เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2564 เพจเฟซบุ๊กของมูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานว่า เครือข่ายญาติผู้เสียหายจากการทรมานและอุ้มหาย เครือข่ายองค์กรสิทธิมนุษยชน และตัวแทนภาคประชาชน ได้เดินทางไปที่สภาผู้แทนราษฎร ขอยื่นหนังสือต่อ วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล และสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อแจ้งความจำเป็นเร่งด่วนและขอให้สภาฯ เลื่อนลำดับการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. จากเดิมที่อยู่ในลำดับที่ 9 ขึ้นมาเป็นลำดับที่ 1 ในการประชุมวันที่ 8 ก.ย.นี้ เพื่อให้ออกมาบังคับใช้เป็นกฎหมายโดยเร่งด่วนที่สุด เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้ปราศจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงทั้ง 2 ข้อหานี้ได้อย่างจริงจัง
โดยทั้งวิรัชและสิระ รับปากจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป
สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. หรือ ‘ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย’ ปัจจุบันรอการพิจารณาของสภาฯ ถึง 4 ร่าง มาตั้งแต่กลางปี 2563 ได้แก่
- ร่างของกระทรวงยุติธรรม
- ร่างของ กมธ.การกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร (สิระ เจนจาคะ และคณะ)
- ร่างของพรรคประชาชาติ (วันมูหะมัดนอร์ มะทา และคณะ)
- ร่างของพรรคประชาธิปัตย์ (สุทัศน์ เงินหมื่น และคณะ)
โดยเนื้อหาทั้ง 4 ร่างจะใกล้เคียงกัน ต่างกันเพียงรายละเอียด คือป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐ กระทำความผิดฐานทรมาน อุ้มหาย หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยกำหนดบทลงโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต ไม่เพียงเท่านั้นยังกำหนดโทษของผู้บังคับบัญชาด้วยหากมีส่วนรู้เห็น ขณะที่กำหนดอายุความไว้ค่อนข้างยาว ตั้งแต่ 50 ปี ไปจนถึงไม่มีอายุความ
- ดูร่างเต็มและเนื้อหาโดยสรุปได้ที่: https://thematter.co/social/prevent-forced-disappearance-act/144915
ปัญหาการทรมานและอุ้มหายถุกหยิบมาพูดถึงอีกครั้ง หลังเกิดกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์กับพวก ก่อเหตุใช้ถุงดำคลุมหน้าผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต เหตุการณ์ต้นเดือน ส.ค.2564 และกลายเป็นข่าวใหญ่ หลังปรากฎคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวเผยแพร่ต่อสาธารณชน จนเกิดเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลต้องเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย ออกมาใช้บังคับ โดยบางคนถึงขนาดบอกว่า หากรัฐบาลไม่เร่งผลักดันก็อาจถูกมองได้ว่ารู้เห็นเป็นใจกับพฤติกรรมเช่นนี้ของเจ้าหน้าที่รัฐบางคนด้วย ใช่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย ไม่ได้ถูก ครม.เสนอในฐานะ ‘กฎหมายปฏิรูปประเทศ’ ทำให้ขั้นตอนการพิจารณาร่างกฎหมายจะใช้กลไกปกติ คือ จะต้องผ่านที่ประชุมสภาฯ ก่อนแล้วนำเข้าที่ประชุมวุฒิสภาอีกครั้ง ไม่ได้พิจารณาในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพียงชั้นเดียว ทำให้อาจใช้เวลามากกว่าเล็กน้อย (แต่ไม่ว่าจะใช้กลไกไหน ต้องพิจารณา 3 วาระ โดยลงรายละเอียดในชั้น กมธ.วิสามัญ)
#Brief #TheMATTER