วิชั่นสปริง (VisionSpring) กิจการแว่นตาเพื่อคนยากจน และ เอ็นจีโอ แบรค (NGO Brac) องค์กรภาคประชากิจที่ทำงานเกี่ยวกับชนบท ทำการทดสอบกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ที่เริ่มมีปัญหาสายตา จำนวน 824 คน
เนื่องจากพวกเขาเล็งเห็นว่า การสูญเสียการมองเห็นระยะใกล้ หรือ ภาวะสายตายาวตามอายุ ทําให้ประเทศทั่วโลกเสียค่าใช้จ่ายมากถึง 25 พันล้านดอลลาร์ (ราว 9 แสนล้านบาท) ต่อปี เนื่องจากสูญเสียผลผลิตและทักษะทำงานที่มีคุณภาพ
อย่างไรก็ดี พวกเขาพบว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือนของคนกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นจาก 35.30 ดอลลาร์ (ราว 1.2 พันบาท) เป็น 47.10 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.7 พันบาท) ภายในระยะเวลาแปดเดือน หรือ เพิ่มขึ้นถึง 33.4% หลังการทำวิจัย
“คุณภาพชีวิตของผู้ที่เข้าร่วมการศึกษาดีขึ้น เพราะแว่นตาทําให้การใช้ชีวิตประจําวัน เช่น การดูโทรศัพท์มือถือและการทําอาหารสะดวกมากขึ้น” หนึ่งในผู้วิจัยระบุ
ซาร่าห์ นาคาลีโอวา (Sarah Nakalyowa) หญิงชาวยูกันดา วัย 57 ปี เล่าว่า “ตอนยังเด็กกว่านี้ ฉันสามารถทําตะกร้าสองใบครึ่งต่อวันและได้รับค่าจ้าง 400,000-500,000 ชิลลิงยูกันดา (หรือ 3-4 พันบาท) ต่อเดือน แต่เมื่อสายตาของฉันแย่ลงขณะอายุได้ประมาณ 40 ปี ฉันก็ทำมันได้น้อยลง”
เนื่องจากสายตาของเธอกระทบกับการร้อยเข็มและยังทำให้เธอโฟกัสกับงานได้ไม่ดี ทำให้ตะกร้ามักจะออกมาไม่เป็นระเบียบ “ฉันต้องใช้เวลาเพิ่มเป็นสี่วันแทน จนรายได้ของฉันลดลงเหลือ 100,000-150,000 ชิลลิงยูกันดา (ไม่เกิน 1.4 พันบาท) ต่อเดือน
แต่หลังจากที่ซาร่าห์ได้รับแว่นตา เธอสามารถทำงานได้ดีเหมือนเดิม และยังสามารถอ่านพระคัมภีร์หรือหนังสือพิมพ์ได้สะดวกยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ขณะนี้เธอกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจปลูกเห็ด เนื่องจากมีรายได้และเวลาที่เพิ่มขึ้น
“การค้นพบนี้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของแว่นตาว่า มันสามารถช่วยเพิ่มทักษะให้กับผู้คน เช่น อ่านหนังสือ ซึ่งมีส่วนช่วยลดความยากจน ดังนั้นแว่นตามีผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อรายได้ของแต่ละบุคคล” นาธาน คองดอน (Nathan Congdon) ประธานอัลเวอร์ครอฟต์ (Ulverscroft) บริษัทด้านสุขภาพดวงตาทั่วโลก กล่าว
อ้างอิงจาก