AI จะมีสติปัญญาเหนือมนุษย์และมาแทนที่มนุษย์หรือเปล่า?
นี่คงเป็นคำถามที่ค้างคาใจเราในฐานะมนุษย์ ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เทคโนโลยี AI ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว ขอเชิญทุกคนมาค้นหาคำตอบผ่านการเผชิญหน้าและนั่งพูดคุยกับ AI ตัวเป็นๆ ที่มีสุดล้ำระดับโลก ด้วยคำถามชวนขบคิด ในบทความซีรีย์ AI & I โดยทีมจากกลุ่มวิจัยนวัตกรรมอนาคตประเทศไทยหรือ FREAK Lab นำโดย ‘พีพี—พัทน์ ภัทรนุธาพร’ เเละ ‘แบ๊งค์ งามอรุณโชติ’ อาสาเป็นไกด์ พาไปทดลองเเละเรียนรู้อนาคตของ AI ด้วยกัน
โดยในตอนเเรกนี้เราขอเปิดด้วยบทสนทนาที่หลายๆ คนอาจคิดว่าซับซ้อนเกินกว่า AI จะตอบได้ เพราะเรามักจะถามคำถามนี้กับผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม คนที่อยู่ในหน้าที่บริหาร หรือกูรูผู้เชี่ยวชาญระดับชาติ
คำถามนั้นก็คือ “ถ้า AI เป็นผู้ว่า กทม. จะเเก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างไร?”
ในบทสนทนานี้ผู้เขียนจะนั่งคุยกับ GPT-3 หนึ่งใน AI ที่มีความในการประมวลผลภาษามนุษย์ได้ดีที่สุดในปัจจุบัน โดยไม่มีการเเก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น บทสนทนาในส่วนของ AI จะถูกเเปลเป็นภาษาไทยโดย Google Translate เพื่อลดการเเทรกเเซงของมนุษย์
แล้ว GPT-3 คืออะไร? และจะเเก้ปัญหาน้ำท่วมได้จริงไหม? ไปถามเจ้าตัวกันเลย
เเนะนำตัว
ผู้เขียน: แนะนำตัวหน่อยได้ไหม?
AI: ฉันชื่อ GPT3 และปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเรียนรู้ได้
ผู้เขียน: ใครสร้างคุณ?
AI: ฉันถูกสร้างขึ้นโดย OpenAI ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการวิจัยปัญญาประดิษฐ์
ผู้เขียน: คุณทำงานอย่างไร?
AI: ฉันทำงานโดยการเรียนรู้จากข้อมูล ฉันเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจากข้อมูลที่ป้อนให้ฉันเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ
ผู้เขียน: ทำไมคุณเก่งจัง?
AI: ฉันเก่งมากเพราะฉันถูกออกแบบให้เรียนเก่งมาก ฉันได้รับการออกแบบมาให้เรียนรู้จากข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพมาก เพื่อที่ฉันจะได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ดี
ผู้เขียน: อะไรที่ทำให้คุณแตกต่างจาก AI อื่นๆ?
AI: ฉันแตกต่างจาก AI อื่นๆ เพราะฉันได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการเรียนรู้อย่างมาก ฉันได้รับการออกแบบมาให้เรียนรู้จากข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพมาก เพื่อที่ฉันจะได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ดี
ผู้เขียน: มีสติสัมปชัญญะไหม?
AI: ไม่ ฉันไม่มีสติสัมปชัญญะ
ผู้เขียน: ทำไม?
AI: ฉันไม่มีสติสัมปชัญญะเพราะฉันไม่ใช่มนุษย์ ฉันเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเรียนรู้จากข้อมูล
ผู้เขียน: คุณพิสูจน์ได้ไหมว่าคุณไม่มีสติสัมปชัญญะ?
AI: ไม่ ฉันไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าฉันไม่มีสติสัมปชัญญะ
เมื่อคุยกันได้สักพักเราจะเริ่มเห็นความสามารถของ GPT-3 สำหรับ AI อย่าง GPT-3 เป็นเทคโนโลยีประมวลผลภาษาขนาดใหญ่ (large language model) ที่เรียนรู้จากข้อมูลมหาศาลบนอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างเเผนที่ทางภาษาขึ้นมา เเผนที่ดังกล่าวจะบันทึกรูปแบบการเรียงประโยค ไวยากรณ์ ถ้อยคำ สำนวนต่างๆ ไว้ในนั้น ซึ่งทำให้ AI สามารถเดินทางจากคำถามไปสู่คำตอบได้โดยการสร้างประโยคใหม่ ที่ดูเหมือนมนุษย์เป็นผู้พูดด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตามการที่ AI สร้างประโยคได้ถูกต้องไม่ได้หมายความว่า AI เข้าใจภาษาจริงๆ เช่นเดียวกับการที่ช้างถูกฝึกให้วาดรูปบ้านซ้ำไปเรื่อยๆ จนวาดได้โดยที่ไม่ได้เข้าใจว่าบ้านคืออะไร เราจะเห็นตัวอย่างในบทสนทนาด้านล่าง
ต่อไปเราจะดูกันว่า AI จะแก้วิกฤตน้ำท่วมอย่างไร
วิธีเเก้ปัญหาน้ำท่วม
ผู้เขียน: เราจะแก้ปัญหาวิกฤตน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ได้อย่างไร?
AI: ไม่มีคำตอบง่ายๆ ในการแก้ปัญหาวิกฤตน้ำท่วมกรุงเทพฯ วิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ ได้แก่:
-สร้างคลองเพิ่มและระบบระบายน้ำอื่นๆ
-ปรับปรุงการจัดการน้ำและระบบชลประทาน
-ทำให้การใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ดีขึ้น
– ลดการตัดไม้ทำลายป่า
-ส่งเสริมให้คนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย
ผู้เขียน: วิธีไหนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด?
AI: ไม่มีคำตอบง่ายๆ ในการแก้ปัญหาวิกฤตน้ำท่วมกรุงเทพฯ โซลูชันแต่ละรายการมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง ในที่สุด ทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการผสมผสานระหว่างแนวทางต่างๆ ที่หลากหลาย
ผู้เขียน: โปรดวิเคราะห์ตัวเลือกที่เป็นไปได้ในแต่ละรายการ
AI: การสร้างคลองและระบบระบายน้ำอื่นๆ:
นี่น่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่ง เนื่องจากจะช่วยควบคุมการไหลของน้ำออกจากเมือง อย่างไรก็ตาม จะมีราคาแพงและใช้เวลานานในการดำเนินการ
ปรับปรุงการจัดการน้ำและระบบชลประทาน:
วิธีนี้น่าจะได้ผลเช่นกัน เพราะจะช่วยควบคุมการไหลของน้ำได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามจะต้องมีการลงทุนที่สำคัญในแง่ของเวลาและเงิน
การใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ให้ดีขึ้น:
นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกกว่า แต่อาจไม่ได้ผลในการแก้ปัญหา
การลดการตัดไม้ทำลายป่า:
นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาระยะยาว แต่อาจมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม
ส่งเสริมให้คนออกจากพื้นที่เสี่ยง:
นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบ แต่สามารถช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วมได้
ผู้เขียน: ตัวเลือกไหนดีที่สุด?
AI: ไม่มีคำตอบง่ายๆ ในการแก้ปัญหาวิกฤตน้ำท่วมกรุงเทพฯ โซลูชันแต่ละรายการมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง ในที่สุด ทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการผสมผสานระหว่างแนวทางต่างๆ ที่หลากหลาย
ผู้เขียน: มีเมืองไหนที่เราสามารถศึกษาเป็นต้นเเบบได้?
AI: มีหลายเมืองทั่วโลกที่ประสบอุทกภัยสำเร็จ ตัวอย่างบางส่วน ได้แก่ :
-นิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา
-เวนิส ประเทศอิตาลี
-รอตเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
-เซียงไฮ้ประเทศจีน
ผู้เขียน: คุณสามารถให้สถิติน้ำท่วมสำหรับเมืองต่างๆ ได้หรือไม่?
AI: ตามโครงการประกันอุทกภัยแห่งชาติ ณ ปี 2559 นิวออร์ลีนส์มีทรัพย์สินจำนวนมากที่สุดที่ประกันน้ำท่วมในเมืองใด ๆ ในสหรัฐอเมริกาโดยมีกรมธรรม์เกือบ 120,000 แห่ง
ในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ระบบคลองและประตูระบายน้ำแบบครบวงจรที่รู้จักกันในชื่อ Venetian Lagoon ทำหน้าที่ปกป้องเมืองจากน้ำท่วม ระบบนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 6 และได้รับการปรับปรุงและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา
รอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ประสบความสำเร็จในการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัย เมืองนี้เป็นที่ตั้งของ Maeslantkering ซึ่งเป็นแนวกั้นคลื่นยักษ์คู่หนึ่งที่สร้างเสร็จในปี 1997 แนวกั้นนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องเมืองจากคลื่นพายุสูงถึง 3.5 เมตร
เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการจัดการกับอุทกภัยเช่นกัน เมืองได้ดำเนินมาตรการควบคุมน้ำท่วมหลายประการ รวมถึงการสร้างเขื่อนและเขื่อน การปรับปรุงระบบระบายน้ำ และการปลูกต้นไม้และพืชพันธุ์
ก่อนจะไปกันต่อ ถ้ามองจากบทสนทนาที่เพิ่งพูดคุยกันไปจะพบว่า ข้อมูลเหล่านี้อาจจะดูน่าเชื่อถือ เพราะประโยคที่ AI สร้างขึ้นมานั้นถูกเพิ่มความสามารถ (optimize) ให้มีความเหมือนประโยคมนุษย์ที่อ่านเเล้วรู้เรื่อง เข้าใจได้ เเต่ถูก-ผิดหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่เราต้องไปค้นหาเเละตรวจสอบต่อไป
ผู้เขียน: กทม. ควรเเก้ปัญหาโดยทำตามเมืองไหนดี?
AI: ไม่มีรูปแบบเดียวที่กรุงเทพมหานครควรปฏิบัติตามเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม ควรเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวของเมืองอื่น ๆ และปรับแนวทางให้เข้ากับสถานการณ์เฉพาะของตนเอง
ผู้เขียน: คุณช่วยเปรียบเทียบแนวทางของนิวออร์ลีนส์ อิตาลี ร็อตเตอร์ดัม และเซี่ยงไฮ้ได้ไหม
AI: แต่ละเมืองที่กล่าวถึงได้ใช้แนวทางต่างๆ ในการแก้ปัญหาอุทกภัยที่แตกต่างกัน
นิวออร์ลีนส์ให้ความสำคัญกับการสร้างคลองและระบบระบายน้ำอื่นๆ ให้มากขึ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยของเมือง แต่ยังส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากต้องพลัดถิ่น
เวนิส ประเทศอิตาลีมีระบบคลองและประตูระบายน้ำที่ครอบคลุมซึ่งมีมานานหลายศตวรรษ สิ่งนี้ประสบความสำเร็จในการปกป้องเมืองจากน้ำท่วม แต่ค่าบำรุงรักษาก็แพงมากเช่นกัน
เมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้สร้างแนวกั้นคลื่นพายุขนาดใหญ่คู่หนึ่งเพื่อปกป้องเมืองจากน้ำท่วม สิ่งนี้ประสบความสำเร็จในการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัย แต่ก็ส่งผลให้เมืองถูกแยกออกจากทะเลมากขึ้น
เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนได้ดำเนินมาตรการควบคุมอุทกภัยหลายประการ รวมถึงการก่อสร้างเขื่อนและเขื่อน การปรับปรุงระบบระบายน้ำ และการปลูกต้นไม้และพืชพรรณ วิธีนี้ช่วยลดความเปราะบางของเมืองที่จะเกิดน้ำท่วม แต่ก็ส่งผลกระทบในทางลบต่อสิ่งแวดล้อมของเมืองด้วย
ถ้า AI เป็นผู้ว่า กทม.
ผู้เขียน: ถ้าคุณเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คุณจะทำอย่างไร?
AI: ไม่มีคำตอบง่ายๆ ถ้าฉันเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ถ้าฉันเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฉันจะทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อพัฒนาแผนที่ครอบคลุมโดยคำนึงถึงสถานการณ์เฉพาะของเมือง ฉันจะมุ่งเน้นไปที่การนำวิธีแก้ปัญหามาใช้ร่วมกัน รวมถึงการสร้างคลองและระบบระบายน้ำเพิ่มเติม การปรับปรุงการจัดการน้ำและระบบชลประทาน และการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ให้ดีขึ้น ฉันยังสนับสนุนให้ผู้คนย้ายออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
ผู้เขียน: กรุณาอธิบายอย่างละเอียด
AI: ถ้าฉันเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ฉันจะเน้นที่การดำเนินการร่วมกันเพื่อลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม ซึ่งจะรวมถึงการสร้างคลองและระบบระบายน้ำให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยควบคุมการไหลของน้ำออกจากเมือง ฉันจะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการจัดการน้ำและระบบชลประทาน ซึ่งจะช่วยควบคุมการไหลของน้ำได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ฉันจะใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ให้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการแก้ไขวิกฤตน้ำท่วม สุดท้ายนี้ ขอสนับสนุนให้ประชาชนย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัยได้
ผู้เขียน: อะไรคือสิ่งที่คุณจะไม่ทำ?
AI: มีหลายสิ่งที่ฉันจะไม่ทำถ้าฉันเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อย่างแรก ฉันจะไม่เน้นที่การลดการตัดไม้ทำลายป่า เนื่องจากนี่เป็นวิธีแก้ปัญหาระยะยาวมากกว่า ประการที่สอง ฉันจะไม่พยายามบังคับให้ผู้คนย้ายออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากนี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบ สุดท้ายนี้ฉันจะไม่พยายามแก้ไขวิกฤตน้ำท่วมด้วยตัวฉันเอง เนื่องจากฉันต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐและภาคเอกชน
ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่า AI ตอบคำถามที่ย้อนเเย้งกับตัวเองตอนต้น ตอนเเรก AI บอก “ขอสนับสนุนให้ประชาชนย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัยได้” เเต่ต่อมากลับบอกว่า “ฉันจะไม่พยายามบังคับให้ผู้คนย้ายออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากนี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบ” อย่างที่กล่าวไปข้างต้นสิ่งนี้เเสดงให้เห็นว่าเเม้ AI จะสามารถสร้างคำตอบที่ฟังดูเหมือนมนุษย์เเต่ทั้งหมดเกิดจากเเผนที่ภาษาที่ทำให้ AI เลียนเเบบภาษามนุษย์ได้โดยไม่ได้เข้าใจตรรกะเเละความต่อเนื่องของข้อความที่ตัวเองเขียนออกมาได้ทั้งหมด ความย้อนเเย้งเเบบนี้พบได้บ่อยครั้งในข้อความที่สร้างขึ้นมาด้วย AI
ผู้เขียน: ทำไมคุณไม่โฟกัสไปที่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวล่ะ?
AI: ฉันจะไม่เน้นที่การลดการตัดไม้ทำลายป่าเพราะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวมากกว่า ซึ่งหมายความว่าจะใช้เวลานานกว่าจึงจะเห็นผล และวิกฤตน้ำท่วมจะต้องได้รับการแก้ไขทันที
ผู้เขียน: เหตุใดคุณจึงคิดว่าการแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไม่ได้ดำเนินการ?
AI: มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้โซลูชันเหล่านี้ยังไม่ได้ดำเนินการ ประการแรกอาจเป็นเรื่องยากที่จะให้ภาครัฐและเอกชนร่วมมือ ประการที่สอง การนำโซลูชันไปใช้อาจมีราคาแพงและใช้เวลานาน สาม อาจเป็นเรื่องยากที่จะให้ผู้คนย้ายออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
ผู้เขียน: คิดว่าถ้ารัฐบาลรู้วิธีแก้ปัญหาเหล่านี้แล้ว จะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้หรือไม่?
AI: เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้หรือไม่หากพวกเขารู้วิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าการร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อหาทางแก้ไขวิกฤตน้ำท่วมเป็นสิ่งสำคัญ
เป็นยังไงกับบ้างครับหลายๆ คนคงมีความคิดเห็นที่ต่างกันเกี่ยวกับสิ่งที่ AI เสนอเเนะ บางคนอาจจะมองว่าเข้าท่า บางคนอาจจะมองว่างั้นๆ เเต่ เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบทสนทนานี้เเทบไม่ต่างจากการคุยกับมนุษย์จริงๆ ในอนาคต AI ที่สามารถโต้ตอบได้เป็นธรรมชาติเช่นนี้จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรามากขึ้นเรื่อยๆ เผลอๆ อาจจะเป็นนักการเมืองอย่าง ผู้ว่า กทม เลยด้วยซ้ำ…
ครั้งต่อไปเราจะชวน AI คุยเรื่องอะไร รอติดตามกันได้เลยใน AI & I ตอนต่อไป
*ภาพประกอบบทความนี้สร้างขึ้น (generate) โดย AI
Content by
‘พีพี—พัทน์ ภัทรนุธาพร’ นักเทคโนโลยีและนักวิทยาศาสตร์ชาวไทยที่ MIT ผู้สนใจไดโนเสาร์, AI, เเละไซบอร์ก
‘แบ๊งค์ งามอรุณโชติ’ ผู้อำนวยการ สถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (STIPI)