ในวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศราได้เปิดเผยหนังสือลับลงนามวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ระหว่างรัฐมนตรีสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล กับ สจอร์ด ฮับเบน รองประธานฝ่ายกิจการองค์กรทั่วโลกของบริษัท AstraZeneca ได้ปรากฎประเด็นน่าสนใจหลายประเด็น
เนื้อหาในเอกสารดังกล่าวเป็นการพูดคุยกันระหว่างรัฐมนตรีสาธารณสุขไทยกับตัวแทนจากบริษัทวัคซีน AstraZeneca โดยมีการระบุถึงข้อตกลงร่วมกันในการผลิตและกระจายวัคซีนให้แก่ประเทศในภูมิภาคอาเซียน รายละเอียดการสั่งซื้อและส่งมอบวัคซีน AstraZeneca ให้ไทย
ประเด็นแรกที่น่าสนใจคือ ทางการไทยแจ้งประสงค์วัคซีน AstraZeneca แค่ 3 ล้านโดส/ เดือน โดยเอกสารดังกล่าวมีการระบุถึงการประชุมเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2563 ซึ่งตัวแทนของ AstraZeneca และไทยได้ประชุมพูดคุยกัน และทางการไทยแจ้งความต้องการวัคซีนเพียงแค่ 3 ล้านโดส/ เดือน ก่อนที่ทางบริษัทวัคซีนจะเพิ่มปริมาณวัคซีนให้ไทยอีกสองเท่าเป็น 5-6 ล้านโดส/ เดือน
ซึ่งจำนวนดังกล่าวผิดจากที่มีการแถลงจากหน่วยงานภาครัฐตลอดมาว่าจะมีการส่งมอบวัคซีน AstraZeneca เดือนละ 10 ล้านโดส และให้ครบ 61 ล้านโดส ภายในปี 2564
ข้อความบางตอนในเอกสารดังกล่าว ถูกสำนักข่าวอิศรานำมาแปลว่า “ผม (ตัวแทนบริษัท AstraZeneca) หวังว่าคุณจะมีความพอใจที่จำนวนเกือบทั้งสิ้น 2 เท่าของปริมาณวัคซีนที่เราได้กล่าวถึงเมื่อการประชุมในวันที่ 7 ก.ย. 2563 ซึ่งสาระการหารือในวันนั้นทีมงานของคุณได้มีการประมาณการว่าระบบสาธารณสุขของประเทศไทยนั้นมีความต้องการวัคซีนประมาณ 3 ล้านโดสต่อเดือน”
ต่อมา (17 ก.ค.) สำนักข่าวอิศราได้ติดต่อหารัฐมนตรีสาธารณสุขและได้รับจดหมายที่ชี้แจงตอบกลับไปหาตัวแทนจากบริษัท AstraZeneca ลงนามวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งมีใจความสำคัญว่า ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างหนัก และนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความมุ่งมั่นที่จะจัดหาวัคซีนให้ได้ 10 ล้านโดส/ เดือน
อนุทินเขียนในจดหมายถึงตัวแทน AstraZeneca ว่า ดังนั้น “เราคาดหวังว่าเราจะได้รับวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้ามากกว่าหนึ่งในสามของที่จดหมายของคุณได้ระบุเอาไว้ หรือเราก็หวังว่าจะเราได้วัคซีนจำนวนอย่างน้อย 10 ล้านโดสต่อเดือนเอามาใช้ภายในประเทศไทย
ด้าน สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระอ้างอิงถึงข่าวดังกล่าวจากสำนักข่าวอิศรา และโพสต์เฟซบุ๊กผ่านเพจ ‘Sarinee Achavanuntakul – สฤณี อาชวานันทกุล’ ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมใน 3 ประเด็นมีใจความว่า
ประเด็นที่หนึ่ง ไทม์ไลน์ที่น่าสงสัย ในจดหมายดังกล่าวระบุว่ามีการลงนามจองซื้อวัคซีน AstraZeneca จำนวน 26 ล้านโดสในเดือน ม.ค. 2564 ก่อนที่จะลงนามจองเพิ่มอีก 35 ล้านโดสในเดือน พ.ค. 2564
ดังนั้น จึงน่าสังเกตว่าถึงแม้อาจมีการจองซื้อวัคซีนจำนวนทั้งหมด 61 ล้านโดสตั้งแต่ต้นปีจริง แต่เหตุใดใช้เวลาถึง 2 เดือน (ครม. มีมติให้ซื้อเพิ่มเดือน มี.ค. ลงนาม พ.ค.) ในการตัดสินใจลงนาม
ประเด็นที่สอง จดหมายไม่ระบุวันสิ้นสุดสัญญา โดยสฤณีตั้งข้อสังเกตว่าตามปกติสัญญามีอายุ 1 ปี และเมื่อเพิ่งลงนามสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มเติม 35 ล้านโดสเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ดังนั้น แผนการฉีดวัคซีน AstraZeneca 61 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 ตามที่รัฐบาลประกาศจึงมีความเป็นไปได้น้อยมาก
ประเด็นที่สาม รัฐบาลรู้อยู่แก่ใจว่าความเป็นไปได้ที่ AstraZeneca 61 ล้านโดสจะมาถึงไทยภายในปี 2564 มีน้อยมาก เหตุใดรัฐบาลถึงยังมั่นใจในคำประกาศของตนเอง และยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สฤณีตั้งข้อสังเกตว่า “เหมือนรัฐบาลเล่นปาหี่มาตั้งแต่ต้นปี แล้วไม่ยอมเปลี่ยนแผน ไม่ยอมบอกประชาชน แบบนี้เรียก “โกหก” หรือไม่”
นอกจากนี้ ทั้งสำนักข่าวอิศราและสฤณีตั้งข้อสังเกตตรงกันถึงการส่งมอบวัคซีนให้แก่มัลดีฟส์และไต้หวัน ซึ่งไม่ได้เป็นประเทศในกลุ่มอาเซียน ตามที่เคยมีการประกาศไว้
อ้างอิง:
facebook (โพสต์ของ สฤณี อาชวานันทกุล)