สิทธิสตรีในอัฟกานิสถานยังคงถูกจับตามอง หลังจากที่กลุ่มตาลีบันยึดประเทศ โดยล่าสุด ตาลีบันออกกฎห้ามผู้หญิงอัฟกันเดินทางไกลคนเดียวในตอนกลางคืน ต้องมีญาติที่เป็นผู้ชายเดินทางไปด้วย
คำสั่งนี้ถูกประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยกระทรวงส่งเสริมคุณธรรมและป้องกันความชั่วร้าย ซึ่งระบุว่า ไม่ควรให้บริการขนส่งกับผู้หญิงที่จะเดินทางไกลกว่า 72 กิโลเมตร หากเธอไม่ได้มาพร้อมกับสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิด และญาติที่ใช้ชิดนั้นต้องเป็นผู้ชายด้วย
กระทรวงยังเรียกร้องให้เจ้าของรถขนส่งทุกคันให้บริการเฉพาะผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมศีรษะหรือผ้าคลุมหน้าแบบอิสลามเท่านั้น แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าต้องเป็นผ้าแบบไหน ยิ่งกว่านั้น ยังห้ามประชาชนเปิดเพลงบนรถด้วย
ฟาติมะห์ (Fatima) หญิงที่อาศัยอยู่ในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า เมื่อเธอไม่สามารถเดินทางคนเดียวตอนกลางคืนได้ แล้วจะต้องทำอย่างไรหากลูกของเธอเกิดป่วยขึ้นมากระทันหันแล้วสามีของเธอไม่ว่าง
“ตาลีบันพรากความสุขไปจากพวกเรา ฉันต้องสูญเสียทั้งอิสรภาพและความสุขไป”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มตาลีบันเข้าครองอัฟกานิสถานเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งแม้ตาลีบันจะประกาศไว้ว่าจะให้สิทธิแก่สตรีมากกว่ายุคก่อน แต่ที่ผ่านมากลุ่มตาลีบันก็ห้ามผู้หญิงจำนวนมากกลับไปทำงาน และการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาก็มีไว้ให้แต่เด็กและครูที่เป็นผู้ชายเท่านั้น
นอกจากนี้ กระทรวงยังขอให้สถานีโทรทัศน์ของอัฟกานิสถานหยุดฉายละครที่มีนักแสดงหญิง และเรียกร้องให้นักข่าวโทรทัศน์หญิงสวมผ้าโพกศีรษะขณะนำเสนอข่าวด้วย
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER