั้ย หรือต้องมองว่าเส้นทางที่รถกำลังพาเราไปนี่คุ้นรึเปล่า?
ขั้นที่ 5 รับมือกับบทสนทนาที่เกิดขึ้น
แล้วถ้าเขาคุยมาจะพาบทสนทนาไปทางไหนดี? ที่แน่ๆ ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือพูดจาแทะโลมหลีกเลี่ยงไปเลย แล้วห้ามบอกว่าไม่ชินทางอีกด้วย คุยเรื่องสัพเพเหระหรือจราจรวันนั้นไปดูจะเซฟที่สุด
สำหรับหลายๆ คน ประสบการณ์การขึ้นรถกลับบ้านคนเดียวตอนกลางคืนเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีปัญหาอะไร แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในประเทศที่ยังไม่มีมาตรการป้องกันภัยที่รัดกุมมากพอ ฉะนั้นแล้วการช่วยกันระวังเป็นทางออกแรกสำหรับเราส่วนมาก และหากใครมีประสบการณ์นอกเหนือจากที่บทความนี้เสนอมา การแบ่งปันกันในคอมเมนต์อาจช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของทุกๆ คนด้วยกันได้