ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสฮือฮาเมื่อศิลปินนำรูปปั้นเมดูซา ตัวละครในตำนานกรีกไปยืนประจันหน้ากับศาลแมนแฮตตัน พื้นที่ที่ ฮาร์วีย์ ไวน์สไตน์ (Harvey Weinstein) ขึ้นพิจารณาคดีกรณีกระทำความรุนแรงและล่วงละเมิดต่อผู้หญิง ตัวรูปปั้นนั้นเป็นสตรีเปลือยตามขนบรูปปั้นแบบกรีก ในมือถือศีรษะของเพอร์ซีอุส ถือเป็นการ ‘ย้อน’ และปกรณัมเก่าแก่กลับมาเพื่อล้างแค้นให้กับผู้หญิงที่ถูกกระทำทั้งยังถูกสาปประณาม
แน่นอนว่าตัวรูปปั้นอย่างน้อย อาจนำความสนเท่สะดุดใจให้กับผู้คนที่เดินออกจากศาลและผู้ผ่านไปผ่านมา รวมไปถึงเจตนาของผู้ปั้นที่ต้องการเน้นย้ำปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง รวมถึงการใช้งานศิลปะเพื่อรื้อและสร้างความเข้าใจใหม่ๆ เรื่องเพศและความรุนแรงให้กับสังคมขึ้นใหม่ แต่ว่าในกระแสที่เกิดขึ้นนั้น การสร้างรูปปั้นเมดูซาก็ถูกตั้งคำถามสองประการคือ ทำไมเมดูซาถึงถือศีรษะของเพอร์ซีอุส ทั้งๆ ที่คนที่ข่มขืนเธอคือโพไซดอน และอีกด้านคือ การปั้นร่างเปลือยเน้นย้ำการจ้องมองผู้หญิงด้วยสายตาของผู้ชายรึเปล่า
ทั้งการกลับมาของเมดูซา และคำถามที่ถูกถามนั้นก็ดูจะเป็นโอกาสที่เราจะได้กลับไป
ทบทวนเรื่องราวของเมดูซา หนึ่งในสตรีที่เป็นทั้งเหยื่อ และเป็นที่หวาดกลัว โดยเฉพาะจากกระทำและเรื่องเล่าของผู้ชาย เรื่องราวของเมดูซา หญิงงามที่มีชะตากรรมผกผัน นักบวชหญิงผู้มีเรือนผมงดงามจากวิหารขออาธีนาผู้ถูกข่มขืน และกลับถูกสาปโดยเจ้าแม่ ในที่สุดคำสาปของสตรีที่มีต่อกันนั้นอาจหมายถึงการทำลายความงาม และเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นตัวแทนแห่งอำนาจและปกป้องคุ้มครองแก่กัน
ใครคือเมดูซา และใครเป็นเหยื่อใคร
เมดูซาเป็นตัวละครระดับตำนานที่กลายมาเป็นตัวแทน และการตั้งคำถามในประเด็นเรื่องผู้หญิงและผู้หญิงที่มีอำนาจ ในยุคหลังมีงานเขียนสำคัญคือ เสียงหัวเราะของเมดูซาโดยนักทฤษฎีสตรีนิยมชาวฝรั่งเศส เฮเลน ซิซูร์ ซึ่งถ้าเราย้อนเรื่องราวของเมดูซา ก่อนอื่นก็ต้องอธิบายคร่าวๆ ก่อนว่าเรื่องของเมดูซานั้นมีจะเป็นเรื่องเดียวกัน คือว่าด้วยตำนานวีรบุรุษเพอร์ซีอุส แต่เมดูซานั้นก็ถูกพูดถึงและได้รับการบรรยายจากกวีหลายคนทำให้มีลักษณะ ที่มา หรือรายละเอียดแตกต่างกันอยู่บ้าง กระทั่งมีบางตำนานที่กวีพูดถึงเมดูซาว่าแม้จะถูกสาปแล้ว สิ่งที่ทำให้คนตะลึงคือ ความงามไม่ใช่ความหวาดกลัว
ภาพและเรื่องราวของเมดูซามาจากกวีโบราณสำคัญสองคนคือ Theogony (กำเนิดปวงเทพ) ของ เฮซิออท (Hesiod) กวีชาวกรีก และ Metamorphoses (ตำนานการกำเนิดสรรพสิ่ง) ของ โอวิด (Ovid) กวีชาวโรมัน ในเวอร์ชั่นกรีกเมดูซาในฐานะหนึ่งในสามพี่น้องกอร์กอนมีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา คือเป็นลูกหลานเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในยุคโบราณ (คือก่อนพวกเทพโอลิมเปียน) โดยเมดูซานั้นเป็นธิดาคนเดียวที่เป็นมนุษย์ (mortal) ด้วยความที่เชื่อว่ากำเนิดและใช้ชีวิตใกล้กับท้องทะเล เมดูซาเวอร์ชั่นเฮซิออทไม่ได้มีรายละเอียดมากกนั้น บอกแต่ว่าเธอมีความสัมพันธ์กับโพไซดอน เป็นผู้ให้กำเนิดเพกาซัสและวีรบุรุษไครเซออร์ (บ้างก็ว่าคลอด บ้างก็ว่ากำเนิดเมื่อตอนถูกตัดหัว) โดยท้องเรื่องก็คล้ายๆ กันคือถูกเพอร์ซีอุสสังหาร แต่เวอร์ชั่นถูกพูดถึงแค่สั้นๆ
รายละเอียดเรื่องราวทั้งเมดูซ่าและเพอร์ซีอุสโดยพิสดารที่เราคุ้นๆ เป็นเมดูซาเวอร์ชั่นของโอวิด ใน Metamorphoses เล่าถึงเมดูซาในฐานะมนุษย์ผู้หญิง ตามท้องเรื่องเธอมีความชวนตะลึง โดยเฉพาะเรือนผมที่ต้องตาตรึงใจ เมดูซาปวารณาตนเป็นนักบวช รักษาพรหมจรรย์อุทิศอยู่ในวิหารของเทวีอาธีนา ตามท้องเรื่องความงามของมนุษย์ในที่สุดก็กลับนำความหายนะมาให้ เพราะความงามของเมดูซ่าดันไปต้องใจโพไซดอนเข้า
ตามท้องเรื่องโพไซดอนพยายามขืนใจเมดูซา ทำให้เมดูซาหลบหนีเข้าสู่วิหาร แต่กลับกลายเป็นว่าเธอเองก็ถูกฉุดคร่าและข่มขืนในวิหารของเทวีอาธีนาที่เธอหวังว่าจะเป็นที่หลบภัย ในตำนานและการตีความ คดีก็ยิ่งพลิกเข้าไปใหญ่ เพราะจากการเป็นเหยื่อถูกชำเราของเมดูซา และหวังพึ่งพาอาธีน่าให้เป็นร่มไทรก็กลายเป็นว่า เมดูซานอกจากจะไม่ได้รับการคุ้มภัยแล้ว ยังถูกเทวีอาธีนาสาปซ้ำให้กลายเป็นปีศาจ ทำลายความงามของเมดูซาจนสิ้นตั้งแต่ใบหน้า รวมถึงเรือนผมให้ปกคลุมไปด้วยอสรพิษ เมดูซาจึงลี้ออกจากเมือง และกลายเป็นตำนานที่ไม่มีใครกล้ากล้ำกลาย จนกระทั่งเพอร์ซีอุสถูกส่ง (จริงๆ คือตั้งใจให้มาตาย) มาทำภารกิจสังหารเมดูซาในตอนหลัง
ความงามหรืออำนาจ พรและคำสาป? จากเทวีคุ้มครองสู่อสูรกายผู้ปกป้อง
พออ่านถึงตรงนี้เราก็จะรู้สึกว่า อะไรเนี่ย เทวีอาธีนาเป็นไรมากมั้ย คือโอเคส่วนนึงต้องเข้าใจทั้งในแง่ของการเมืองเรื่องเพศ ไปจนถึงมุมมอง วัตรปฏิบัติที่คนในยุคโรมันอาจจะมองเห็นไม่เหมือนกับยุคหลายพันปีให้หลัง แต่ทีนี้ ก็มีคนที่สงสัยเหมือนกันแล้วพยายามลองตีความการกระทำของเทวีอาธีนาใหม่ ซึ่งแน่นอนบางคนก็ตีความว่าอาธีนาอาจจะขี้อิจฉาตามประสาอคติที่มีต่อผู้หญิง สวยนักก็สาปให้ผมที่สวยนั้นกลายเป็นงูซะเลย แต่ก็มีข้อสงสัยและข้อเสนอประมาณว่า หรือที่เทวีอาธีนาทำ ที่ดูเป็นการสาป จริงๆ เป็นการช่วยเหลือเมดูซากันแน่
เหตุของการสาปสำคัญคือ การทำให้วิหารแปดเปื้อนอาจจะเป็นวัตรปฏิบัติที่เทวีแห่งพรหมจรรย์ต้องรักษา แต่ในด้านหนึ่งนั้นการสาปให้เมดูซากลายปีศาจร้าย ถ้าไม่นับว่าผู้หญิงต้องรักษาความงาม และถ้ามองว่าความงามของเมดูซานั่นแหละที่นำภัยมาสู่ตัว ทั้งอาธีนาเองก็อาจไม่สามารถลงโทษโพไซดอนได้ การสาปของอาธีนาในครั้งนี้จึงอาจเป็นทั้งคำสาปและพรไปพร้อมๆ กัน คือแก้ปัญหาตรงจุด แถมใส่เพิ่มพลัง มอบอำนาจให้กับเมดูซา
ถามว่าอำนาจของเมดูซานั้นล้นพ้นขนาดไหน ก็น่าจะล้นพ้นมากเพราะกลายเป็นอสูรร้ายระดับตำนาน และไม่มีเทพองค์ใดที่สามารถเยื้องกรายไปทำอันตรายเธอได้อีกเลย แถมคนที่ไปฆ่าเมดูซาก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน และเพอร์ซีอุสเองก็ต้องใช้อุปกรณ์จากเทพถึงสี่ห้าชิ้นถึงจะโค่นเมดูซาลงได้ ตรงนี้คนก็สงสัยอีกว่า ถ้าจะช่วยแล้วทำไมอาธีนาถึงชี้ทาง และมอบโล่ให้เพอร์ซีอุสไปช่วย คือเรื่องมันก็ต้องดำเนินเนอะ บางทีเราก็ไม่เข้าใจเจตจำนงสวรรค์เท่าไหร่
สิ่งที่น่าประทับใจคือ เมดูซาถูกสาป กลายเป็นอสูร แต่ในที่สุดเมดูซากลายเป็นไอคอนที่ฮอตตั้งแต่ในยุคนั้น คือแน่นอนว่าสตรีที่มีผมเป็นงูมันเวรี่เท่ และด้วยผลพวงของเมดูซากระทั่งในเรื่องที่เพอร์ซีอุส หรือวีรบุรุษในยุคหลังก็ใช้หัวของเมดูซามาปกป้องและผ่านเควสต่างๆ ต่อไป ตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ เมดูซาที่ในยุคกรีกนั้นแปลว่าการปกป้องคุ้มครอง ก็เป็นสัญลักษณ์ เป็นงานศิลปะปูนปั้นที่เป็นที่นิยม เนื่องจากมีความหมายและความเชื่อว่า หัวของเมดูซานั้นจะช่วยปกปักษ์รักษาในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งหัวของเมดูซานอกจากจะถูกนำไปประดับอาคาร พื้นที่ บนโล่แล้ว ก็ยังถูกนำไปใช้เป็นเครื่องหมายบอกอาณาเขต รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของที่หลบภัยดูแลของกลุ่มผู้หญิงมาตั้งแต่ครั้งโบราณ
ตำนานเมดูซาเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกเล่า ตีความ และใช้ใหม่ในหลายเวอร์ชั่นหลายนัย โดยแม้ว่าตัวเรื่องราวของเมดูซาจะเก่าแก่นับพันปี แต่เสียงหัวเราะ ประเด็นเรื่องความงาม และการคัดง้างกันระหว่างเพศ ก็ทำให้เสียงหัวเราะของเธอยังคงกลับมาก้อนกระทั่งในห้องพิจารณาคดีที่เมืองแมนแฮตตันอีกครั้ง เมดูซากลายเป็นต้นฉบับของหญิงคนชั่ว ที่ว่าจะชั่วได้ก็ไม่เต็มปาก การตกเป็นเหยื่อและกลับกลายเป็นผู้ล่า รวมไปถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนคลุมเครือ ทั้งระหว่างผู้หญิงด้วยกันเอง และผู้หญิงกับอำนาจ เรือนร่างและความงาม ที่ทั้งความงามและอำนาจล้วนเป็นทั้งพรและคำสาปของผู้หญิงมาจนถึงทุกวันนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก