เฮ่อ เหนื่อย ไม่ได้เหนื่อยงาน ไม่ได้เหนื่อยบท แต่เหนื่อยเดินไปเข้าห้องน้ำ ท่ามกลางแดดร้อนระริกเดือนเมษา ฉันเดินกุมทิชชู่ ลากหางโจงกระเบนเดินฝ่าไอร้ อนไปจากกลางทุ่งนาสู่แดนสุขาวดี ก็ระยะประมาณสองป้ายรถเมล์เท่ านั้นเอง
ทำไมกูถึงต้องลำบากขนาดนี้
ฉันว่าเวลาเกิดฉันตกฟากในห้
ชีวิตชะนีนี่มันเป็นชีวิ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
ก็เวลาไปทำงานนั้น ออฟฟิศของชาวกองถ่ายมันไม่ใช่บ้
เอาว่าเรื่องไปถ่ายเบานี่ สมาชิกกองถ่ายฝ่ายชายก็ค่อนข้
แต่ผู้หญิงนี่สิ จะถกกางเกงลงปล่อยทุกข์เลยก็ใช่
อีกสาเหตุนอกจากความทุลักทุ
ขืนทำแบบนี้ทุกครั้งที่ปวด หนังคงไม่จบ เพราะเวลาหมดไปแล้วเป็นชั่วโมง
ถามว่าทุกคนรู้ไหมว่าการขับถ่
ายมันเรื่องธรรมชาติ ฉันก็ว่ารู้ดีทุกคน แต่คุณเอ๋ย บางทีมันก็ใช่จะตามใจเราได้ ไปเสียทุกอย่าง
บางคนนี่ส้วมนั่งยองยังไม่
พวกเราเหล่าหญิงอึดในกอง จึงลองกันหลายวิธี ตั้งแต่ยอมอั้น รอให้มันถึงที่สุด บ้างก็ไม่กินน้ำเอาเสียเลยตามหลักการว่าถ้าไม่มีเข้าก็ไม่
กระทั่งว่าในตึกในบ้านดีๆ มีห้
ทุกวันนี้ดีขึ้นมากแล้ว เพราะทีมงานมักจะลงทุนสั่งรถห้
องน้ำไปใช้ที่กองถ่ายในกรณี จำเป็น (จำเป็นในที่นี้คือถ่ ายในตึกร้าง กลางทุ่ง หรือหุบเขา ไม่ใช่จำเป็นเพราะนางเอกหรื อพระเอกอยากเข้าก็เลยสั่งให้ หรอกนะ คือต้องที่สุดจริงๆ ไม่มีที่จะไปทั้งชายหญิงนั่นล่ะ ถึงจะลงทุน)
เพราะคำนวณแล้วประหยัดกว่าทั้
รถห้องน้ำนี่ไม่ใช่อย่างรถห้
เรียกว่าเห็นรถห้องน้ำที่กองแล้
แค่ต้องเดินไกลหน่อยอย่างที่ฉั
ซึ้งจัง
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ ฉันก็ผจญภัยในความเวิ้งว้างอั
สมัยถ่ายนางนากนั้น ยังเป็นช่วงรอยต่อของความเก่ากั
สมัยที่ทำนั้น ทีมงานเขาก็ว่าเอาอย่างสมจริงที่
แต่ไอ้ที่หัดไม่ได้มันก็มี อย่างเรื่องท้อง และเรื่องทำนา
เรื่องตายเป็นผีคงไม่ต้
กรรมวิธีก็หล่อจากหน้าท้องฉันนี่
ติดเสร็จแต่งเสร็จ เดินออกมาให้ดูพี่อุ๋ยก็ยังไม่
โอ้โห ได้ผล
มันไม่ได้หนักอย่างเรายกของน่
แต่ทันทีที่ฉันทรงเครื่องอุ
แต่ไฮไลท์ไคลแมกซ์ของนางนากก็คื
อตอนจะตายนี่ล่ะ ทุกคนรู้ดีว่านางตายตอนเจ็บท้ องคลอดลูก พี่อุ๋ยก็เพิ่มเข้าไป ว่าชีวิตหญิงเดี่ยวแบบนี้ คงไม่จุดเทียนหอมร้อยมาลั ยรอเวลาเจ็บท้องหรอก แต่ต้องไปเจ็บระหว่างการใช้ชีวิ ตประจำวัน แล้วชีวิตประจำวันของชาวนาก็คื อการทำนา จ้ะ ฉันก็ต้องมาเจ็บท้องกลางทุ่งนา
ถ้าวันนั้นใครอยู่ที่จังหวัดชั
จริงๆ เอิกเกริกขนาดนี้ ถ้าเป็นวันที่ถ่ายฉากอื่นเป็
ไม่ลูกนิมิตล่ะ กูนี่แหละ
ตัวฉันนั้นแต่งตัวเสร็จมาจากที่
ในสมัยนั้น แม่ยังไปทำงานกับฉันอยู่ในบางวั
ควายนั้นยืนสบายๆ พี่เจ้าของควายก็เดินมาบอกวิธี
“มันไปทางไหนก็เดินตามมันนะ” จบ
เฮ้ย ได้เหรอ คือแค่นี้เลยเหรอวะ แต่พี่เขาก็ไม่อยู่ให้ถามเสี
จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่ามั
คนดูก็ส่งเสียงเชียร์กันสนุกมาก มีทั้งช่วยบังคับควายด้วยเสียง (
สนุก สนุกอย่างสาหัสมาก
ฉันเดินไป โอดโอยไป จนได้ยินพี่อุ๋ยตะโกนบอกว่าให้
“คัท!! โอเค ไปๆ เก็บของ”
เฮ้อ ก็โอเคนะ แต่ชาวบ้านเขาแยกย้ายกันเร็วจัง สงสัยรู้แล้วว่าไม่ได้มีอะไรให้
หายเร็วมาก หายไวมาก เห็นท้ายรถตู้ลิบๆ ตรงปากทาง กับแม่ฉันที่ยืนวี้ดๆ เรียกฉั
“เค้าไปกันหมดแล้วแก!!”
ฉันเห็นแล้วล่ะ แล้วพี่คนสวยฝ่ายเสื้อผ้าล่ะแม่ เค้าไปไหนเนี่ย
“ฉันเห็นแว้บๆ เมื่อกี้ ไปไหนแล้วไม่รู้”
ฉิบหายเกิดทันที
คือโคลนที่ท่วมหัวหูฉันตอนนี้
แม่เห็นฉันเงอะงะมากเข้า ก็จัดการลากเอาฉันเข้าไปในเพิ
“ถอด!”
เหย จะถอดยังไงล่ะแม่ ถอดแล้วจะเอาอะไรเปลี่ยน
“ชั้นสั่งให้ถอด”
ชุดมันเย็บติดกันอะ แล้วไม่ใช่แค่ติดกันกับผ้า แต่ติดกับท้องไปเลยเนี่ย แล้วมันก็ต้อง…แควกกกกกกกกกกก ก็รู้นะ ว่าแม่ใจร้อน แต่จังหวะที่แม่เดินมากระชากท้
บางทีก็อยากให้แม่ลองปฏิบัติ
สรุปคือฉันก็ยืนล่อนจ้อนล่
และแล้ว
“น้องทรายยยยยย น้องทรายอยู่ไหนค้าาาา”
นั่นเสียงฝ่ายเสื้อผ้านี่
พี่จ๋าาาาา ช่วยด้วยยยยยยยย หนูติดอยู่ในนี้
“น้องทรายเข้าไปในนั้นทำไมอะคะ อ้าว คุณแม่ก็ด้วย ปวดฉี่เหรอ ทำไมไม่นั่งรถตู้ไปเข้าห้องน้ำ?”
ฉันกำลังจะอธิบาย แม่ก็ขัดขึ้นมาแบบเรียบๆ แต่ระอุ
“อ๋อ หนูไปช่วยหนูนามาค่ะแม่ สงส้าร สงสาร พอฝนตก มันก็หนีออกมาจากรัง มีลูกด้วยนะคะ ตัวแดงๆ อยู่เลย หนูเลยช้อนมันขึ้นไปไว้ตรงนาแห้
ทุกวันนี้, แม่ไม่ไปออกกองกับฉันแล้ว และเท่าที่รู้ก็คือ พี่คนนั้นไม่ได้ทำเสื้อผ้ากองถ่ ายอีกต่อไป
สวัสดี