“เงิน คือทางหนีจากความบัดซบหางานที่ได้เงินดีกว่านี้ให้พบ ชีวิตเอ็งก็จะโอเคเงิน ก็เหมือนเชื้อเพลิง สองมือโกยเงินซุกกระเป๋าให้มั่นรถคันใหม่ ไข่ปลาคาเวียร์ ใช้ชีวิตหรูหรายังกับฝันกลางวันหรืออาจจะซื้อทีมฟุตบอลสักทีมเงิน คือที่สุดของทุกสิ่งอย่าเสนอหน้ามาพร่ำบอกว่าต้องทำดีอย่างโง้นอย่างงี้เพราะพี่นั่งเครื่องบินเฟิร์สคลาสและยังอยากได้เครื่องบินส่วนตัวอีกสักลำเงินคืออาชญากรรมแบ่งสรรกันให้ลงตัวแต่อย่ามายุ่งกับส่วนของอั๊วเงิน เขาว่าเป็นบ่อเกิดของความชั่วร้ายทุกอย่างแต่ถ้าเอ็งจะขอขึ้นค่าจ้างก็อย่าแปลกใจว่าเขาจะไม่ให้สักแดง”(ถอดความจากบทเพลง Money โดยวงดนตรี Pink Floyd)
บางคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า เงินคือพระเจ้า เพราะเงินสามารถดลบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างที่เราปรารถนา ไม่ว่าต้องการอะไรก็ซื้อหาได้ด้วยเงิน แต่บ้างก็กล่าวว่า เงินซื้อความรักไม่ได้ (แต่ที่แน่ๆ น่าจะซื้อปัจจัยที่ทำให้เกิดความรักได้อะนะ)
อำนาจอิทธิพลของเงินตราในโลกตะวันตก เริ่มต้นขึ้นเมื่อครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในยุคกลาง มีการเปลี่ยนจากระบบเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตัวเองไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบเงินตรา ทำให้เกิดระบบการค้าที่ทันสมัย การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าใหม่ๆ ไปจนถึงระบบการเงินการธนาคาร การพัฒนาของเมือง การปฏิวัติทางเทคโนโลยี และการคิดค้นใหม่ๆ ระบบเศรษฐกิจแบบเงินตราส่งผลให้มีการถือกำเนิดขึ้นของชนชั้นกลางที่ถอยห่างจากอำนาจการควบคุมเบ็ดเสร็จของกษัตริย์ ขุนนาง และศาสนจักรด้วยความที่เงินตราเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนปัจจัยในการดำรงชีวิต สิ่งของจำเป็นกลายเป็นสินค้าที่ซื้อหาได้ด้วยเงิน เงินตรากลายเป็นอำนาจใหม่ที่ทรงพลานุภาพ ถึงขนาดที่ถูกใช้เป็นใบเบิกทางไปหาพระเจ้าได้ เพราะแม้แต่บาป ก็ยังสามารถไถ่ถอนได้ด้วยการซื้อ ‘ใบบุญไถ่บาป’ จากศาสนจักร ในยุคก่อนการปฏิรูปคริสต์ศาสนาในศตวรรษที่สิบหกถึงแม้เงินตราจะมีอำนาจอิทธิพลมหาศาลปานนั้น แต่วัตถุที่เป็นตัวแทนของมันก็ช่างเปราะบางและมีอายุสั้นยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงินตรากระดาษ หรือธนบัตร ที่เราเรียกกันติดปากว่า ‘แบงค์’ ที่มีจุดเริ่มต้นเป็นครั้งแรกในราชอาณาจักรจีน เมื่อ ค.ศ.927-976 เรื่อยมาจนปัจจุบัน มนุษย์ใช้แค่กระดาษธรรมดาๆ ผลิตธนบัตรที่มีอำนาจการจับจ่ายใช้สอยราวกับเล่นแร่แปรธาตุแต่ธนบัตรเหล่านั้นก็อาจจะสูญสิ้นค่ากลายเป็นกระดาษเปล่าได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ด้วยความที่ค่าของเงินตรานั้นขึ้นอยู่กับอำนาจรัฐ เมื่อประเทศประสบภาวะรัฐล้มเหลว เศรษฐกิจล่มสลาย หรือเปลี่ยนแปลงการปกครองธนบัตรเงินตราที่เคยมีค่าก็กลับกลายเป็นสิ่งด้อยค่ายิ่งกว่ากระดาษชำระไปได้ในทันใดตะวัน วัตุยา ศิลปินร่วมสมัยชาวไทยผู้มีชื่อเสียงในระดับสากล จากผลงานภาพวาดสีน้ำมันและสีน้ำ สีสันจัดจ้าน ฝีแปรงเลื่อนไหล ฉับไว ไร้กรอบและกฎเกณฑ์ ที่ตีแผ่ยั่วเย้าความเป็นไปในสังคมไทยและโลกได้อย่างแสบสัน ในครั้งนี้ ตะวันถ่ายทอดประเด็นของอำนาจและความเปราะบางผันผวนของเงินตราผ่านผลงานชุดล่าสุดของเขาอย่าง ‘Money’ที่หยิบเอาธนบัตรหลากสกุลเงินจากทั่วโลก มาสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ในรูปแบบของผลงานจิตรกรรมขนาดใหญ่ ทั้งธนบัตรจากในอดีตจนถึงปัจจุบัน ธนบัตรที่มีมูลค่าตัวเลขต่ำไปจนถึงสูงที่สุด (ตั้งแต่ 0 ยูโร จนถึง 100,000,000,000,000 ดอลลาร์ซิมบับเว) ธนบัตรที่มีค่าเงินสูงที่สุด ไปจนถึงต่ำจนแทบจะไร้ค่า หรือธนบัตรที่มีรูปแบบ ดีไซน์ และสีสันแตกต่างกัน อีกทั้งธนบัตรในบางประเทศอาจแสดงภาพของกษัตริย์หรือผู้นำประเทศในปัจจุบันหรือในอดีต แต่ธนบัตรในบางประเทศกลับแสดงภาพของสามัญชนอย่างศิลปิน นักเขียน คีตกวี นักปราชญ์ นักวิทยาศาสตร์ สถาปนิก ช่างทอ ฯลฯ รวมถึงบางธนบัตรก็แสดงภาพสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง หรือฉากภูมิทัศน์ในประวัติศาสตร์ ไปจนถึงภาพสัตว์บนธนบัตรก็ยังมี

เวียดนาม, 500,000 ด่งเวียดนาม (พ.ศ.2546), ยังใช้อยู่, โฮจิมินห์ (19 พฤษภาคม พ.ศ.2433 – 2 กันยายน พ.ศ.2512) นักปฏิวัติและนักการเมืองชาวเวียดนามเหนือ ต่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีของเวียดนาม, มูลค่าหน้าธนบัตรเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท 674.76 (*แปลงค่าเงินเป็นเงินบาทไทยในเดือนพฤศจิกายน 2563)

Money โดย ตะวัน วัตุยา เป็นหนึ่งในผลงานที่ร่วมแสดงในเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ‘บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2020’ จัดแสดง ณ ชั้น 7 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2563 – 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564 เวลาทำการ : 10.00 – 19.00 น. (ปิดวันจันทร์)
- หมายเหตุ ในวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564 จะมีการจัดงานเปิดตัวหนังสือ “มันนี่” โดย ตะวัน วัตุยา ที่รวบรวมผลงานในชุดนี้ทั้งหมดกว่า 70 ชิ้น พร้อมข้อเขียนจาก ผาสุก พงศ์ไพจิตร, คริส เบเคอร์ นักเศรษฐศาสตร์การเมือง นักประวัติศาสตร์ นักเขียน นักแปล, และ ผศ.วุฒิกร คงคา คิวเรเตอร์งานบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2020 โดยจัดขึ้นที่ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ร่วมพูดคุยโดย ผศ.วุฒิกร คงคา, ประกิต กอบกิจวัฒนา และ ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ เวลา 16.00-17.00 ในบริเวณจัดแสดงนิทรรศการชั้น 7 และเวลา 17.00-18.00 ณ ร้านหนังสือบุ๊คโมบี้ ชั้น 4, สามารถลงทะเบียนสำรองที่นั่งเพื่อรับของที่ระลึกพิเศษที่ 091 891 3906, หรือส่งข้อความที่ Bookmoby
อ้างอิงข้อมูลจากบทความประกอบหนังสือ “มันนี่” โดย ผาสุก พงศ์ไพจิตร, คริส เบเคอร์ และ ผศ.วุฒิกร คงคาบทสัมภาษณ์ศิลปิน ตะวัน วัตุยาหนังสือ โลกของโซฟี เขียนโดย โยสไตน์ กอร์เดอร์ แปลโดย สายพิณ ศุพุทธมงคล.