สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ระบุว่า นโยบายของรัฐบาลจะถูกขยายความให้ครอบคลุมในแต่ละกระทรวง เช่นเดียวกับกลาโหม ที่ประชาชนติดใจว่าเหตุใดใช้คำว่า’ ร่วมพัฒนา’ ไม่ใช่ ’ปฏิรูป’
รมว. กลาโหม ชี้ว่า ทั้งสองคำมีความหมายคล้ายกัน เพื่อเป้าหมายทำให้ดีขึ้น และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายด้วยภาษาที่เหมาะสม โดยเริ่มจากการพัฒนากองทัพให้ทันสมัย ทั้งขนาดกระชับ เข้มแข็ง และมีภารกิจที่ถูกต้อง
“ภายใน 4 ปี เชื่อว่าจะเห็นกองทัพที่เล็กลงโดยไม่กระทบศักยภาพ”
“ทำไมไม่คิดว่าวันนี้เขตทหาร มีพลเรือนเข้าไปแล้ว เป็นรัฐมนตรีด้วย อย่างผมเนี่ย ผมเชื่อว่าระยะห่างของกองทัพและประชาชนจะใกล้ชิดขึ้น” รมว.กลาโหม อธิบายถึงแนวทางการทำงานเพื่อสร้างความร่วมมือในการทำงาน
สุทิน ชี้ว่าในอนาคตกองทัพจะต้องใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ หากพร้อมจะปรับปรุงเป็น ‘กองทัพไซเบอร์’ ทั้งจะจัดการปัญหาทุจริตให้หมดไป
สำหรับประเด็นเกณฑ์ทหาร ที่ยังต้องระบุว่าให้เป็นไปตามความสมัครใจนั้น สุทิน ระบุว่าเป็นไปตามกลไกของ รธน. ที่เขียนไว้ หากหยุดหรืองดโดนทันทีอาจเป็นปัญหาเมื่อเกิดภัยสงคราม อย่างที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
“การงดการเกณฑ์ทหารที่ดีที่สุด คือการทำควบคู่ไปวันหนึ่งมีการสมัครจนครบ” ซึ่ง รมว.กลาโหม ยืนยันว่าจะทำไปพร้อมกับการเพิ่มแรงจูงใจให้คนมาสมัคร
ท้ายสุดประเด็นกำลังพล สุทิน ชี้ว่า นักเรียนเตรียมทหารที่เข้ามาใหม่นั้น มีอัตราน้อยกว่านายพลที่รอการเกษียณ โดยเฉพาะในปี2570 ซึ่งจะทำให้กำลังพลลดลงตามลำดับ “ผมให้คำมั่นสัญญาว่าภายใน 10ปี ว่าจะเห็นกองทัพมีบุคคลากรน้อยลงโดยเฉพาะนายพล”
พร้อมทิ้งท้ายว่า ให้เชื่อมั่นรัฐบาล ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องท้าทายใคร ขอแค่หนักแน่นในเป้าหมาย แต่นุ่มนวลในวิธีการ ถ้าหากมีสิ่งใดยังไม่พอใจก็มีวิธีการระดมความคิดต่อไป