ไม่ต้องมาเล่นมุกตลกล้อฉัน เพราะฉันล้อตัวเองมาก่อนนานแล้ว! 5555555
ใครๆ ก็มักจะพูดกันว่าคนไทยมี ‘อารมณ์ขัน’ อยู่ในสายเลือด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็มักแสดงออกผ่านการสื่อสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพการ์ตูนล้อเลียน มุกตลกต่างๆ หรือหลังๆ ก็มักเป็นข้อความหรือทวีตเสียดสีประเทศตัวเอง แม้กระทั่งใช้ meme ในการเล่นประเด็นจริงจังแต่ทำเป็นตลกกลบเกลื่อนไป อย่างเรื่องการเมือง ที่บางครั้งเมื่อการพูดกันตรงๆ ทำไม่ได้ ก็เลยใช้ความตลกเข้าสู้ๆ กันไป
แล้วฟังก์ชันของอารมณ์ขันในทุกวันนี้เป็นยังไง เราตลกกันไปเพื่ออะไร แล้วมันจะเยียวยาเราจากความสิ้นหวังได้แค่ไหน หรือพลังของอารมณ์ขันนั้นจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือเปล่า
การใช้อารมณ์ขันในการต่อกรกับความรู้สึกต่างๆ
มหาตมะคานธีเคยกล่าวว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่มีอารมณ์ขัน ก็คงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว”
‘อารมณ์ขัน’ มีฟังก์ชันที่หลากหลาย แต่ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง มันก็ช่วยให้เราเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเกินไป หรือรู้สึกสิ้นหวังกับชีวิต ร็อด มาร์ติน (Rod Martin) ทำการศึกษาฟังก์ชันของอารมณ์ขันในชีวิตประจำวันของเราผ่านแบบทดสอบและสามารถจำแนกอารมณ์ขันได้เป็น อารมณ์ขันที่สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้คน อารมณ์ขันที่สร้างเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี อารมณ์ขันที่ใช้เพื่อทำร้ายบุคคลอื่น และอารมณ์ขันที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองจากการล้อเลียน
จะเห็นได้ว่าฟังก์ชันของอารมณ์ขันนอกจากจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกดีหรือแย่ ก็ยังนำมาใช้เพื่อป้องกันตัวเองจากความรู้สึกลบต่างๆ ที่อาจนำไปสู่โรคอื่นๆ เกี่ยวกับสภาพจิตใจได้ อารมณ์ขันจึงเป็นเครื่องมือทรงพลังอย่างหนึ่งในการจะจัดการกับปัญหาชีวิตต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในโลกที่บางวันเราอาจเจอเรื่องสิ้นหวัง โหดร้าย การได้กลับบ้านมาดูอะไรตลกๆ ก็อาจทำให้เราสบายใจ หรือการที่เราเล่นมุกตลกล้อเลียนตัวเองก่อนก็เป็นกลไลเพื่อปกป้องจิตใจของตัวเอง ให้รู้สึกว่าเราเหนือกว่า และไม่ต้องถูกเหยียดจากคนอื่น
ยังมีงานศึกษาที่บอกว่า คนที่เป็นโรคซึมเศร้าใช้มีมหรือมุกตลกต่างๆ เพื่อควบคุมความรู้สึกแย่ๆ ของตัวเอง ซึ่งมักจะชื่นชอบมีมที่พูดถึงอาการซึมเศร้าหรือเรื่องตลกร้ายต่างๆ เป็นพิเศษ ซึ่งมีมหรือมุกตลกต่างๆ เหล่านี้ต่างช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นได้เพราะมันคือการเปลี่ยนเรื่องร้ายๆ ความคิดแย่ๆ ให้กลายเป็นสิ่งที่ชวนหัวเราะขำขัน
หรือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นก็พบจดหมายของ Staniforth ที่บันทึกเรื่องราวอย่างตลกขบขันในช่วงต้องอยู่ที่หน่วยรบแนวหน้า ซึ่งทหารในสงครามต่อสู้กับความหวาดกลัวและสิ้นหวังด้วยมุกตลก อารมณ์ขันจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำให้ชีวิตที่ดูสิ้นหวังแล้วยังคงอยู่ต่อไปได้และหวังว่ามันจะดีขึ้น
ความตลกกับการเป็นเครื่องมือทางการเมือง
นอกจากอารมณ์ขันจะเป็นเครื่องมือต่อกรกับความรู้สึกแล้ว อารมณ์ขันเป็นอีกหนึ่งพลังทางการเมืองที่สำคัญที่ใช้ระบายแรงกดดันทางสังคม เราจะเห็นได้จากการใช้มุกตลกเสียดสี หรือเล่นโจ๊กเกี่ยวกับรัฐบาลที่เริ่มเห็นกันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างบนหน้าไทม์ไลน์เฟซบุ๊กหรือในทวิตเตอร์
เพราะมุกตลกมีพลังของการส่งสารความเป็นจริงที่แอบซ่อนอยู่ได้ หลายครั้งที่เราเล่นมุกตลกกลบเกลื่อนแต่แท้จริงแล้วกับเต็มไปด้วยสารที่เราอยากจะสื่อออกไป เพราะการพูดจริงจังอาจทำให้อีกฝั่งตั้งการ์ดป้องกันหรือโต้เถียง มุกตลกที่ดูเป็นเรื่องเล่นๆ จึงกลับมีพลังในการใช้ส่งสารบางอย่างได้ดีกว่า ซึ่งเราจะเห็นว่ามุกตลกใน stand up comedy ก็มักจะพูดเสียดสีหรือทำเรื่องซีเรียสในชีวิตให้กลายเป็นเรื่องขำขัน เพราะคนมักเปิดรับเรื่องชวนหัวเราะมากกว่าเรื่องที่ทำให้ขมวดคิ้วยังไงล่ะ
และโดยอย่างยิ่งในยุคนี้ที่ meme กลายมาเป็นอีกหนึ่งมุกตลกที่คนรุ่นใหม่ใช้ส่งต่อกันและกัน ยิ่งสร้างพลังทางการสื่อสารเรื่องการเมืองออกไปได้อีกมาก เพราะมันประกอบด้วยภาพและข้อความสั้นๆ ในการสื่อสาร ซึ่งเสน่ห์ของมีมอยู่ที่หากคุณอยู่ฝ่ายเดียวกัน คุณก็จะเข้าใจสารที่มีมนั้นอยากจะซื้อ กลายเป็นโค้ดลับที่อยู่อย่างอิสระบนโลกอินเทอร์เน็ตไป มีมจึงกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ เครื่องมือใหม่ที่ช่วยกระจายรูปแบบความคิดทางการเมืองไปด้วย
แถมมุกตลกยังเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่ได้ไม่ใช้ความรุนแรงเข้าปะทะหรือเป็นสงครามแบบสันติวิธี ซึ่งยังสามารถนำไปเป็นพลังต่อกรกับระบบเผด็จการ อย่างกลุ่มต่อต้านรัฐบาลคอมมิวนิสต์ในประเทศโปแลนด์และสาธารณรัฐเช็กในช่วงสงครามเย็น หรือกลุ่มเยาวชนในประเทศจอร์เจียและยูเครนเคยสามารถโค่นล่มรัฐบาลเผด็จการมาได้แล้ว โดยมีงานวิจัยของ จันจิรา สมบัติพูนศิริ ที่ศึกษาเรื่องนี้และเขียนไว้ในหนังสือ หัวร่อต่ออำนาจ : อารมณ์ขันและการประท้วงด้วยสันติวิธี
ซึ่งเธอยังได้บอกอีกว่า ที่สุดแล้วอารมณ์ขันในการต่อต้านอำนาจนั้นสามารถไปไกลกว่าการโจมตีตัวบุคคล เพราะมันช่วยสั่นคลอนอำนาจด้วยการลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของระบบความคิดในสังคม ซึ่งระบบความคิดเหล่านี้ทำให้อำนาจของผู้นำเผด็จการใช้ในการดำรงอยู่
อารมณ์ขันจึงเป็นทั้งสิ่งที่ช่วยให้เราจัดการกับตัวตนความรู้สึกของเราในวันเวลาที่เราอาจรู้สึกสิ้นหวัง แต่ในอีกทาง พลังอำนาจของอารมณ์ขันยังสั่นสะเทือนไปยังโครงสร้างของสังคมผ่านการเป็นเครื่องมือทางการเมืองได้ด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้นอย่าได้ดูถูกพลังแห่งมุกห้าบาทสิบบาทล่ะ 5555555555555555555555555555555555555555555555555
อ้างอิงข้อมูลจาก