ช่วงนี้คุณจะได้เห็นหน้าฉันบ่อยๆ หน่อย ถ้าคุณเป็นแฟนละคร ก็ละครที่ฉันเล่นกำลังออนแอร์ติดกัน 5 วันรวด
จริงๆ เรื่องละครออนแอร์หรือไม่ เมื่อไหร่ ทำไมบางเรื่องดองไว้น้านนาน บางเรื่องก็เร็วเชียวนั้น นับเป็นปริศนาธรรมอย่างยิ่ง เพราะเราไม่มีวันรู้ว่าช่องเขาจะบริหารจัดการยังไง
ฉันก็เลยเคยเล่นตั้งแต่ละครที่มีกำหนดออกอากาศก่อนวันเปิดกล้อง (จริง, นี่คือเรื่องจริง แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วล่ะ สาธุ) จนถึงงานที่เล่นตั้งแต่สาวยันแก่ อย่างตำนานสมเด็จพระนเรศวรนั่นก็ใช่ เนื้อเรื่องในหนังห่างกันแค่หลักเดือน แต่กว่าจะทำงานเสร็จ กว่าจะออกมาให้ได้ดู หน้าจริงฉันก็แซงหน้าในหนังไปเสียแล้ว ซึ่งช่วงแบบนี้คนจะรู้สึกว่าฉันงานเยอะนะเนี่ย แต่จริงๆ แล้วคือเปล่าเลย, ช่วงที่ฉันหายไปจากจอนั่นต่างหาก ที่เป็นช่วงดำนา หว่านกล้า เล่นสะสมออมไว้ และช่วงละครออกอากาศเป็นช่วงพักผ่อน นอนดูละครที่ตัวเองเล่นนั่นแล ดังนั้นเวลาเห็นดาราไปไหนมาไหนได้ ทำไมมันเที่ยวบ่อยจังวะ มันคืออะไรแบบนี้ล่ะจ้า มีหน้านา นาปี นาปรังไม่ต่างจากเกษตรกร
อะ แล้วเกริ่นแบบนี้มา คือจะเล่าอะไร? วิธีถ่ายทำเธอก็เคยเล่าไปแล้วนะ ก็ไม่ได้จะมาเล่าวิธีทำงานหรอก แต่จะมาเล่าถึงความหวั่นไหวทางอาชีพ
ช่วงปีหลังๆ มานี้ ฉันเห็นบทความที่ทำนายอนาคตมนุษยชาติมากขึ้น ว่าวิถีของเราจะเปลี่ยนไปอย่างเรา ฉับไวเพียงใด และอาชีพอะไรจะหายไปบ้าง เพราะเราสามารถใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือย่อๆ ว่า A.I. (เอไอ) มาทำหน้าที่แทนบุคลากรที่เป็นคนจริงๆ มีการทำนายทายทักว่าอาชีพไหนจะล้มหายตายจากไปแน่ๆ และอาชีพไหนที่ฟูเฟื่องเลื่องลือ นี่ล่ะ ความหวั่นไหวของฉัน AI จะมาแทนได้หลายหน้าที่ แล้วใครจะรู้, ซักวันมันอาจจะเป็นดาราขึ้นมาก็ได้!!
คุณก็รู้ว่าเดี๋ยวนี้คอมพิวเตอร์กราฟิกนั้นก้าวล้ำนำสมัยมากขนาดไหน ฉันซึ่งดูทีวีมาตั้งแต่สมัยหุ่นชักเป็นน้าผีในละครจักรๆ วงศ์ๆ ตอนเช้า หรือหุ่นมือเจ้าขุนทองจึงตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เวลาเข้าฉากไหนแล้วเขาขึงผ้ากรีน เพื่อจะเอาไปทำคอมพิวเตอร์กราฟิกเพิ่ม ไม่นับที่เวลาดูหนังต่างประเทศที่สร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ ลบไอ้นั่น เพิ่มไอ้นี่ สร้างไอ้นู่นมาแบบสมจริง
แล้วจะไม่ให้ฉันกลัวการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร แถมคิดไปใหญ่โต ว่ามันน่าจะพอๆ กับการเปลี่ยนแปลงจากหนังเงียบมาเป็นหนังเสียงเลยทีเดียว เพราะแค่ยุคที่เปลี่ยนจากฟิล์มเป็นดิจิทัล อะไรหลายอย่างที่ฉันเคยเห็นในกองก็ค่อยๆ หายไป ไม่ว่าจะเป็นการรีโหลดฟิล์มโดยโหลดเดอร์ ที่จะมีถุงผ้าดำแบบตัดแสงสุดๆ ประจำตำแหน่งอยู่ด้วยจำตำแหน่งอยู่ด้วย การขานรีโหลด หรือการทำการแสดงโดยมีเสียงฟิล์มรันอยู่ในกล้องแกร่กๆ เป็นการเตือนสติ ว่าเล่นดีๆ นะมึง นี่เงินกำลังไหลออกไปนะโว้ย กูจำกัดเวลาให้เล่นได้แค่ 11 นาทีนะ นี่สุดแล้ว เรียกว่าเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมของการทำงานในวงการไปอย่างชัดเจน
แถมคนดูเขาก็ดูมาพอๆ กับเรา หรือมากกว่าเราเสียด้วยซ้ำ อเวนเจอร์ สไปเดอร์แมน ผีสางสารพัดก็นั่งดูไปพร้อมๆ กันนี่ล่ะ ดังนั้นนอกจากจะต้องสู้กับเรื่องราวให้สนุกแล้ว คนทำงานก็ยังต้องสู้กับความคาดหวังของคนดูไปไม่แพ้กัน
ฉันจะไม่พูดเรื่องน่าเบื่อๆ ประเภททำไมซีจี (Computer graphics) เมืองนอกถึงดีกว่า หรือการติดโมแคปที่ตัวนักแสดง ก่อนเอาไปแปลงเป็นตัวละครอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์อีกที เพราะคุณก็รู้อยู่แล้ว หรือหาอ่านกันได้ทั่วไปอแต่จะมาว่ากันด้วยซีจีแบบไทยๆ
เป็นที่รู้กันดีในหมู่คนทำหนังทำละครไทย ว่าถ้าเลือกได้อย่าทำเลยแกเอ๊ย งานที่ต้องพึ่งซีจีเนี่ย เพราะคนรอด่าตั้งแต่ยังไม่ทันฉายแล้ว จะว่าคนดูเขาก็ไม่ได้ เพราะอย่างที่ฉันบอกไปว่าเขาก็ดูหนังเมืองนอกมา ก็เมืองนอกมันทำได้อ้ะ! จะให้มาอภัยกันหรือเข้าอกเข้าใจยังไงล่ะ ไม่งั้นก็เหมือนว่าถ้าเป็นดาราแล้วเล่นไม่ดี คุณก็จะอภัยโทษให้ เพราะคิดเสียว่าดูละครโรงเรียนชั้น ป.4 ได้แค่นี้ก็ดีถมไปแล้วแบบนี้เหรอ
มันก็ไม่ใช่จริงมั้ย ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเสีย ด้วยการใช้ลูกเล่นแบบเก่าๆ
วางมุมกล้องให้พอดี วางคิวกันให้พอดี ตัดต่อแม่นๆ ก็พอช่วยได้ถมไป ยิ่งกับหนังผีนี่ ไม่มีซีจีเสียจะยังทำงานง่ายกว่า ฉันเคยทะเลาะกับตุ๊กตาหัวเสือขนปุกปุย เพราะในฉากคือปล้ำสู้กับเสือสมิงแต่ใช้ถ่ายผ่านหูตุ๊กตาเอา เคยต้องนัดคิวกับตากล้องและผู้ช่วยที่มือข้างนึงแต่งเอฟเฟกต์ผีไว้ ส่วนตากล้องแต่งขาเป็นศพ เพื่อในฉากนั้น ฉันจะได้แอบเห็นขาศพวอมแวมมา พร้อมกับถูกผีคว้าคอได้ในคัทเดียวกัน
เอ้อ มันตลกก็จริง แต่มันก็ทำงานง่ายอยู่นะ คือเราจะเหมือนคนบ้าหน่อยๆ (ก็ไม่หน่อยล่ะ) ที่เล่นสู้ เล่นกลัวอยู่คนเดียว โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ถึงความอลหม่านที่อยู่เบื้องหลัง ไหนผู้ช่วยกล้องต้องคอยไลน์สายหลบขาฉัน ไหนจะทีมเสียงที่ยงโย่ยงหยกอยู่หลังหูเสือเพื่อดักเอาเสียงหายใจ ไหนจะคอยฟังคิวอ่านแบบตะกุกตะกักของผู้ช่วย ที่ต่อไดอะล็อกผีให้เรา (นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่เข้าใจจนทุกวันนี้ ว่าทำไมผู้ช่วยที่มาต่อบทเป็นเสียงในสายโทรศัพท์ เสียงความคิด หรือเสียงผีสางใดๆ จะต้องเป็นคนอ่านไม่คล่อง เว้นวรรคผิด หรือไม่ก็ไร้อารมณ์เสียจนเหมือนกลั่นแกล้งกัน ก็ไม่ได้ถึงขนาดต้องเชิญครูเล็ก ภัทราวดี มาอ่านหรอก แต่ช่วยอ่านให้มันราบรื่นหน่อยได้มั้ยยยยย : จบช่วงการบ่นส่วนตัว)
เพราะเล่นกับกรีนนี่มันต้องสื่อสารกันชัดเจนมากนะ ว่าผีที่กำลังจะเจอนี่หน้าตายังไง ผีของคนแสดง ผีของคนเขียนบท ผีของผู้กำกับ ผีของคนทำซีจีมันตรงกันใช่มั้ย
ไม่ใช่คนเล่นจินตนาการไปว่าเห็นกอลลัม แต่คนทำไพล่เขียนเป็นผีเปรต ภาพออกมาเป็นดาราคุยกับหัวเข่าเปรตไปเสียอีก เพราะมาร์คกิ้งกันไม่ถูก ไอ้ที่นึกว่าจ้องตาเลยกลายเป็นหัวเข่าแทน
หรือสั่งนักแสดงว่าให้เล่นใหญ่สุดๆ เพราะตรงหน้ามีมวลมหาสารพัดผีกำลังกลุ้มรุมฉุดทึ้งเธอ แต่เขียนซีจีออกมาเป็นควันเบาบาง ลอยดึ๋งๆ อีคนแสดงก็จะดูเป็นบ้าไป ว่าเล่นใหญ่เกินงาม ผีควันแกนี่เปิดพัดลมเบอร์หนึ่งใส่ไปเสียก็ตายห่ากันหมดแล้ว
แล้วการมีซีจีจะไม่เรียกร้องพลังสร้างสรรค์จากการทำงานหน้ากองเท่าไหร่ ก็ตั้งกล้องล็อคเฟรมไว้ ดึงผ้าตึงๆ หน่อย แล้วก็ถ่ายกันไป เพราะเดี๋ยวทีมซีจีเขาก็มาเขียนเอง กล้องอย่าไปหวือหวามาก ถ่ายมันตรงๆ นี่ล่ะ ทั้งที่จริงแล้วไอ้อาการวับแวม ลับล่อของผีนั่นล่ะน่ากลัว มาแว่กันต่อหน้าก็จะเรียกอาการกระตุกได้ไม่กี่ครั้ง เพราะทำซ้ำบ่อยเข้า คนก็รู้ทัน แล้วก็จะเริ่มขำแทนการตกใจ บวกกับซีจีครึ่งผีครึ่งคน (ทางความเนี้ยบ) เข้าไปด้วย จากกลัวจะกลายเป็นฮาไปเสีย
ดังที่ปรากฏมาแล้วในหลายๆ ฉากหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นปีศาจเสือที่ทำออกมาน่าเกรงขามพอๆ กับตุ๊กตาหลังรถ หรือการทำท่าปล่อยแสงแบบไม่มีอะไรพุ่งออกมา ด้วยว่าทีมซีจีทำไม่ทันจ้า ฉากนี้เพิ่งถ่ายเมื่อ 2 วันก่อน คืนนี้จะออนแอร์แล้ว เทปเพิ่งส่งเซ็นเซอร์ แล้วกูจะเผามือเผาตีนเรียกลำแสงแห่งพลังจากไหนมาให้ดู หรือถ่ายมาปกตินะ แต่ผ้ากรีนที่ขึงในฉากนั้นทั้งยับทั้งย่น แถมมีรอยตีนเลอะเปรอะไปหมดจนเดาได้ว่าก่อนหน้านี้คงเอามาปูนั่งปูนอนกันเป็นเทือกเป็นแถว หรือทำงานไม่ประสานกัน ฉากที่ต้องถ่ายกรีน นางเอกก็ดันใส่เสื้ออมเขียวต่อเนื่องมาจากฉากอื่น ขืนถ่ายต่อไปก็จะกลายจากนางเอกเป็นกระสือ เพราะเสื้อจะโดนซีจีเกลี่ยกลืนหายไป ไม่งั้นก็ต้องย้อนกลับไปถ่ายหัวฉากนี้ตั้งแต่ต้น เพื่อเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวใหม่ เดือดร้อนต้องเรียกคนนั้นคนนี้มาทำงานซ้ำไปอีกอย่างน่าโมโห
จริงๆ ที่เขียนเรื่องซีจีนี้ก็ไม่ใช่อะไร แต่ละครเรื่องหนึ่งของฉันที่กำลังออกอากาศอยู่นี้ เป็นที่คาดหวังและเกร็งตัวรอขิงใส่กันมากระหว่างแฟนๆ สองช่อง ว่าละครแนวเดียวกัน ใครจะทำคอมพิวเตอร์กราฟิกได้สวยกว่ากัน เนียนกว่ากัน
ก็ดูเหมือนเรื่องฉันจะสอบผ่าน สร้างความโล่งใจแก่ฉัน ที่ไม่ต้องยิ้มเจื่อนเวลาใครมาทักว่าซีจีไม่เหมือนเลยอะ แย่อะ นู่นอะ นี่อะ จนบางทีก็พาลสงสารตัวเอง ว่าฉันแค่แสดงจ้า วันที่ทำการแสดง ฉันก็ยืนมองผ้าเขียวน่ะจ้ะ แล้วก็คิดไปว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ก็นับว่าเป็นโชคดีที่ภาพกับการแสดงออกมาเสมอกัน ไม่มีใครขาด ไม่มีใครเกิน
ที่อยากแอบบอกคือ ในเรื่องน่ะ เราใช้ซีจีมากกว่านั้นมากกกกกกกกกกก แต่คนดูก็เหมือนจะลืมเลือนไปเสียแล้ว ว่าจะต้องจ้องดูความเหมือนความเนียนหรือไม่ ไอ้ฉันก็นั่งกลั้นใจทุกครั้งที่มีฉากซีจีเหล่านี้ออกมา แต่ทุกคนก็ดูจะกำลังสนุกกับเรื่อง ฉันถึงผ่อนหายใจได้แบบโล่งอก
อ่อ แต่สำหรับเรื่องหน้าตานักแสดงนี่ก็… บางทีเห็นตึงๆโด่งๆ ดูมๆ นั่นก็ไม่ใช่ซีจีหรือมุมกล้องอย่างเดียวหรอกจ้ะ แต่เป็นซีจีบวกโบทอกซ์ทำงานร่วมกัน ไม่ก็ฝีมือคุณหมอศัลยกรรมล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับทีมงาน
ไอ้ที่มาบิดมาเบียดโชว์ให้ดูว่าจริงนะ จริงนะ ของจริงจ้ะ ก็ไม่อยากจะบอกว่าจริงจ้ะ ทำมาจริงๆ จ้ะ แท้จ้ะ กระดูกอ่อนจากหลังหูแท้ๆ เลยจ้ะ อันนี้ทีมซีจีไม่เกี่ยว แถมช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ จ้ะ วอนผู้ชมโปรดเมตตาาาา