อีกหนึ่งข่าวดีสำหรับผู้รักพืช ผัก สมุนไพร เมื่อล่าสุดสภาผู้แทนราษฎรมีมติ 319 ต่อ 7 เสียง เห็นชอบผ่านร่างร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ…. ยกเลิกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 และประชาชนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ แต่ยังคงห้ามนำมาผสมกับยาเสพติดชนิดอื่น
โดยร่างกฎหมายฉบับนี้จะประกาศใช้ภายใน 90 วัน หลังจากประกาศในราชกิจานุเบกษา ซึ่งมีการแก้ไขจากเดิมที่กำหนดไว้ 180 วัน โดยภายหลังผ่านระยะเวลาที่กำหนดจะมีการร่างกฎหมายขึ้นมาอีกฉบับ เพื่อรองรับกระท่อมอย่างถูกกฎหมายต่อไป โดยที่กำหนดระยะเวลาดังกล่าว เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเวลาอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวยังคงระบุว่า “ห้ามนำกระท่อมไปผสมกับยาเสพติดอื่นที่กฎหมายระบุไว้” โดย เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.พรรคก้าวไกล และ กมธ.ศึกษา ได้อธิบายผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร – Taopiphop Limjittrakorn ไว้ว่า “อย่าเข้าใจผิดนะครับว่าการนำไปต้มผสมยาแก้ไอใส่น้ำอัดลมรสโคล่า 1 ขวดเล็กจะถูกกฎหมาย ถึงแม้พืชกระท่อมไม่ใช่ยาเสพติดให้โทษอีกต่อไป และประชาชนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่มีการระบุอย่างชัดเจนนะครับว่า “ถ้าไม่นำมาผสมกับยาเสพติดตามที่กฎหมายระบุ” ก็ไม่ผิด แต่ถ้าผสมล่ะก็ผิดตามเดิม “คุก”เหมือนเดิมนะครับ
ก่อนที่ เขาจะทิ้งท้ายว่า ขณะนี้ กมธ. ยังมีเรื่องต้องพูดคุยถกเถียงกันอีกมาก แต่คิวต่อไปที่ต้องได้รับการปลดล็อคคือ กัญชา
สำหรับกระท่อม เป็นสมุนไพรที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน โดยเว็บไซต์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า กระท่อมเป็นพืชยืนต้น มีขนาดลำต้นสูง 4-16 เมตร เป็นพืชที่โตได้ดีในที่ชุ่มชื้น แสงแดดปานกลาง และเป็นพืชท้องถิ่นของไทยและมาเลเซีย โดยสมัยโบราณมักนำใบกระท่อมมาเคี้ยว สูบ หรือชงกับน้ำชา เพื่อบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ลดไข้ บรรเทาอาการไอและท้องร่วง มักเป็นที่นิยมในหมู่คนที่ต้องออกมาทำงานกลางแจ้ง เพราะใบกระท่อมทำให้สู้แดด ทนร้อน และทำงานได้นานขึ้น รวมถึงยังมีการใช้เพื่อลดอาการขาดยาจากสิ่งเสพติดอื่น เช่น ฝิ่นและมอร์ฟีน
ในบทความ ‘ใบกระท่อม สรรพคุณทางยา ประโยชน์และโทษ’ ของ ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ ภาควิชาเภสัชเวทและเภสัชพฤษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร ระบุถึงกระท่อมไว้ว่า พืชกระท่อมมีสารแอลคะลอยด์ Mitragynine อยู่ในใบ มีฤทธิ์ระงับอาการปวด เช่นเดียวกับมอร์ฟีน โดยมีความแรงต่ำกว่ามอร์ฟีนประมาณ 10 เท่า และมีข้อดีกว่ามอร์ฟีนอยู่หลายประการ อาทิ ไม่กระทบระบบทางเดินหายใจ, ไม่ทำให้คลื้นไส้ อาเจียน, ไม่มีปัญหาเรื่องการอยากได้ยา
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่มีการควบคุมพืชกระท่อมในปี 2486 โดยมีการตราพระราชบัญญัติพืชกระท่อม 2486 ระบุห้ามปลูกและครอบครองรวมทั้งห้ามจำหน่ายและเสพ ใบกระท่อม ก่อนที่ในปี 2522 กระท่อมจะถูกประกาศให้เป็นเป็นพืชเสพติดให้โทษประเภท 5 และมีบทลงโทษสำหรับผู้ครอบครองและใช้
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ป.ป.ส. ได้อนุญาตให้ถอนกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดไปแล้ว และให้มีการนำร่องปลูกกระท่อมใน 135 พื้นที่ แบ่งเป็น จังหวัดในภาคกลางได้แก่ นนทบุรีและปทุมธานี และภาคใต้ นครศรีธรรมราช, กระบี่, พังงา, สุราษฏร์ธานี, ระนอง, ชุมพร, ตรัง และพัทลุง
อ้างอิง:
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/919463
https://www.oncb.go.th/…/%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0…
https://pharmacy.mahidol.ac.th/…/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0…/
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_5827348
https://workpointtoday.com/kratom-4-1/
#Brief #TheMATTER #ใบกระท่อม