กฎหมาย #สมรสเท่าเทียม ได้กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เพราะวันนี้ (21 ธันวาคม) สภาผู้แทนราษฎรลงมติรับหลักการร่างสมรสเท่าเทียมทุกฉบับ ด้วยคะแนนเสียง 369 : 10 ส่งผลให้ร่างสมรสเท่าเทียมผ่านวาระ 1 ได้กลับเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภาอีกครั้ง หลังตกไปในสภาชุดก่อนหน้า
ในการพิจารณาครั้งนี้ มีร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ร่างสมรสเท่าเทียม’ ทั้งหมด 4 ฉบับ โดยมีร่างฉบับรัฐบาล ก้าวไกล ประชาธิปัตย์ และฉบับภาคประชาชนที่มีผู้เข้าชื่อกว่า 11,611 คน
หลักการสำคัญที่หลายๆ ร่างมีคล้ายกัน คือ การเปลี่ยนถ้อยคำในกฎหมายเพื่อรับรองสิทธิสมรสของคนทุกเพศ (เช่น เปลี่ยนจากสามี–ภริยา เป็น คู่สมรส) ให้สิทธิการจัดการทรัพย์สินและรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน เป็นต้น
โดยสภาฯ ได้มีมติให้รับหลักการ 4 ร่างสมรสเท่าเทียม โดยมีผู้ลงคะแนนทั้งหมด 380 เสียง และมีการลงคะแนนเสียงดังนี้
- เห็นด้วย 369 เสียง
- ไม่เห็นด้วย 10 เสียง
- งดออกเสียง 0 เสียง
- ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง
ก่อนเข้ากระบวนการพิจารณา สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ อธิบายถึงหลักการร่างสมรสเท่าเทียมฉบับรัฐบาลว่า เป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการเคารพส่งเสริมสิทธิของประชาชน โดยการปรับปรุงกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมเพื่อเป็นหลักประกันว่าบุคคลทุกคนจะได้รับสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวอย่างเสมอภาค
ส่วนธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.ก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่างสมรสเท่าเทียมฉบับก้าวไกล กล่าวระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายว่า “ธัญตระหนักรู้ดีเมื่อเติบโตขึ้นมาว่า กะเทยคือสิทธิมนุษยชน กะเทยมีตัวตนในสังคม เขามีสิทธิมีศักดิ์ศรีที่จะใช้ชีวิตอยากที่เขาอยากจะเป็น รวมถึงการดำเนินชีวิตในครอบครัว”
ขณะที่ วาดดาว—ชุมาพร แต่งเกลี้ยง ตัวแทนผู้เสนอร่างสมรสเท่าเทียมฉบับภาคประชาชน เปิดเผยว่า “การผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมและการผ่านกฎหมายต่างๆ เราถือว่าเป็นคำขอโทษอย่างเป็นทางการจากรัฐที่พรากสิทธิการก่อตั้งครอบครัว พรากสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จากประชาชน”
จากนั้น ผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคผลัดกันลุกอภิปรายทั้งสนับสนุนและไม่สนับสนุนร่างสมรสเท่าเทียม ซึ่งซูการ์โน มะทา สส.พรรคประชาชาติ อภิปรายถึงร่างสมรสเท่าเทียมว่า ในฐานะผู้แทนประชาชนอิสลาม จึงไม่เห็นด้วยและจะไม่รับหลักการร่างสมรสเท่าเทียมทั้ง 4 ฉบับ เพราะเป็นเรื่องศรัทธาและศาสนา
“แม้พรรคประชาชาติไม่เคยขัดแย้งกับกลุ่ม LGBTQIA+ แต่เราต้องยึดมั่นในหลักศาสนา วันนี้เรามองเรื่องความเท่าเทียม สิทธิเสรีภาพ โลกเสรี แต่เราลืมมองเรื่องของศีลธรรม ความรู้สึก สิ่งที่ยึดเหนี่ยวอยู่ในหัวใจของพี่น้องประชาชนผู้เคร่งศาสนา ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม หรือแม้แต่ศาสนาคริสต์ก็ตาม เชื่อว่าทุกคนมีความยากลำบากในการลงมติในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลักการของศาสนาอิสลาม หากเราเห็นชอบกฎหมายทั้ง 4 ฉบับ เราจะถูกพิพากษา เราตระหนักว่าต้องการสรวงสวรรค์เพื่อโลกหน้า ถ้าเราเห็นด้วยตรงนี้ เราอาจไม่ได้กลิ่นสวรรค์” ซูการ์โน ระบุ
ทั้งนี้ ร่างสมรสเท่าเทียมผ่านด่านวาระแรกจากสภาฯ แล้ว และยังต้องรอการพิจารณาในวาระ 2-3 ต่อไป รวมถึงต้องรอการพิจารณาจาก สว. จึงจะประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไปได้ และหากร่างสมรสเท่าเทียมผ่านทุกด่านจนได้ประกาศบังคับใช้ ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่ 3 ในทวีปเอเชียที่รองรับการแต่งงานของคนทุกเพศ ไม่จำกัดแค่เฉพาะชายและหญิง
อ้างอิงจาก
https://www.youtube.com/watch?v=c3uLtMews6Y