จักรวาลเป็นหนึ่งในสิ่งที่ลึกลับที่สุดเท่าที่จะหยั่งรู้ความลับ แต่ถึงเช่นนั้น การได้จับตามองความเป็นไปของอาณาจักรดาวเคราะห์ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับหลายคน ล่าสุด องค์การ NASA เผยแพร่ภาพถ่ายของ ‘พลังงานอันรุนแรง’ ที่เกิดขึ้นใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือก ที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
หลังจากที่นักดาราศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์ร่วมสังเกตการณ์มานานกว่า 370 ครั้งในที่ช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ล่าสุดองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ NASA ก็ได้เผยแพร่ภาพถ่ายพาโนรามาที่จับภาพการเกิดของพลังงานมหาศาลขึ้นกลางกาแล็กซีทางช้างเผือก ซึ่งภาพถ่ายดังกล่าว ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ผลงานชิ้นเอกของจักรวาล’
ผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นนี้เกิดขึ้นจากการรวบรวมภาพโมเสคขนาดยักษ์หลายภาพ ที่ถูกตรวจจับโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศจันทรา (Chandra X-ray Observatory) และกล้องโทรทรรศน์วิทยุเมียร์แคท (MeerKAT) ในแอฟริกาใต้ โดยภาพที่ออกมาจะแสดงให้เห็นดวงดาวหลายพันล้านดวงและหลุมดำอีกนับไม่ถ้วน ที่อยู่ใจกลางทางช้างเผือก
แดเนียล หวัง (Daniel Wang) นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์แอมเฮิร์สต์ (University of Massachusetts Amherst) อธิบายว่า กาแล็กซีเปรียบเสมือนระบบนิเวศ และสิ่งที่ปรากฎในภาพคือระบบนิเวศของพลังงานในใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือก ซึ่งเราจะสังเกตเห็นเศษซากของซูเปอร์โนวา หลุมดำ และดาวนิวตรอนจำนวนมาก
งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารแจ้งข่าวรายเดือนของราชสมาคมดาราศาสตร์ (Monthly Notices of the Royal Astronomical Society) ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงพ่นฝุ่งละอองของรังสีเอ็กซ์คู่หนึ่ง ออกจากจุดที่ใกล้กับหลุมดำบริเวณใจกลางกาแล็กซี และจุดนี้เองที่กลุ่มนักวิจัยให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพราะมันเผยให้เห็นปรากฎการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นในอวกาศ
แดเนียล หวัง กล่าวว่า “นี่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นการเชื่อมต่อของสนามแม่เหล็ก” หวังอธิบายเพิ่มเติมว่า การเชื่อมต่อใหม่ของสนามแม่เหล็ก เกิดขึ้นเมื่อสนามแม่เหล็กของฝ่ายตรงข้ามถูกบังคับให้รวมกัน และปล่อยพลังงานจำนวนมากออกมา
กระบวนการเหล่านี้ทำให้เกิดปรากฎการณ์แสงเหนือ (Northern Lights) และเปลวสุริยะ (Solar flare) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คิดว่า การเชื่อมต่อใหม่ของแม่เหล็กได้เกิดขึ้นห้วงอวกาศระหว่างดวงดาว (Interstellar space) และกระจายไปยังขอบเขตด้านนอกของฝุ่นละอองที่กำลังขยายตัวจากการถูกผลักออกจากใจกลางกาแล็กซี และออกมาเป็นดังภาพถ่ายดังกล่าวในที่สุด
อ้างอิงจาก
https://edition.cnn.com/…/nasa-violent…/index.html…
https://www.hindustantimes.com/…/cosmic-masterpiece…