เนื่องในวาระของฤดูกาลแห่งความรัก วาเลนไทน์วันนี้ เราเลยขอนำเสนอเรื่องราวของงานศิลปะ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักแบบตรงไปตรงมาตามตัวอักษร นั่นก็คือผลงานที่มีชื่อว่า ‘LOVE’ ของหนึ่งในศิลปินที่โดดเด่นที่สุดในวงการศิลปะอเมริกันนับแต่ปี 1960 ผู้เป็นหัวหอกของพัฒนาการศิลปะแนว แอสเซมบลาจ*, ฮาร์ด-เอดจ์ เพนต์ติ้ง**, และป๊อบอาร์ต (Pop art) อย่าง โรเบิร์ต อินเดียนา (Robert Indiana) นั่นเอง
อินเดียนาสร้างสรรค์ผลงานอันเป็นแบบฉบับเฉพาะตัวที่สำรวจตัวตนของชาวอเมริกัน, ประวัติศาสตร์ส่วนตัว, พลังของนามธรรมและภาษา จนกลายเป็นมรดกอันสำคัญที่ส่งอิทธิพลต่อศิลปินร่วมสมัยรุ่นหลังๆ ที่ทำงานด้วยการใช้ถ้อยคำเป็นองค์ประกอบในศิลปะ โดยเขามักจะใช้ภาพศิลปะเชิงพาณิชย์ มาผนวกกับแนวคิดเชิงปรัชญา ซึ่งเขานิยามผลงานของตัวเองว่าเป็น ‘ประติมากรรมบทกวี’ (Sculptural Poems)

ประติมากรรม Love นิวยอร์ก, ภาพจาก en.wikipedia.org
ผลงานของเขามักจะแสดงออกถึงภาพพจน์ที่ชัดเจน เรียบง่าย โดยมักจะประกอบด้วยรูปภาพของสิ่งที่เรียบง่าย ทรงพลัง และมีความเป็นสัญลักษณ์อย่าง ‘ตัวเลข’ (ซึ่งเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของผู้คนอย่าง หมายเลขถนน เลขที่บ้าน หรือแม้กระทั่งเป็นสัญลักษณ์ของวัฏจักรชีวิต โดยเขามองเลข 1 เป็นตัวแทนของการเกิด ที่ค่อยๆ ไล่เรียงไปจนถึงเลข 0 ที่เป็นตัวแทนของความตาย)
หรือถ้อยคำสั้นๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งอย่าง EAT, HUG, DIE, PEACE โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำที่เป็นที่รู้จักที่สุดของเขาอย่าง ‘LOVE’ ที่ประกอบด้วยพยัญชนะ LO (ที่ตัว O เอียงทำมุม 45 องศา) วางอยู่บน พยัญชนะ VE การจัดวางตัวเลขและตัวอักษรเหล่านี้ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยการวางองค์ประกอบและคู่สีอันโดดเด่นลงตัวแบบเดียวกับงานดีไซน์ และงานโฆษณา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่นในแนวทางศิลปะของเขา
โรเบิร์ต ครีลีย์ (Robert Creeley) กวีและนักเขียนชาวอเมริกันกล่าวถึง โรเบิร์ต อินเดียนา ว่า “อินเดียนาทำให้รูปลักษณ์ของความเป็นอเมริกันอันเรียบง่าย กลายเป็นสุ้มเสียงเปี่ยมสีสันสดใส และกระตุ้นเร้าความรู้สึกของผู้คนได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีใครทำได้ในยุคสมัยของเขา เขาใช้ภาพของภาษาและตัวเลขเพื่อสะท้อนแบบอย่างของอารมณ์มนุษย์อย่างไม่รู้จบ และทำให้คำว่า ‘รัก’ กลายเป็นภาษาสากลอันทรงพลังเหนือกาลเวลา และแสดงออกถึงสัญลักษณ์ของความเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

LOVE ในรูปแบบของแสตมป์สหรัฐอเมริการาคา 8 เซนต์, ภาพจาก en.wikipedia.org
แรกเริ่มเดิมที ผลงาน LOVE ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นการ์ดอวยพรวันคริสต์มาสของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งนิวยอร์ก (MoMA) ในปี 1964 ประจวบกับในช่วงนั้นเป็นเวลาที่สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมในสงครามเวียดนามพอดี ดังนั้น ผลงานศิลปะที่ประกอบขึ้นจากประโยคสั้นๆ อย่าง ‘LOVE’ ที่แปลว่า ‘รัก’ คำนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพและการต่อต้านสงครามไปในที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน ผลงานศิลปะแห่งถ้อยคำรักชิ้นนี้ ก็ถูกทำขึ้นเป็นงานจิตรกรรม และงานประติมากรรมในภายหลัง โดยตัวอักษรคำว่า LOVE แบนๆ ที่ว่านี้ ก็ถูกดึงหน้าตัดให้ยึดยาวออกมาเป็นรูปทรง 3 มิติ กลายเป็นผลงานประติมากรรม LOVE ที่ถูกจัดแสดงเป็นครั้งแรกในพิพิธภัณฑ์ศิลปะอินเดียนาโปลิส ณ บ้านเกิดของเขา ในปี 1970
“ที่คำว่า ‘รัก’ เป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ เพราะผมมีความหลงใหลในความสมมาตรและการแบ่งสิ่งต่างๆ ออกมาเท่าๆ กัน ตัวอักษร 4 ตัวดูเหมาะลงตัวในรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้วยสีแดง ฟ้า และเขียว ที่ทำปฏิกิริยาในดวงตาอย่างเป็นธรรมชาติ และในทางกลับกันมันก็แทบจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสายตาอีกด้วย”
โรเบิร์ต อินเดียนากล่าวถึงผลงานศิลปะแห่งถ้อยคำ ‘รัก’ ของเขา

(ซ้าย) ประติมากรรม Amor, บาเลนเซีย ประเทศสเปน, ขวา ประติมากรรม Love นิวยอร์ก, ภาพจาก widewalls.ch
ในปี 1977 อินเดียนาทำประติมากรรม LOVE เวอร์ชั่นภาษาฮิบรู ที่ประกอบด้วยตัวอักษรสี่ตัว אהבה (อ่านว่า “AHAVA” ซึ่งแปลว่า LOVE ในภาษาฮิบรู) เพื่อติดตั้งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสราเอล ที่กรุงเยรูซาเลม รวมถึงคำว่า HOPE (ความหวัง) อีกด้วย
ประติมากรรม LOVE ของอินเดียนา ถูกทำขึ้นติดตั้งในหลายต่อหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา และถูกสร้างใหม่ในหลากเวอร์ชั่น จนเป็นที่นิยมแพร่หลายไปปรากฏในหลายประเทศทั่วโลกในเวลาต่อมา รวมถึงในบ้านเราด้วย (ใครอยากเห็นผลงาน LOVE ชิ้นนี้ตัวจริงเสียงจริง ก็สามารถไปชมกันได้ที่ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น G กันได้ตามสะดวก) และถูกผลิตเป็นสินค้ามากมาย เช่น แสตมป์ ที่ทับกระดาษ จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผลงานศิลปะป๊อบอาร์ตที่โด่งดังที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา
ถึงแม้ว่าผลงาน LOVE จะทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และมีผลงานปรากฏในทั่วโลก แต่ตัวอินเดียนาเองก็มีความรู้สึกทั้งรักทั้งชังผลงานนี้ของเขาไปพร้อมๆ กัน เพราะเขาเองก็ไม่ปลื้มที่งานชิ้นนี้โด่งดังเสียจนกลบผลงานชิ้นอื่นๆ ที่เขาทำไปจนหมด
“ผลงานชิ้นนี้เป็นไอเดียที่น่ามหัศจรรย์ แต่มันก็เป็นข้อผิดพลาดอันใหญ่หลวงของผม เหตุเพราะมันโด่งดังมากเกินไป แล้วก็มีบางคนที่ไม่ชอบความโด่งดังขนาดนี้ สำหรับผม ความเป็นส่วนตัวและสันโดษนั้นดีกว่ากันเยอะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงมาอยู่ในเกาะนอกชายฝั่งที่ห่างไกลของรัฐเมนน่ะนะ”
แต่อย่างไรก็ดี ผลงานชุดนี้ของเขาก็หลอมรวมเข้ากับวัฒนธรรมสมัยนิยมอย่างกลมกลืน จนเป็นที่นิยมไปทั่วทุกหนแห่ง และกลายเป็นที่รักของผู้คนทั่วโลก ผลงาน LOVE ของ โรเบิร์ต อินเดียนา แสดงให้เราเห็นว่า ถ้อยคำสั้นๆ ง่ายๆ คำนี้ ก็สามารถกลายเป็นผลงานศิลปะที่เปี่ยมความหมายยืนยงคงทนเหนือกาลเวลา เช่นเดียวกับความรักแท้ที่เราต่างใฝ่ฝันจะมีได้เช่นเดียวกัน
*แอสเซมบลาจ (Assemblage art) ลักษณะของการทำงานศิลปะที่เป็นการนำวัสดุ 3 มิติปะติดลงไปบนพื้นผิวสองมิติจนเกิดเป็นรูปทรงต่างๆ นูนออกมาจากภาพ แอสเซมบลาจมีลักษณะคล้ายกับงานคอลลาจ (Collage) ซึ่งเป็นเทคนิคทางศิลปะในการสร้างภาพจากการนำชิ้นส่วนเล็กๆ ของภาพ 2 มิตินำมาปะติดปะต่อกัน
**ฮาร์ด-เอดจ์ เพนต์ติ้ง (Hard-Edge Painting) ลักษณะของการทำงานจิตกรรมที่วาดภาพด้วยแม่สีโดดๆ บนพื้นที่รูปทรงเรขาคณิตแบนๆ อันเรียบง่าย ที่มีเส้นตัดคมกริบ ซึ่งผลงานจิตรกรรม LOVE ของเขาเองก็มีรูปแบบในลักษณะนี้นั่นเอง
อ้างอิงจาก