หลังจากที่มีข้อมูลว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 หลายรายไม่แสดงอาการ แต่จะมีอาการเช่น ผื่นขึ้น ตาแดง และไม่มีไข้นั้น วันนี้ (11 เม.ย.64) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า
การมีผื่นขึ้นตามร่างกายเพียงอย่างเดียว ไม่ได้แปลว่าจะติดเชื้อ COVID-19 แต่ต้องสังเกตจากอาการอื่นๆ ประกอบด้วย โดยเฉพาะอาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
“เมื่อมีข่าวออกมาบอกว่า โรคนี้มีผื่นขึ้น ก็เป็นไปได้ เราต้องยอมรับว่า โรคทุกโรค การแสดงอาการต่างๆ มีได้เกือบทุกรูปแบบ ท้องเสียก็ได้ อะไรก็ได้ จากสาเหตุได้สารพัด ผมบอกว่า ผมฉีดวัคซีนแล้วท้องเสียได้ไหม ก็มี ฉีดวัคซีนแล้วขึ้นผื่นได้ไหม ก็มี แต่จริงๆ อาจจะมาจากวัคซีนหรือไม่ก็ได้
“ทำนองเดียวกัน การเกิดโรคหรือการป่วยเป็นโรคนี้ ถ้าจะบอกว่ามีผื่นขึ้นได้ไหม ก็มี แต่อย่างไรก็ตาม เราจะต้องคำนึงถึงอาการอย่างอื่นที่เข้ามาร่วมด้วย ไม่ใช่มีผื่นขึ้นนิดนึง สงสัยเป็นเป็นโควิดเลย คงไม่ใช่แน่นอน จะต้องมีอาการอย่างอื่นเข้ามาร่วมด้วย เช่น เจ็บคอ มีไอ มีอาการของทางเดินหายใจ มีไข้ ผื่นอาจจะขึ้นมาร่วมด้วย นั่นเป็นอีกเรื่องนึง ขอให้เอาอาการหลัก คืออาการของทางเดินหายใจ เพราะโรคนี้เป็นโรคทางเดินหายใจ จะไม่ใช่ว่า ไม่มีอาการอะไรเลย แล้วมีผื่นขึ้น และจะบอกว่าคนนี้ต้องไปตรวจโควิด ไม่ใช่เลย” นพ.ยง กล่าว
นอกจากนี้ นพ.ยง ยังย้ำด้วยว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า การจะมีผื่นอย่างเดียวไม่ได้แปลว่าจะติดเชื้อ COVID-19 ให้เน้นอาการของระบบทางเดินหายใจ ร่วมกับไข้ให้เป็นหลักเอาไว้
ส่วนเรื่องความกังวลว่า ถ้ามีคนในที่ทำงานติดเชื้อ COVID-19 แล้ว เราต้องไปตรวจหรือไม่ เรื่องนี้ นพ.ยง บอกว่า ไม่ใช่ว่ามีคนนึงติดเชื้อในที่ทำงานเพียง 1 คนแล้วทุกคนในที่ทำงานจะไปตรวจหาเชื้อเลย เพราะจากการศึกษาเมื่อปีที่แล้ว พบว่า โอกาสติดในที่ทำงานน้อยมาก จะเกิดจากผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดจริงๆ เช่น ไปกินข้าวด้วยกัน หรือพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด จึงไม่ได้แปลว่า ทุกคนในที่ทำงานต้องไปตรวจ
#Brief #โควิด #โควิด19 #COVID19 #TheMATTER