หลังจากสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาประกาศเดินหน้าตรวจสอบ กรณี ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ สมาชิกวง BLACKPINK ของเกาหลีใต้ โพสต์ภาพถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบรนด์หนึ่ง หลังได้รับแต่งตั้งให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ว่า เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่กำหนดมาตรการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่
ทางเพจของสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่อยู่ภายใต้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ก็ออกมาโพสต์เตือนเหล่า BLINK (ชื่อเรียกแฟนคลับวง BLACKPINK) ว่าถ้าไม่อยากทำผิดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ทำแบบนี้นะ
- เลือกโพสต์เฉพาะภาพที่ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ข้อความที่โพสต์ไม่มีข้อความอวดอ้างสรรพคุณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือชักจูงให้ดื่ม
- เบลอหรือลบภาพส่วนที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือโลโก้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
คำเตือนดังกล่าว ดูเหมือนจะหวังดี แต่แท้จริงแล้ว เป็นการสะท้อนปัญหาของกฎหมายนี้ โดยเฉพาะปัญหาของการ ‘ตีความ’ ขยายไปเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
เพราะกรณีห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ในส่วนที่บังคับใช้กับประชาชนด้วย จะอยู่ที่ย่อหน้าแรก ที่ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม”
หากพิจารณาดูการห้ามนั้นดีๆ จะเห็นว่า มีอยู่ 2 กรณี
หนึ่ง ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สอง ห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม
หากนำข้อความตามกฎหมายไปเทียบกับคำเตือน 3 ข้อต่อชาว BLINK จะเห็นได้ว่า เป็นการเตือนที่ขยายความเกินจากตัวกฎหมายไปไกล เช่น ไม่มีข้อความใดบอกว่าห้ามโพสต์รูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย หรือการโพสต์โลโก้หรือชื่อของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉยๆ ก็ยังไม่ผิดทันที (เพราะใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ เขียนไว้ว่า ต้อง “..เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม” ด้วย)
ที่ผ่านมา มาตรา 32 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ถูกวิจารณ์มาตลอดว่ามีปัญหาทั้งตัวกฎหมายและการบังคับใช้ ใน 5 ประเด็นหลัก
- เนื้อหาในกฎหมายคลุมเครือ ถูกเจ้าหน้าที่ตีความใช้กว้างขวาง (และเห็นได้ซ้ำอีกทีจากกรณีโพสต์เตือนชาว BLINK)
- อัตราโทษสูงมาก โดยเฉพาะโทษปรับ ที่อยู่ระหว่าง 50,000-500,000 บาท สูงกว่ากรณีเมาแล้วขับ (ปรับ 10,000-20,000 บาท) เมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย (ปรับ 20,000-100,000 บาท) หรือเมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (ปรับ 60,000-200,000 บาท)
- มีช่องโหว่ ไม่ใช้กับการโฆษณาจากต่างประเทศ จนทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่บางเจ้าใช้ช่องโหว่นี้โฆษณาจากต่างประเทศ
- ให้จ่ายค่าปรับแทนดำเนินคดีในศาล ทำให้คนยอมจ่ายเงินเพื่อจบคดี ไม่รอพิสูจน์ถูก-ผิดในชั้นศาล ทั้งที่บางครั้งพฤติการณ์ก้ำกึ่งว่าจะผิดกฎหมายจริงหรือไม่
- เจ้าหน้าที่รัฐได้ส่วนแบ่ง ‘เงินรางวัล’ สูงถึง 45-60% จากค่าปรับ ทำให้หลายคนมองว่าอาจเป็นแรงจูงใจให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายนี้มากขึ้น.
จึงมีความพยายามจากภาคประชาชนที่รวบรวมรายชื่อขอแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ โดยเฉพาะมาตรา 32 ที่ขอแก้ไขว่าจะมีความผิดกรณีเดียว คืออวดอ้างสรรพคุณที่เป็นเท็จเท่านั้น และยกเลิกการให้ส่วนแบ่งเงินสินบนรางวัลกับเจ้าหน้าที่ไปเลย ขณะที่กรมควบคุมโรคก็เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ของตัวเองมาประกบ แต่แนวคิดในการแก้ไขมาตรา 32 จะสวนทางกัน คือเพิ่มกรณีห้ามโฆษณาเพิ่มเติม และไม่ยกเลิกกรณีเจ้าหน้าที่จะได้รับส่วนแบ่งเงินสินบนรางวัลจากค่าปรับ
ปัจจุบัน ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ทั้ง 2 ฉบับ อยู่ระหว่างรอบรรจุวาระเข้าพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.facebook.com/photo?fbid=326859442808637&set=a.301015088726406
https://thematter.co/social/alcohol-ads-control/114500
https://thematter.co/quick-bite/anti-alcohol-law-edit/147854
#Brief #TheMATTER