เมื่อซัก 2-3 วันที่ผ่านมานี่ (เวลาของฉันไม่เป็นสากลอย่างมนุษย์ทั่วไป เพราะฉันวัดจากตอนฉันเขียนงานเป็นหลัก ไม่ได้วัดจากตอนเผยแพร่ ดังนั้นถ้าเผยแพร่แชร์ช้า หลายคนอาจจะงงว่าบ้านฉันอยู่ระบบสุริยะอื่นหรือไร ข่าวผ่านมาเป็นเดือนแล้วยังพูดออกมาได้ว่า 2-3 วัน ก็ขอให้เข้าใจตามนี้) มีข่าวไม่ใหญ่มากนัก เป็นกอสซิปเล็กๆ ที่ฉันรูดนิ้วผ่านไปเห็นเข้า
ว่าด้วยการเม้าท์มอยกันในเพจเรื่องฉาวของนักแสดงที่มีคนติดตามกันเป็นล้าน ถึงสาวสวยเซเลบบริตี้ท่านหนึ่ง นัยว่าคู่รักของคนที่มาร่วมแบ่งปันข้อมูลนี้ (อย่าเรียกการนินทาเลยนะคะ ดูเสือก ดูไม่คิวท์ๆ คิกคักเลย ให้เรียกว่าร่วมสนทนาแบ่งปันข้อมูลและความน่าจะเป็นของคนที่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวจะดีกว่า) เป็นพนักงานที่ร้านกาแฟซึ่งสาวสวยท่านนี้ไปเยือนบ่อยๆ แล้วไม่ได้ไปเพื่อดื่มเอสเปรสโซ่เย็นอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวก้อยชายหนุ่มขึ้นไปบนห้องคอนโดข้างบนด้วยค่ะ!
เปิดคอมเมนต์เขี่ยบอลลงความเห็นมาแบบนี้ ถ้าคนอ่านอายุเกิน 2 ขวบก็ต้องเข้าใจต้องตรงกัน ว่าไม่ได้ควงกันขึ้นไปต่อเลโก้ หรือทำวัตรเย็นเป็นแน่แท้
อะ พักเรื่องเม้าท์มาเข้าคำถามกันก่อนนะ ว่าคนทั่วไปคิดว่าดารานักแสดงควรจะไปร่วมเพศกับคู่รักที่บริเวณไหนดี?
กลางสี่แยก ป่าไผ่ หรือกระท่อมน้อยปลายนา
ฮะ อะไรนะ? ห้ามมีอะไรกัน
โอเค แล้วแต่ เอาที่สบายใจเลย
แน่นอนว่าใครๆ ต่างก็มีเส้นจริยธรรมส่วนตัว มีเส้นที่ใช้กับตัวเองและเส้นที่ใช้กับคนอื่น มีกติกาสังคมที่เลือกและไม่ได้เลือก (อาทิเช่น หากคุณบวชพระ ก็ต้องถือว่าคุณรับกติกาของพระตามที่ควรปฏิบัติ จะมาอ้างว่าห่มผ้าเหลืองเล่นๆ นี่ฉันว่าก็ตลกน่ะ บวชแล้วทำตามกติกาไม่ได้ก็ออกมาเถอะพ่อคุณ หรือเป็นนักฟุตบอลแล้วอยากใช้มือปัดบอลเพราะถนัดกว่าอะไรแบบนี้ก็น่าถีบนะคะ) ในขณะที่เส้นของตัวเองนั้นเปี่ยมไปด้วยเหตุผลอันควรเข้าใจ เส้นที่ใช้วัดคนอื่นกลับกลายเป็นเหมือนแส้เอาไว้โบยตีถ่มถุย ว้าย บัดสีบัดเถลิง บ้านเราเมืองพุทธนะคะ แต่ฉันก็เห็นทุกทีว่าสนทนาอะไรก็ไม่สนุกเท่าการคุยกันเรื่องผัวๆ เมียๆ ของคนที่คุณไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวเช่นดารารานักร้องนักแสดง
เขียนมาถึงตรงนี้ก็แน่นอนว่าฉันจะต้องออกตัว ว่าไม่ได้สนับสนุนให้ใครนึกจะเอากันก็เอาไปเรื่อยเปื่อย ฉันสนับสนุนการร่วมรักด้วยความตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบของตัวเองค่ะ
เพราะแม้เรื่องเพศจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เราก็ไม่ควรใช้ธรรมชาตินำชีวิตอย่างเดียว ใช้เส้นความรับผิดชอบนำทางบ้างน่าจะเป็นเหตุเป็นผลมากกว่า เอาว่าทำแล้วรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่เดือดร้อนพ่อแม่ต้องมาปวดหัวกุมขมับรับเลี้ยงทั้งหลานและลูกโดยไม่ได้ร้องขอก็ถือว่าพอจะรับได้นะ
เอ้า ออกตัวเสร็จแล้ว มาคุยกันต่อ ยังไงคะ ที่ไหนดี มันก็ต้องที่ส่วนตัวรโหฐานมั้ย คอนโด ห้องพัก หอ บ้าน
ไม่ต้องดาราหรอก คนธรรมดาก็หาโอกาสจะพันพัวนัวเนียกับคู่รักกันไม่ใช่หรือ แล้วก็คงไม่ไปนัวกันกลางงานโอทอปที่อิมแพคเมืองทองธานีอยู่แล้วไง
แล้วจะตื่นเต้นทำเสียงลับล่อกันไปทำไมที่สำคัญคือ, ต่อให้เขาขึ้นไปเอากันจริงๆ พนักงานมีสิทธิ์เอาเรื่องเหล่านี้มาเผยแพร่แผ่กระจายด้วยหรือ?
คุณอาจบอกว่าก็เป็นบุคคลสาธารณะนี่ยะ ทำอะไรคนก็ต้องมอง
ก็ใช่อยู่นะ แต่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แถมถ้าเขาไม่ได้ขึ้นไปเอากัน ถ้าชายหนุ่มคนนั้นมีคู่รักอยู่แล้ว ถ้าสาวสวยคนนั้นกำลังดูใจกับใครอยู่ ไอ้เรื่องที่พูดกันสนุกปากนี่ก็น่าจะสร้างความร้าวฉานได้ไม่มากก็น้อยทีเดียว
ลองนึกถึงว่าหมอตรวจภายในของคุณมาร่วมคอมเมนต์เพจใต้เตียงคนไข้ (นามสมมติ) สิ มันจะสนุกขนาดไหน ฉันว่าคงสนุกจนอัตราการเป็นมะเร็งปากมดลูกคงเพิ่มทวีคูณเป็นแน่
เรื่องโอละพ่อนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยความคิดเห็นพร้อมรูปพร่าๆ เลือนๆ แบบแอบถ่ายของสาวเจ้าและหนุ่มคนที่ (อ้าง) ว่าเกี่ยวก้อยกันขึ้นคอนโดส่วนตัว
ตามติดมาด้วยสาวในประเด็นออกมาพูดในเชิงทวงถามถึงจรรยาบรรณของผู้ให้บริการที่พึงมีต่อลูกค้า และตบท้ายด้วยว่าตัวเธอนั้นอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว มีหน้าที่การงานทำ ประมาณว่ากูรับผิดชอบตัวเองได้ค่ะ ไม่รู้จริงอย่ามาพูดเรื่อยเปื่อย และไปจบที่การลาออกอย่าง ‘สมัครใจ’ ของพนักงานร้านกาแฟที่ถูก ‘อ้างถึง’ ในความคิดเห็นของผู้ที่บอกว่าเป็นคู่รักของเขา
มีอะไรหลายๆ อย่างที่ขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบนโลกนี้ ฉันว่าคำนินทากาเลนี่ก็คงเป็นเรื่องหนึ่ง ในขณะที่คุณนินทาคนเพื่อความสบายใจตามที่คุณคิดว่าเขาจะเป็น (ใช่ คุณก็ต้องเอามาตรฐานตัวเองวัดนั่นแหละ ว่าถ้าคุณเป็นเขา คุณจะทำยังไง) โลกก็ยังหมุนไปเรื่อยๆ ข้างหน้า มันอาจจะผลักให้คนที่ถูกคุณนินทามีแรงฮึดที่จะพิสูจน์ตัวว่าเขาไม่ได้เป็นจริงอย่างที่โดนนินทา อาจทำให้คุณหันมามองตัวเองว่าคุณจะไม่ทำตัวแบบคนที่คุณนินทา
และที่สำคัญคืออาจทำให้คุณตกงานได้ง่ายๆ เรียกว่าสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้อย่างเป็นรูปธรรมจริงๆ ขนลุกเลยนะคะเนี่ย!!