จงยืนอยู่ด้วยกัน แต่ว่าอย่าใกล้กันนัก
เพราะว่าเสาของวิหารนั้น ก็ยืนอยู่ห่างกัน
และต้นโพธิ์ต้นไทร ก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้
ก่อนจะมีรัก และก่อนที่จะสูญเสียความรักไป ก่อนที่เราจะเติบโต ก่อนที่เราจะเข้าใจ เราต่างเคยผิดพลาดกับความรักมาแล้วซ้ำๆ วันหนึ่งเราจึงเพิ่งเข้าใจความหมายของของคำว่า ‘เสาหิน’ และ ‘สายพิณ’ ของคาลิล ยิบราน เริ่มเข้าใจความอบอุ่นของเนื้อเพลงที่ว่า “ก่อนเคย คิดว่ารักต้องอยู่ด้วยกันตลอด เติบโต จึงได้รู้ความจริง”
ความจริงที่ว่า คือหัวใจของความรัก คือการที่เรารู้จักรักษาระยะและตัวตนระหว่างคนสองได้อย่างพอเหมาะพอสม เราอาจเคยคิดว่าความรักคือรวมตัวกันเป็นหนึ่งของคนสองคน แต่เมื่อเรามีรักแล้ว เราก็ย่อมค้นพบว่า ตัวตนและพื้นที่ของตัวเราก็ต้องคงอยู่ เรายังคงต้องรักษาตัวตนของเราไว้ ตัวตนที่ต่างคนต่างก็ตกหลุมรักกันเมื่อแรกเริ่ม
จินตนาการของความเป็นคู่รัก
เหมือนกับที่เพลงบอกเลย เมื่อเรายังเด็ก ยังคงอ่อนใสและอ่อนไหวทั้งกับความรักและโลกใบนี้ เราต่างนึกถึงภาพรักในโลกสมัยใหม่ว่า ความรักคือการที่คนสองคนตกหลุ่มรักกันอย่างลึกซึ้ง อย่างถอนตัวไม่ขึ้น โลกสองใบของคนสองคนประสานกันอย่างแนบสนิท ในโลกนี้ไม่มีใครนอกจากเราสองคน
ดูเหมือนจะเป็นความรักในวัยฮอร์โมน สลัวๆ มัวๆ เหมือนอยู่ในฝันด้วยพลังของสารบางอย่างในสมอง แต่ก็ไม่แปลกที่เราจะเป็นแบบนี้ ความรักเป็นเรื่องของอารมณ์ เป็นเรื่องของสารเคมีและฮอร์โมนแสนซับซ้อน แถมยังเป็นเรื่องเชิงสังคม ทั้งสารพัดเรื่องเล่าความรักและละครต่างประโคมสร้างภาพความรักบางอย่างของคนสองคนเอาไว้ – ส่วนใหญ่ จินตนาการก็คือจินตนาการ – ความรักในจินตนาการมักจะเป็นแบบในฝัน คนสองคนตกหลุมรักกัน ผสานกลายเป็นหนึ่งก่อนจะไปสู่ความสุขชั่วนิรันดร์
ทั้งๆ ที่การตกหลุมรัก เป็นแค่บทแรกของการเดินทางอันยาวนานของความรักเท่านั้น
ตัวตนของความรัก – ตัวตน ‘ใน’ ความรัก
เคยเป็นไหม เมื่อรักใครสักคนแล้ว เราเริ่มรู้สึกว่าสูญเสียตัวเองไป เราใช้ตัวตนและความรู้สึกส่วนใหญ่ไปผูกพันกับคนอีกคนอย่างล้นเหลือ ถ้าเป็นระยะแรกๆ ก็คงยังไม่เห็นว่าเป็นปัญหา นานๆ ไป ร่างกายและวิถีชีวิตมันชักจะติดกันมากเกินไป เริ่มกลายเป็นการก้าวก่ายซึ่งกันและกัน
ไม่ต้องถึงมือนักคิดหรอก ทั้งเราผู้เคยผ่านความคิดที่ผิดพลาดข้างต้นล้วนเข้าใจและตอบได้ว่า ในการตกหลุมรักนั้นไม่ยาก แต่การจะยืนระยะให้ความรักยืนยาว และการรักษาตัวตนของเรานั้น เป็นสิ่งที่ยากเย็นยิ่ง เมื่อเรามีรัก เรามักอ่อนแอ เรามักโอนเอียงและโอนอ่อนไปที่คนอีกคนมากเกินไป ตรงนี้ไม่ใช่แค่ความน่ารำคาญ แต่การสูญเสียตัวตน สูญเสียเส้นทาง และสูญเสียความสนใจบางอย่างไปในห้วงรัก ถือเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร
ความรักไม่ควรทำให้เราอ่อนแอ แต่เข้มแข็ง – นักคิดสักคนพูดไว้
Martin Heidegger นักปรัชญาคนสำคัญ เคยเขียนไว้ในจดหมายรัก ซึ่งกินความและเข้าใจความรักได้อย่างชัดเจน แกเขียนว่า “ทำไมความรักถึงรุ่มรวยและอยู่เหนือทุกประสบการณ์ของเรา แต่ความรักก็ยังเป็นภาระอันหนักอึ้งของผู้คนที่อยู่ในห้วงรัก นั่นก็เพราะว่า เราต่างกลายเป็นสิ่งที่เรารัก แต่ก็ยังต้องรักษาตัวตนของเราไว้”
กลายเป็นสิ่งที่รัก และรักษาตัวตนเอาไว้
ตามที่ไฮเดกเกอร์พูด เราอาจจะงงว่าเรากลายเป็นสิ่งที่รักหมายความว่าอะไร เราอาจคิดว่าตัวตนของเรานั้นมั่นคง แต่ถ้าเราดูดีๆ เราต่างเปลี่ยนแปลงและโอนเอียงไปตามสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะสิ่งหรือคนที่เรารัก เราใช้เวลากับใคร เราก็มีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลจากคนรอบตัวเรามาอย่างละนิดอย่างละหน่อย ยิ่งเรารักมาก ใช้เวลาด้วยมาก คิดคำนึงถึงมาก เราก็จะค่อยๆ เหมือน หรือโอนอ่อนไปตามคนๆ นั้น
ปัญหาของความรักคือ การที่เราจะกลายเป็นสิ่งที่เรารักย่อมไม่ผิด แต่การรักและยังรักษาตัวตนของเราไว้อย่างเหมาะสมต่างหาก ที่เป็นศิลปะสำคัญ และเป็นข้อสอบที่เราต่างสอบตกกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ในระดับปฏิบัติ จริงๆ คำแนะนำของยิบราน (หรือแม้แต่เพลงของ Pause) ก็ถือว่าเป็นแนวทางที่ใช้ความเปรียบที่ดูเป็นนามธรรม แต่ก็ทำให้เราเข้าใจการรักษาความสัมพันธ์ผ่านการทิ้งระยะ เป็นการสร้างที่ว่างเล็กๆ ระหว่างกันและกัน ให้คนสองคนที่รักและใช้ชีวิตร่วมกันยังคงมีชีวิตและพื้นที่ของตัวเองไว้ได้ ยิบรานให้ภาพของวิหารที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงได้ ก็ด้วยเสาของวิหารอันเว้นที่ว่างไว้อย่างเหมาะสม เหมือนสายพิณที่ต่างก็บรรเลงตัวโน้ตของตนเองแต่สอดประสานซึ่งกันและกัน
สำหรับยิบราน ดูเหมือนว่าตัวตนที่ผูกติดซึ่งกันละกันดูจะเป็นประเด็นที่ถูกย้ำบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบใด ยิบรานก็จะเน้นว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของกันและกัน เคารพกันด้วยการมีชีวิตร่วมกันโดยที่ต่างฝ่ายก็ยังมีชีวิตเป็นของตัวเองด้วย
การให้พื้นที่ของกันและกันนี้คือใจความสำคัญของความรัก พื้นที่ส่วนตัวที่ทั้งสองคนได้เติบโตขึ้นโดยที่ยังรักษาตัวเองไว้ เป็นพื้นที่ที่ต่างคนต่างก็ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน
การรักษาตัวตนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ วันหนึ่งถ้าเรารัก(หรือหลง)ใครอีกคนมากจนเกินไป และกลายเป็นใครที่เราไม่เคยเป็น วันที่สูญเสียตัวตนไป แม้ว่าเราจะเสียไปในความรัก วันที่เราอาจจะกลายเป็นคนที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่ชอบ
…สุดท้ายเราต้องไม่ลืมว่า เมื่อแรกรัก เราต่างรักที่ตัวตนของกันและกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก