ภายหลังพรรคเพื่อไทยมีการออกแถลงใจความว่า ยินดีร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล และไม่มีความคิดจะจัดตั้งรัฐบาลส่วนน้อย ล่าสุด เศรษฐา ทวีสินได้ทวิตข้อความลงทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อเวลา 23.24 น. วันที่ 15 พ.ค. 2566 มีเนื้อหาว่า
“สปิริตทางการเมืองที่ผมหวังให้มีที่สุดในตอนนี้ คือการเห็นทุกพรรคการเมืองไทยยึดโยงและทำตามเสียงประชาชนอย่างแท้จริง ที่ในเร็ว ๆ นี้ จะมีการเสนอและโหวตนายกรัฐมนตรี และผมเองก็สนับสนุนให้คุณพิธา จากพรรคก้าวไกล ได้รับตำแหน่งอย่างสง่างามอย่างเต็มภาคภูมิ”
“พรรคก้าวไกลโตขึ้นมาจาก 81 คนในปี 62 มาเป็น 152 ในปี 66 (เลขล่าสุด) เลขจำนวน ส.ส. ที่พรรคก้าวไกลได้ เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนว่าอุดมการณ์ แนวทางของพวกเขา ได้รับฉันทามติของประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง เป็นปรากฏการณ์ที่ผมคิดว่าปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของสังคมไทย
“กลับมาที่พรรคที่ได้ ส.ส. ในสมัยนี้ หลายพรรค (ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์) เคยแสดงจุดยืนว่าไม่สนับสนุน รธน. ปี 60 ที่ให้อำนาจ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายก”
“ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกท่านต้องทำตามจุดยืนของพวกท่าน โหวตสนับสนุนนายกที่พรรคก้าวไกลเสนอ ซึ่งก็คือคุณพิธา ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามกติการะบอบประชาธิปไตยอยางแท้จริง ไม่ต้องรอให้ ส.ว. 250 คนต้องออกเสียง และทำให้ท่านได้ทำหน้าที่ของพรรคและนักการเมืองได้อย่างมีความสง่า มีความภาคภูมิ พูดได้เต็มปากว่า Represent ประชาธิปไตยได้อย่างเต็มตัว ทำให้ประเทศได้ผู้นำที่พร้อมจะนำพาประเทศพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว สร้างความสุขและการเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชนทุกคน”
“ทุกสิ่งอย่างที่พรรคทำ จะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในอนาคต การเพิกเฉยต่อหน้าที่เหล่านี้มีราคาแพงที่ต้องจ่ายในอนาคตครับ”
ล่าสุด พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกลกล่าวว่า สามารถรวมเสียงได้ 309 เสียงแล้ว และกำลังต่อสายชวนพรรคเป็นธรรมเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งจะทำให้มีเสียงเป็น 310 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ส.ว. มีสิทธิโหวตเลือกนายกฯ เช่นกัน ทำให้เมื่อรวมเสียงกับ ส.ว. แล้ว ครึ่งหนึ่งของสองสภาคือ 376 เสียง จึงเกิดความกังวลว่าพรรคก้าวไกลในฐานะพรรคอันดับหนึ่ง จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลฝ่าเสียง ส.ว. ได้หรือไม่
อ้างอิงจาก:
https://twitter.com/thavisin/status/1658146409869369344?s=46&t=aonYpNqo5yv013N0TCquVg