แม้เพิ่งเปิดมาเพียง 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2558 แต่ ‘โดมิโน่พิซซ่า’ (Domino’s Pizza) แฟรนไชส์พิซซ่าชื่อดังจากสหรัฐฯ ก็ได้ปิดกิจการทั้ง 29 สาขาในอิตาลีแล้ว หลังจากที่ไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเท่ากับร้านพิซซ่าท้องถิ่น
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เกิดจากการที่ร้านพิซซ่าท้องถิ่นขยายบริการเดลิเวอร์รีและเซ็นสัญญากับบริการส่งอาหารต่างๆ มากขึ้น เช่น Deliveroo Plc, Just Eat Takeaway และ Glovo
ePizza บริษัทที่รับแฟรนไชส์โดมิโน่มาทำในอิตาลี ระบุในรายงานเมื่อไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ถึงสาเหตุของปัญหาว่า ‘การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ’ ในตลาดบริการส่งอาหาร ทั้งจากร้านแฟรนไชส์และร้านท้องถิ่นเล็กๆ ไปจนถึงการที่ร้านรวงต่างๆ กลับมาเปิดเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลังโรคระบาด
มากไปกว่านั้น The Washington Post ยังชี้ไปถึงอีกปัญหาหนึ่งด้วยว่า ถึงแม้โมเดลธุรกิจของบริษัทจะพยายามยึดติดกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำๆ แต่ในความเป็นจริงก็ปรากฏว่า การสั่งอาหารผ่านช่องทางดิจิทัลยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไรนัก ผู้บริโภคเกินครึ่งยังคงสั่งอาหารเองที่ร้านหรือผ่านทางโทรศัพท์อยู่ดี
ทั้งนี้ Bloomberg รายงานว่า จากรายงานประจำปีชิ้นล่าสุด บริษัท ePizza มีหนี้อยู่ที่ 10.6 ล้านยูโร หรือประมาณ 385 ล้านบาท ในช่วงปลายปี 2563
ภายหลังจากที่ข่าวการปิดกิจการแพร่ออกไป ชาวเน็ตในสหรัฐฯ หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะออกปากแซว โดยเฉพาะในทวิตเตอร์ ที่มีผู้ใช้มาทวีตข้อความ อย่างเช่น “การพยายามเปิดโดมิโน่พิซซ่าในอิตาลีก็เหมือนกับการพยายามขายหิมะในขั้วโลกเหนือ”
หรือแม้แต่หนังสือพิมพ์ในอิตาลีอย่าง Il Messaggero ก็ลงข่าวการปิดกิจการของโดมิโน่เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2565 ที่ผ่านมา โดยพาดหัวว่า “คนอิตาลีไม่ชอบพิซซ่าหน้าสับปะรด”
ในเนื้อข่าวของ Il Messaggero ยังระบุด้วยว่า เมนูของร้านอย่างพิซซ่า ‘เปปเปอโรนี แพสชัน’ หรือกระทั่งหน้า ‘ฮาวายเอียน’ แม้จะเป็นที่ชื่นชอบของต่างชาติ แต่จะทำให้คนรักพิซซ่าแบบเดิมๆ รับไม่ได้อย่างแน่นอน
อ้างอิงจาก
https://www.washingtonpost.com/food/2022/08/09/dominos-italy-franchise-closures
https://www.nytimes.com/2022/08/09/world/europe/dominos-pizza-italy-closes.html