มือยื่นมาเกาะกุมใบหน้าของคุณ มันหมุน ทึ้ง และถอยห่างด้วยอะไรรุ่งริ่งสักอย่างระหว่างง่ามนิ้ว คุณแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ หากจะรู้สึกรู้สาอะไรบ้าง คุณก็รู้สึกเบาราวกับน้ำหนักถูกยกออก
สภาพความเป็นจริงใหม่หมาดของคุณมาแจ่มชัดก็ตอนที่คุณยกมือขึ้นแตะใบหน้า และไม่สัมผัสอะไรเลยยกเว้นแผ่นหนังเปล่าสากแสนเวิ้งว้าง ทัศนวิสัยของคุณพร่าดับ ราวกับม่านสีเทาโปรยห่มปกคลุมโลก หลังจากที่ใช้ความพยายามพอควร คุณก็ปริรูปากออกเป็นเส้นไร้ริมฝีปาก เส้นซึ่งกู่ร้องโหยหวน
คุณผ่านการทดสอบสารัตถะ และใบหน้าของคุณก็อันตรธานไปแล้ว คุณได้รับอนุญาตให้ดิ่งลึกไปในเชิงตะกอน
— ใบหน้าของคุณถูกริบ
— คุณสูญเสีย 5 ใจ (บัดนี้เหลือ 38)
มนุษย์อาจเป็นสัตว์ที่มีสติปัญญาล้ำเลิศที่สุดในโลกในแง่ความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก แม้จะไม่ฉลาดนักในการดูแลโลกธรรมชาติที่ตนต้องพึ่งพาอาศัย แต่ในทางกลับกัน เหตุผลเดียวกันก็อาจทำให้มนุษย์เป็นสัตว์ที่กลัวตายที่สุดในโลก
สำหรับใครก็ตามที่ได้เล่นเกมในจักรวาล Fallen London ของ Failbetter Games ซึ่งเริ่มต้นด้วยเกมฟรีบนบราวเซอร์ จากนั้นต่อยอดอย่างงดงามด้วยเกมไม่ฟรีอีกสองเกม ความตายน่ากลัวก็จริง แต่ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด มีความทุกข์ทนทรมานและเหตุการณ์สยองขวัญมากมายที่น่ากลัวกว่าความตาย
เกมทุกเกมในจักรวาล Fallen London เล่นกับความตาย ล้อกับความตายด้วยตลกร้ายสไตล์อังกฤษ สร้างฉากระทึกขวัญสั่นประสาท และออกแบบกลไกเกมจากความตาย เพราะความตายในเกมนี้ไม่ใช่จุดสิ้นสุด กัปตันคนต่อๆ ไปในเกมจะได้รับ ‘มรดก’ จากกัปตันคนก่อนหน้า ทั้งในแง่ความสามารถ ทรัพย์สมบัติ พาหนะเดินทาง ความรู้บางส่วนเสี้ยว แผนที่โลก และรวมถึงลูกเรือในเกมล่าสุดคือ Sunless Skies
ความตายในโลกของ Fallen London สำคัญเสียจนเราจะไปไหนไม่ได้ไกล ถ้ากลัวตายจนไม่กล้าเดินหน้าผจญภัยความเสี่ยงสูงในเกม หัวเสียไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะยอมรับว่าความตายนั้นเป็น ‘เรื่องธรรมดา’ และดีเสียอีกด้วยซ้ำที่ตาย เราจะได้เล่นเป็นกัปตันคนใหม่ ผู้ได้รับมรดกตกทอดสารพัดชนิดมาจากคนก่อนหน้า โดยไม่รวมฝันร้าย รอยแผลเป็น และคำสาปสามานย์จากบรรดาพระเจ้าจอมอาฆาต
ผู้เขียนคิดว่า Sunless Skies เกมล่าสุดในซีรีส์นี้ ไม่เพียงเป็นเกมที่ดีที่สุดของซีรีส์ แต่ยังเป็นเกมที่ ‘ภาษาเขียน’ ดีที่สุดในประวัติศาสตร์เกม
ก่อนหน้านี้ผู้เขียนเคยแนะนำ Sorcery! ซีรีส์เกมสุดเจ๋งซึ่งดัดแปลงจากหนังสือเลือกเส้นทางผจญภัย (choose your own adventure) คลาสสิก ว่าเป็นเกมที่นำการอ่านมาเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างสง่างาม มาวันนี้ชัดเจนว่า Sunless Skies ก็เจ๋งไม่แพ้กัน และเจ๋งกว่านั้นไปอีกหลายขั้นด้วยการผสานภาษาเขียนชั้นเลิศเข้ากับกราฟิกสุดพิศวงและการสร้างโลกสุดเพี้ยน สยดสยองแต่น่าหลงใหล
Sunless Skies ให้เราเล่นเป็นกัปตันรถไฟลอยฟ้าในโลก ‘โกธิคแฟนตาซี’ (Gothic fantasy) แห่ง Fallen London ในโลกนี้ขนบของสตีมพังก์ (steampunk) ถูกนำมาผนึกเข้ากับความน่าสะพรึงเสียวสันหลังสั่นประสาทแบบคทูลู (Cthulhu) ของ เอช.พี. เลิฟคราฟท์ (H. P. Lovecraft) ผสานด้วยความน่ารักน่าชังแนวจิกกัดแบบงานเขียนของสองผู้ยิ่งใหญ่ ลูวิส แคร์รอล (Lewis Carroll) และ เทอร์รี แพร็ตเช็ต (Terry Pratchett) และทั้งหมดนี้ก็อยู่ในโลกเดียวกันได้อย่างกลมกล่อม
เกมนี้สมมติว่ามหานครลอนดอนในปี ค.ศ. 1905 รัชสมัยของสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย ถูกทิ้งร้างหลังจากที่มัน ‘หล่น’ ลงไปใต้ทะเลลึกซึ่งเต็มไปด้วยอสุรกายและปีศาจ อันเป็นเหตุการณ์ในเกมก่อนหน้านี้คือ Sunless Sea สิบปีต่อมา พระนางเจ้าวิกตอเรียทรงนำขบวนอพยพชาวอังกฤษไปสร้างอาณาจักรอังกฤษใหม่หมาดบนฟ้า ฟาดฟันเข่นฆ่าดวงตะวันและประมือกับเทพเจ้านานา ในเกมนี้ความคิดความเชื่อ ตำนานทุกอย่างมีอยู่จริง โลกของ Sunless Skies เต็มไปด้วยดาวฤกษ์มีชีวิต อสุรกายแปลกประหลาด ปีศาจที่บริหารจัดการแบบราชการ หลุมดำกลางเวหา วิญญาณเร่ร่อน (บรรจุขวดไปขายได้) และผีสางนางไม้ เทวดาลึกลับ ผองสัตว์น้อยใหญ่ช่างเจรจานานาชนิด และแน่นอน ความขนพองสยองเกล้าที่สร้างสรรค์จำนวนนับไม่ถ้วน
เราเล่นเป็นกัปตันรถไฟลอยฟ้า (ใช่แล้ว ในเกมนี้พาหนะหลักของผู้คนคือรถไฟไอน้ำลอยฟ้า เพราะต้นศตวรรษที่ 20 รถยนต์ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย) เลือกเป้าหมายชีวิตตั้งแต่ต้นเกมได้ว่าอยากรวย อยากสำรวจดินแดนใหม่ๆ ให้ได้มากที่สุด อยากค้นหาความจริง หรืออยากทำเควสต์ลึกลับแสนยากเย็น (ซึ่งเกมจะเตือนว่ากัปตันคนแรกไม่น่ารอด กัปตันคนหลังๆ ในตระกูลของเราอาจพร้อมกว่า) กลไกเกมหลักๆ เป็นแนวผจญภัยแบบนิยายภาพ (visual novel) อ่านเรื่องราวและเลือกตัวเลือกที่ต้องการ ผสมแอ็กชั่นพอหอมปากหอมคอตอนแล่นรถไฟ ผสานกลไกผจญภัยสวมบทบาท (RPG) เพราะมีค่าสถิติที่สะท้อนความสามารถส่วนตัวในด้านต่างๆ ได้แก่ ค่าเหล็ก (Iron) สะท้อนความสามารถในการต่อสู้ ค่ากระจก (Mirrors) สะท้อนความช่างสังเกต ค่าม่านพราง (Veils) สะท้อนความสามารถในการเร้นกายและจารกรรม และค่าใจ (Hearts) สะท้อนความเอาใจใส่คนอื่น เราอัพเลเวลได้ถึง 20 และการอัพค่าสถิติของแต่ละเลเวลก็ทำในฉากคำถามที่จะค่อยๆ เติมปูมหลังของเราให้สมบูรณ์ขึ้นอีกนิด ให้เข้าใจที่มาที่ไปว่าความสามารถเราเพิ่มขึ้นด้านไหนเพราะอะไร
การขับรถไฟใน Sunless Skies ง่ายเหมือนปอกกล้วย ใช้แค่คีย์บอร์ดปรับทิศทาง กับเมาส์ไว้กดยิงอาวุธ ความท้าทายอยู่ที่การบริหารจัดการทรัพยากรสำคัญสี่อย่าง ได้แก่ เชื้อเพลิง เสบียง ตัวถังรถไฟ และจำนวนลูกเรือ และระวังค่า ‘ความหวาดกลัว’ (terror) อีกหนึ่งอย่าง ถ้าเชื้อเพลิงหมดรถไฟจะหยุดอยู่กับที่ ถ้าเสบียงหมดเราจะตาย (แต่ก่อนหน้านั้นจะเจอฉากบีบคั้นหัวใจ เช่น จะฆ่าลูกเรือเอาเนื้อมากินยังชีพดีไหม) ถ้าจำนวนลูกเรือลดต่ำกว่า 6 คน (ขั้นต่ำที่จำเป็นต่อการบังคับเรือ) ก็แย่ และถ้าค่าความหวาดกลัวพุ่งถึงจุดสูงสุด เราจะเริ่มฝันร้ายและเสียสติ ถูกพระเจ้านานาชนิดที่สิงสถิตอยู่บนฟ้ากัดกินวิญญาณ จนท้ายที่สุดเราจะคลุ้มคลั่งจนตาย ค่าความกลัวพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่เราแล่นรถไฟฝ่าความมืดดำของท้องฟ้า เจออสุรกายน่ากลัว วิธีลดค่านี้ก็คือไปเทียบท่าหลักบนแผนที่ ซื้อความสบายใจหรือทำกิจกรรมผ่อนคลายตามสถานที่ต่างๆ
ตำแหน่งของเมืองท่าในเกมนี้ใช้วิธีสุ่มวาง (procedural) ก่อนเล่น ทำให้การเล่นแต่ละครั้งไม่เหมือนเดิม (ยกเว้นจะเล่นเป็นกัปตันในสายตระกูลเดิม ซึ่งจะได้รับแผนที่เดิมเป็นมรดก) แต่เมืองท่าหลักๆ อย่าง New Winchester (ลอนดอนใหม่) อยู่ในตำแหน่งเดิม และหาง่ายกว่าเมืองในเกมก่อนหน้านี้คือ Sunless Sea ค่อนข้างมาก
ถึงแม้ว่า Sunless Skies จะมีปริศนาใหญ่ที่ท้าทายให้เราแก้ การไปให้ถึงฉากจบแบบนั้นก็ไม่น่าจะทำได้ภายในชั่วชีวิตของกัปตันคนเดียว แต่ต้องอาศัยความพยายามของกัปตันรุ่นหลังๆ ในตระกูลเดียวกัน ทำให้เรารับมือกับความตายในเกมนี้ง่ายขึ้น ทลายความเชื่อฝังหัวของนักเล่นเกมทั่วไปที่พยายามหลีกเลี่ยงความตาย เพราะปกติตายแปลว่าต้องโหลดเซฟไฟล์เก่ามาเล่นใหม่อีกรอบ
แต่ก็ดังที่กล่าวไปแล้ว ความตายในเกมนี้เป็นเรื่องธรรมดา ดีเสียอีกที่ตาย กัปตันคนใหม่ๆ จะได้มีโอกาสมากขึ้นบนกองมรดกที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และไม่จำเป็นต้องวางเป้าหมายในชีวิตเหมือนกันกับรุ่นปู่ทวด
ในเมื่อปริศนาใหญ่ในเกมนั้นยากเย็นตั้งแต่การหามันให้เจอ ความสนุกระทึกจึงอยู่ที่การผจญภัยแต่ละวันในเวลาเกม ซึ่งก็ล้วนแต่น่าสนใจในความเพี้ยนหลุดโลก ขบขันแบบตลกร้าย ตื่นเต้นแนวเกมการเมือง หรือระทึกขวัญเขย่าประสาท แถมยังเสียดสีจิกกัดระบบราชการและวิถีชีวิตของคนอังกฤษ (แกล้มการดื่มชายามบ่าย) อย่างสนุกสนานลืมไม่ลง ผู้เขียนลองแปลฉากการสนทนากับนักการเมืองในเกมมาให้ดูเป็นตัวอย่าง –
รัฐมนตรีกระหยิ่ม
“เห็นไหมเล่าครับ หากไร้ซึ่งสิทธิแห่งผู้พิชิตแล้วไซร้ เราก็จะไม่มีอะไรดีกว่าพวกบุกรุกที่มาจับจองที่สาธารณะเป็นของตัวในดินแดนนี้ อัลบิออนมิได้เป็นของเรา พอๆ กับที่สุนัขย่อมมิได้เป็นของเห็บบนตัวมัน! ผมเชื่อว่าเทพตะวันดวงอื่นๆ จะมองแบบนี้เช่นกัน ตะวันที่ใกล้กับเราที่สุดปกครองอาณาจักรอัมพร หากแม้นความจริงปรากฏ มีหรือที่มันจะนิ่งดูดาย
“ในความจริงนี้เองคือโอกาสของเรา โอกาสที่จะฟื้นฟูระเบียบ โค่นพระจักรพรรดินีลงจากบัลลังก์ โค่นดวงตะวันนาฬิเกร์ของนาง เพื่อฟื้นฟูเจตจำนงของมวลมหาประชาชนขึ้นอีกครั้ง (แน่นอน ผ่านผู้แทนราษฏรซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยชอบธรรมและบรรดาข้าราชการผู้อ่อนน้อม)”
เขาหันกลับไปมองดูทิวทัศน์ “เราจะจับอาณาจักรเป็นตัวประกัน เพื่อบีบบังคับให้เจ้าผู้ปกครองทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่นั่นแหละครับคือราคาของศักดิ์ศรี มันมีค่าควรจ่าย”
เรื่องราวที่สนุกที่สุดในเกมหลายเรื่องเป็นของลูกเรือ ซึ่งเราจ้างมาทำงานบนเรือได้ด้วยสนนราคา 100 เหรียญหรืออย่างอื่น เช่น ถ้าอยากให้ป้าแท้ๆ ของเราผู้เป็นสายลับช่ำชองมาอยู่ด้วยบนเรือ ต้องจ้างเธอด้วยการเล่า ‘ความลับโหดเหี้ยม’ หรือ savage secret หนึ่งชิ้น ลูกเรือแต่ละคนมีปัญหาส่วนตัวและความลับให้เราช่วยคลี่คลาย ซึ่งถ้าเราทำสำเร็จ เขาหรือเธอก็จะมีความสามารถมากขึ้น ช่วยเราได้มากขึ้นเพราะลูกเรือแต่ละคนช่วยเพิ่มค่าสถิติให้กับเรา แต่ถ้าเราเลือกผิดทาง (‘ผิด’ สำหรับเรา แต่อาจไม่ผิดสำหรับเขาหรือเธอ) ลูกเรือคนนั้นก็อาจจะจากเราไปตลอดกาล
กราฟิกในเกมนี้สุดสวยอลังการและมีความหลากหลายสูง ตั้งแต่เมืองมลังเมลืองแนวสถาปัตยกรรมจีน เหมือนยกเอาพระราชวังต้องห้ามกลางกรุงปักกิ่งมาประดับแสงไฟนีออนบนฟ้า ไปจนถึงเมืองดอกไม้กลางอากาศที่เต็มไปด้วยรังผึ้งขนาดยักษ์ สภาผู้แทนราษฎรลอยฟ้า ภูเขาหิมะขาวโพลนลึกลับ จนถึงดินแดนสนธยาหลังความตาย ถึงแม้ฉากต่างๆ ในเกมนี้จะวาดเป็นกราฟิกสองมิติ ให้เรามองโลกจากเบื้องบนลงไป แต่ก็ถ่ายทอด ‘ความลึก’ ได้อย่างดีเยี่ยมผ่านกราฟิกซ้อนกันหลายชั้น บ่อยครั้งเราจะอยากแล่นรถไฟวนเวียนอยู่ที่เดิมเพื่อจะได้มองเห็นสิ่งปลูกสร้างเบื้องล่างได้อย่างถนัดตามากขึ้น เล่นแรกๆ อาจมองออกยากว่าสิ่งที่ปรากฏบนจอนั้นอยู่เบื้องล่างของรถไฟเรา หรือว่าอยู่ระดับเดียวกัน (ถ้าเราชนอะไรก็ตาม รถไฟจะบุบลงนิดหน่อย) แต่แสงไฟหน้ารถก็ช่วยได้มาก อะไรที่ไฟส่องผ่านแปลว่ามันอยู่ข้างล่าง เราแล่นผ่านไปได้
จุดอ่อนของ Sunless Skies ส่วนน้อยคือระบบการต่อสู้ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นระยะๆ เวลาที่เราบังคับรถไฟ สู้กับรถไฟคันอื่น สัตว์ประหลาด และสิ่งลึกลับสารพัดชนิด บางครั้งเราต้องสู้เพื่อเก็บเกี่ยวสมบัติหรือเรื่องราวที่จะขยับเส้นเรื่องไปข้างหน้า และถ้าอัพเกรดรถไฟหรือได้อาวุธดีๆ การต่อสู้ก็เป็นวิธีที่ดีที่จะหาเงินจากการเก็บสมบัติจากรถไฟศัตรูที่สู้แพ้ ระบบการต่อสู้ในเกมนี้พัฒนามาจากเกมก่อนหน้านี้คือ Sunless Sea ตรงที่เราบังคับง่ายขึ้น น่าเบื่อน้อยลง ส่วนหนึ่งเพราะรถไฟเราสามารถขับหลบทางขวางได้ และรถไฟของเราก็แล่นเร็วกว่าเรือใน Sunless Sea ทำให้การต่อสู้โดยมากใช้เวลาเพียง 1-2 นาทีก็รู้ผล
วิธีเล่น Sunless Skies ให้เพลิดเพลินที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระหว่างที่ถูกคุกคามด้วยสิ่งเขย่าขวัญหลากชนิดและนึกสนุกกับตลกร้ายนานัปการ ก็คือการมองว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ตายเมื่อไหร่เราก็ได้เล่นเป็นกัปตันคนต่อไปในตระกูล ฉะนั้นเราจึงควรอ้าแขนรับความเสี่ยงของการผจญภัย แต่ก็ไม่ลืมที่จะหาทางบรรเทาและจัดการความเสี่ยง และพยายามออกสำรวจและเดินหน้าสะสมสมบัติพัสถานและความรู้ดำมืดให้ได้มากที่สุด
ความตายดูจะอยู่ใกล้เราทุกขณะในโลกอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงแต่ทว่าก็น่าหลงใหล Sunless Skies เกมที่ภาษาเขียนดีที่สุดในประวัติศาสตร์เกมบอกกับเราว่า ความตายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ และในบางกรณีที่โลกบีบเค้นบั่นทอน ความตายก็อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดจากความทุกข์ยากแสนสาหัส
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ความตายเปรียบเสมือนประตูที่เปิดอ้าออกให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสก้าวเดิน มีโอกาสลองอะไรใหม่ๆ ด้วยมุมมองใหม่ ดังวาทะอมตะของ สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) นักนวัตกรรมผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิลผู้ล่วงลับ ที่ว่า
“[ความตาย]เป็นสัจธรรมที่ควรเป็น เพราะความตายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติให้เรามา เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลง กำจัดของเก่าเพื่อสละพื้นที่ให้กับของใหม่”
คนรุ่นหลังจะได้ไปได้ไกลกว่าคนรุ่นเรา.