นอนรวมกัน กินข้าวจานเดียวกัน อาบน้ำจากบ่อเดียวกัน นี่คือคำบอกเล่าถึงสถานการณ์ช่วงการระบาด COVID-19 ในเรือนจำของ ‘พอร์ท ไฟเย็น’ หรือ ‘ปริญญา ชีวินกุลปฐม’ จำเลยคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเพิ่งได้รับการประกันตัวออกมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยนอกจากอิสรภาพที่เขาได้รับแล้ว เขายังได้รับเชื้อ COVID-19 ที่ติดมาจากในเรือนจำด้วย
จากสถานการณ์การระบาดในเรือนจำ หลังพบผู้ต้องขังทางการเมืองติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมาการตั้งคำถาม และเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์เปิดเผยตัวเลขการระบาดในเรือนจำ ซึ่งเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทางราชทัณฑ์ก็ได้เปิดเผยว่า มีผู้ติดเชื้อในเรือนจำคลองเปรม เกือบ 3 พันราย แบ่งเป็น ทัณฑสถานหญิงกลาง ติดเชื้อ 1,040 ราย และ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ติดเชื้อ 1,795 ราย รวมถึงวันนี้ (14 พฤษภาคม) ยังมีการพบผู้ติดเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุกของเรือนจำอีก 183 ราย
The MATTER พูดคุยกับ พอร์ท ปริญญา ถึงสถานการณ์ที่เขาเห็นภายในเรือนจำ ซึ่งเขาเล่าว่าการระบาดนั้นเริ่มมาตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน โดยในช่วงแรกเรือนจำก็เหมือนจะคุมได้ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นการระบาดใหญ่ขึ้นมา
“โควิดในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเริ่มระบาดตั้งแต่ประมาณปลายเดือนเมษายน เริ่มระบาดที่แดน 1 และ 2 ซึ่งแดน 2 เป็นแดนกักตัว 14 วันแรกของผู้ต้องขังที่มาจากภายนอก หลังจากครบ 14 วันจะส่งไปจำแนกแดนต่อที่แดน 1 เรียกได้ว่า 2 แดนนี้มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว ระยะแรกๆ เหมือนทางเรือนจำยังพอคุมได้ แต่ท้ายสุดก็คุมไม่อยู่ ต่อมาแดนอื่นๆ ก็เริ่มได้รับเชื้อสู่แดนตามๆ กันมา เพราะยังคงมีการนำผู้ต้องข้งจากแดน 1 จำแนกเข้ามา ซึ่งอาจจะติดเชื้อ แต่ตรวจไม่พบในช่วง 14 วันแรก”
“รวมถึงอาจเกิดจากการที่ผู้ต้องขังในแดนต่างๆ มีโอกาสออกนอกแดนเพื่อไปรักษาพยาบาลที่ พ.บ. ทำให้มีโอกาสติดเชื้อจากผู้ต้องขังที่มีเชื้อ นอกจากนั้นยังอาจเกิดจากเจ้าหน้าที่ต่างๆ เช่น ผู้คุม รับเชื้อมาจากข้างนอกจากการกลับบ้านหลังเลิกงาน ซึ่งสำหรับแดน 6 ที่ผมสังกัด ก็มีเหตุการณ์สุ่มเสี่ยงรับเชื้อจากนอกแดนเข้ามาแบบนี้ทั้งสิ้น”
พอร์ทเล่าว่า แม้จะมีการบังคับให้สวมแมสตลอด แต่ในเรือนจำก็มีความแออัดมาก ทั้งยังมีการกินกับข้าวร่วมกัน หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้เชื้อแพร่ระบาดไปได้เร็วมาก
“การจัดการของทางราชทัณฑ์ ผมมองว่าทำได้ไม่ดีพอ ผมไม่ทราบว่าใครคือผู้มีอำนาจในการวางแผนและสั่งการลงมาจากส่วนกลาง แต่การจัดการในส่วนของแดน 6 ที่ผมเจอคือ เจ้าหน้าที่จะบังคับให้ทุกคนสวมแมสตลอดเวลา ยกเว้นตอนกินข้าวและอาบน้ำ ปัญหาคือ ในส่วนของเรือนนอน ผู้ต้องขังยังต้องนอนรวมกันจำนวนมากในแต่ละห้อง ซึ่งมีความแออัด และใกล้ชิดกัน”
“เวลาอาบน้ำยังคงอาบโดยตักน้ำจากบ่อเดียวกัน การเสิร์ฟอาหารในโรงเลี้ยงก็ยังคงมีการแชร์กันกินกับข้าวจากชามเดียวกัน คือ 1 ชามกินสองคน กว่าจะแยกเป็นชามใครชามมันก็ต้นเดือนพฤษภา ซึ่งก็หลังจากโควิดเริ่มระบาดในแดนมาสักพักแล้ว แม้จะมีการคัดกรองผู้มีความเสี่ยงโดยวัดจากผู้ที่มีไข้ แล้วแยกผู้มีไข้รวมถึงผู้ที่นอนห้องเดียวกันไปกักตัวก่อน แต่นั่นแทบไม่ช่วยอะไร เพราะคนติดเชื้อหลายคนก็ไม่มีไข้ หรือไม่แสดงอาการ กว่าแดนผมจะได้ตรวจหาเชื้อผู้ต้องขังยกแดนก็ล่อไปวันที่ 10 พฤษภา ผลออกวันที่ 11 ปรากฏว่าติดเชื้อเกินครึ่งมากๆ น่าจะราว 80% ของแดน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้จำแนกผู้ติดเชื้อไปอยู่บนเรือนนอนชั้นบน ซึ่งมี 10 ห้อง ส่วนผู้ไม่ติดเชื้อนอนชั้นล่าง มี 2 ห้อง”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ไมค์ ภาณุพงศ์ ซึ่งตอนนี้พบว่าติดเชื้อ COVID-19 แล้ว และถูกเลื่อนการพิจารณาไต่ประกันตัว ก็เล่าเรื่องสภาพการระบาดในเรือนจำ และห้องขังว่า ในห้องของตนมีคนติดเชื้อไปแล้ว 2 คน รวมถึงอานนท์ นำภา ทั้งยังมีหลายคนที่มีอาการ ซึ่งสภาพในห้องนั้น มีทั้งคนที่ป่วย และไม่ป่วยนอนรวมกัน โดยที่ทางราชทัณฑ์ได้ทำการแจกพาราเซตามอล 1 แผงให้กับผู้ที่มีอาการ ซึ่งพอร์ทเองก็เล่าเช่นกันว่า “เจ้าหน้าที่จะให้ยาพาราฯ เฉพาะผู้มีไข้เท่านั้น ใครไม่มีไข้ เขาถือว่ายังไม่ติดเชื้อไว้ก่อน จนกระทั่งได้รับการตรวจหาเชื้อยกแดน จึงพบว่าติดเชื้อกันเกือบทั้งแดน”
เขายังบอกว่า ตัวเขา คุณซ้ง ศักดิ์ชัย และฉลวย อีก 2 ผู้ต้องหาจากคดีทุบรถควบคุมตัวไมค์ และเพนกวิน ที่ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อ ได้ถูกย้ายแดนไปอยู่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในเย็นวันที่ 11พฤษภาคม แต่คุณซ้ง ศักดิ์ชัย มีอาการรุนแรงขึ้นมา ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน (ศักดิ์ชัย และฉลวยได้รับการประกันตัวเมื่อวานนี้ – 13 พฤษภาคม)
“พี่ซ้งกินอะไรแทบไม่ได้ กินแล้วอ้วก ถ่ายเหลว พอผลตรวจออกว่าติดโควิด หลังย้ายไปทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ผมและเพื่อนๆ ในห้องได้แจ้งหมอแล้วว่าแกอาการไม่ดี หมอก็บอกไม่เป็นไร ไม่ยอมรีบย้ายไปรักษาแบบพิเศษตั้งแต่วันแรก จนกระทั่งอาการหนักมากแล้วถึงค่อยให้เข้า ICU ซึ่งตรงส่วนนี้คือหลังจากผมได้รับการปล่อยตัวไปแล้วจึงทราบทีหลัง การรักษาของทางราชทัณฑ์มักต้องรอให้ผู้ต้องขังอาการหนักมากๆ แล้วเท่านั้น จึงค่อยเร่งรักษาแบบพิเศษขึ้น ถ้ายังไม่หนักสุดๆ เขามักจะถือว่ายังไม่เป็นไร ค่อยๆ รักษาได้”
พอร์ทยังทิ้งท้ายกับเรา ถึงการตั้งคำถามการรับมือของเจ้าหน้าที่ต่อการระบาดด้วยว่า “จากประสบการณ์ที่ผมได้พบเจอ การปฏิบัติของทางราชทัณฑ์ต่อผู้ต้องขังโดยรวมต้องถือว่ายังไม่ได้มาตรฐาน แม้เจ้าหน้าที่บางส่วนอาจจะตั้งใจช่วยเต็มที่ แต่ด้วยตัวระบบแบบข้าราชการของราชทัณฑ์ ทำให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็อาจทำได้แค่ปฏิบัติตามคำสั่งอีกที ผมมองว่าผู้ที่มีอำนาจหน้าที่วางแผนและสั่งการ ยังทำได้ไม่ดีพอ หลายครั้งก็ก่อให้เกิดข้อกังขาว่าเขามองผู้ต้องขังเป็นมนุษย์หรือไม่ หรือมองว่าเป็นคนชั่ว มีความเป็นมนุษย์ต่ำกว่าคนที่อยู่ภายนอก”
โดยหลังได้รับการประกันตัว และพบว่าติดเชื้อ COVID-19 พอร์ทเองก็กำลังเข้ารับการรักษาตัว แต่เขาก็ได้บอกกับเราว่า ยังไม่รู้สึกว่าอาการดีขึ้นเท่าไหร่ และคาดว่าคงต้องใช้เวลาซักพักในการรักษาด้วย
ด้านสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เมื่อวานนี้ ก็ได้ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์การระบาดในเรือนจำ ว่าไม่ได้มีการปกปิดข่าวหรือข้อมูล ที่ผ่านมามีการพยายามลดความแออัดในเรือนจำมาโดยตลอด ขณะที่การตรวจหาเชื้อในเรือนจำนั้นก็ทำได้อย่างรวดเร็ว และยังได้แจ้งญาติทั้งหมดให้ทราบ ทั้งเจ้าหน้าที่เองก็ได้ทำงานอย่างเต็มที่ แต่ 2 เรือนจำที่ติดเชื้อ เป็นเรือนจำที่รับผู้ต้องขังใหม่อยู่ตลอดด้วย
อ้างอิงจาก