ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาของวันนี้ เครื่องดนตรีไทยเดิมอย่างขิมและระนาดได้มีโอกาสไปโชว์เอกลักษณ์และพลังเสียงไกลถึง คาร์เนกีฮอลล์ (Carnegie Hall) โรงการแสดงในเมืองนิวยอร์กที่ก่อตั้งมานานกว่า 130 ปี และมีศิลปินดังมากมายเคยไปจัดการแสดงที่นั่น
โชว์บรรเลงเครื่องดนตรีไทยในครั้งนี้เป็นฝีมือของสองพี่น้อง ‘น้ำวุ้น–วาลิกา ตรีวิศวเวทย์’ เล่นขิม (17 ปี) และ ‘น้ำขิง–อคิราภ์ ตรีวิศวเวทย์’ เล่นระนาดเอก (15 ปี) ที่ชนะการแข่งดนตรีระดับนานาชาติ Golden Classical Music Awards และได้ ‘อัพ–กามเทพ ธีรเลิศรัตน์’ หนึ่งในสมาชิกวงดนตรี ซี อาเซียน คอนโซแนนท์ มาเป็นครูฝึกสอนและเตรียมตัวให้
การได้ไปเล่นดนตรีที่คาร์เนกีฮอลล์ถือเป็นเรื่องใหญ่และอาจจะเป็นความฝันของนักดนตรีเลยก็ว่าได้ คาร์เนกีฮอลล์เป็นเวทีการแสดงที่นักดนตรีมากฝีมือเคยไปยืนมาแล้วหลายคน และเป็นเวทีสำหรับงานดนตรีทุกประเภท ทางฝั่งแจ๊สมี บิลลี ฮอลิเดย์ ที่เคยมาโชว์พลังเสียง วง The Beatles เองก็เคยมาเล่นสดที่นี่ รวมถึงวงออร์เคสตราที่มาบรรเลงเพลงคลาสสิกไม่ขายสาย การที่ศิลปินคนหนึ่งได้ไปยืนอยู่ในโรงการแสดงและเล่นดนตรีที่คาร์เนกีฮอลล์ ก็เหมือนกับได้ไปยืนอยู่ในจุดเดียวกับนักดนตรีระดับตำนาน และการจะได้ไปเล่นที่คาร์เนกีฮอลล์ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
“กดดันนะคะ เพราะทุกคนไม่มีใครเล่นเครื่องดนตรีอื่นยกเว้นเครื่องดนตรีสากลเลย และทุกคนดูมืออาชีพมาก” น้ำวุ้นเล่าถึงบรรยากาศของการไปเล่นดนตรีถึงคาร์เนกีฮอล์ให้ฟัง ก่อนจะเล่าต่อว่าน้ำวุ้นก็เล่นแซ็กโซโฟนได้ ส่วนน้ำขิงก็เล่นแคลริเน็ตเป็น พอ The MATTER ถามถึงเหตุผลว่าทำไมทั้งสองคนถึงเลือกเล่นเครื่องดนตรีไทยแทนที่จะเป็นเครื่องดนตรีสากล คำตอบของน้ำวุ้นคือทั้งคู่คุ้นเคยกับดนตรีไทยตั้งแต่เด็ก เป็นดนตรีที่มักจะได้ยินตามร้านอาหาร และอยากลองเล่นตามดู
ส่วนเหตุผลที่น้ำขิงเลือกเล่นระนาดเอกคือมันเป็นเครื่องดนตรีที่เจ๋งและเท่ “เมื่อก่อนไปดูคอนเสิร์ตที่โรงเรียนแล้วมีบางคนเล่นระนาด หนูเห็นว่าระนาดเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นแล้วเจ๋งมาก เล่นแล้วดูเท่ ก็เลยอยากลองเล่นดู พอเริ่มเล่นก็รู้สึกว่าเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นแล้วไม่ว่าจะเครียดมาจากการเรียนหรืออะไรก็ตาม พอมาเล่นแล้วสามารถผ่อนคลายได้ และมีความสุข”
เพลงที่น้ำวุ้นและน้ำขิงเอาไปเล่นที่คาร์เนกีฮอลล์เป็นเพลงไทยเดิมที่เราน่าจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง คือ เพลงโหมโรงจีนตอกไม้ เล่นด้วยระนาดเอก ที่มีให้ได้ยินในหนังไทยเรื่องโหมโรง และขิมในเพลงแขกบูชายัญ ซึ่งทั้งสองเพลงครู ‘อัพ–กามเทพ ธีรเลิศรัตน์’ ได้คัดเลือกมาและปรับให้โมเดิร์นขึ้น เพื่อให้เข้ากับความเป็นเฉพาะตัวของคนเล่น รวมถึงทำให้คนฟังที่เป็นคนต่างชาติอินไปกับเพลงได้
“จริงๆ แล้วดนตรีไทยในแต่ละยุคจะมีการใส่ความโมเดิร์นให้กับนักดนตรีแต่ละยุคแต่ละสมัยอยู่แล้ว โมเดิร์น 50 ปีที่แล้วก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ความโมเดิร์นใน 30 ปีที่แล้วก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ความโมเดิร์นในปี ค.ศ.2022 ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเราจะเลือกความโมเดิร์นและเทคนิกต่างๆ ให้มันเหมาะสมกับผู้เล่น”
ครูอัพยังเสริมเรื่องเพลงไทยเดิมที่ฟังดูเหมือนจะเก่าแต่ก็ทำให้ใหม่ได้อีกว่า “เพลงโหมโรงจีนตอกไม้ ผมคิดว่ามันเป็นเพลงกึ่งบังคับทาง คือ เมโลดี้บางอย่างต้องเก็บไว้ แต่บางอย่างเปลี่ยนให้เหมาะกับผู้เล่นได้ ตรงนี้เลยทําให้พอเรานำเสนอดนตรีไทยออกไป มันทําให้คนสมัยใหม่ฟังรู้เรื่อง และคนต่างชาติฟังแล้วเข้าใจมากขึ้น”
กว่าน้ำวุ้นและน้ำขิงจะได้ไปเล่นที่คาร์เนกีฮอลล์ก็ต้องใช้เวลาและฝีมือ รวมถึงโอกาสที่ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนก็อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับนักดนตรีไทย นี่เลยเป็นเหตุผลให้หลังจากการแสดงครั้งนี้ ทั้งคู่จึงมีไอเดียที่จะก่อตั้งแพลตฟอร์มที่จะช่วยนักดนตรีไทยมีโอกาสไปโชว์ฝีมือในระดับโลกขึ้นมาด้วย ส่วนครูอัพก็กำลังจะมีโปรเจกต์จัดแข่งขันดนตรีไทยระดับประเทศ ใครสนใจก็ไปติดตามกันได้ที่ Up Kammathep | Facebook
“ผมไปเจอเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเขาทํางานที่คาร์เนกีฮอลล์มาประมาณ 20 ปี ผมก็ถามว่ามีเครื่องดนตรีที่หน้าตาแบบนี้มาจากประเทศไทยบ้างไหม เขาบอกว่ามีหน้าตาคล้ายๆ แบบนี้มา แต่ไม่ได้มาจากประเทศไทยนะ มาจากประเทศอื่น เขาเพิ่งเห็นเครื่องดนตรีแบบนี้แล้วเขารู้สึกว่า เสียงมันทรงพลังมาก เขารู้สึกว่ามันสุดยอดมาก ก็เราก็ดีใจครับ มันคือความฝันของนักดนตรีไทย” คือคำพูดที่ครูอัพปิดท้าย