ปกติพอเราพูดถึงสถานที่อย่าง ‘พิพิธภัณฑ์’ ภาพจำที่ลอยออกมาก็มักเป็นอะไรที่มีความเก่านิดๆ ชวนน่าเบื่อหน่อยๆ อาจจะมีการหาวเล็กน้อยตอนเดินดู ซึ่งก็ไม่แปลกนัก อย่างความหมายจากทางพจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถานก็ยังบอกไว้ว่า “สถานที่เก็บรวบรวมและแสดงสิ่งต่าง ๆ ที่มีความสำคัญด้านวัฒนธรรมหรือด้านวิทยาศาสตร์ โดยมีความมุ่งหมายเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา และก่อให้เกิดความเพลิดเพลินใจ”
แต่ถ้าเป็นมือใหม่หัดทัวร์พิพิธภัณฑ์ อาจจะรู้สึกว่าพิพิธภัณฑ์ทั่วๆ ไปนั้นดูขาดสีสันไป เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นของที่ไกลตัวของเราเหลือเกิน วันนี้ The MATTER ขอพูดถึงพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับตัวละครการ์ตูนดัง ด้วยเหตุที่ว่าพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ถึงแม้จะยังทำหน้าที่แสดงข้อมูลสุดละเอียดเกี่ยวกับตัวละคร และประวัติของผู้สร้างผลงานไว้แบบที่คนดูเข้ามาเห็นก็เข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็น อีกมุมหนึ่งพิพิธภัณฑ์กลุ่มนี้ก็มักจะจัดแต่งทั้งตัวอาคาร และสถานที่โดยรอยให้น่าเดินแวะเดินเที่ยว สอดคล้องกับคำที่ว่า ‘สถานที่ที่ก่อให้เกิดความเพลิดเพลินใจ’ ได้อย่างดี
ถ้าใครอยากไปเที่ยวตามรอยพิพิธภัณฑ์กลุ่มนี้ เราก็มีลิงก์โลเคชั่นให้ไว้ด้วย เตรียมเงินไว้ให้ดี แล้วไปกันเลย!
Ghibli Museum
ที่อยู่ : 1 Chome-1-83 Shimorenjaku, Mitaka, Tokyo 181-0013, Japan
แผนที่ : https://goo.gl/maps/5jvfp4KMob62
สถานที่แห่งแรกที่หลายท่านอาจจะคุ้นตากันแล้ว แต่เราก็ยังอยากพูดถึงอยู่ก็คือ Ghibli Museum หรือ Mitaka No Mori Ghibli Bijutsukan ตามที่ชื่อบอกกล่าวเลยครับว่าที่นี่คือสถานที่แสดงความเป็นตัวตนของ สตูดิโอจิบลิ ผู้สร้างอนิเมชั่นชื่อดังของญี่ปุ่นที่ทั่วทั้งโลกต่างรู้จักและจับตามอง
ว่ากันตามจริงตัวพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้ทำตัวเป็นพิพิธภัณฑ์แต่อย่างใด และออกจะทำตัวละม้ายคล้ายสนามเด็กเล่น โดยจำลองโลกจินตนาการที่สตูดิโอจิบลิชอบนำเสนอมากกว่า อาคารจำลองบรรยากาศมาจากประเทศในเขตยุโรปหลายๆ แห่ง อย่างสเปน หรืิอฝรั่งเศส บนเพดานภาพวาดมีสีสันสวยงาม ฮอลล์กลางมีสไตล์สตีมพังก์นิดๆ เคล้ากลิ่นโกธิคหน่อยๆ มีรายละเอียดการทำงานภายในสตูดิโอให้ได้เสพพอสมควร ทั้งยังอุดมไปด้วยกิมมิคจากการ์ตูนหลากเรื่อง ที่คุณอาจจะต้องเป็นโคตรแฟนพันธุ์แท้ถึงจะสามารถรู้ได้ทั้งหมดว่าส่วนต่างๆ ถูกนำมาจากการ์ตูนเรื่องไหน เด็กๆ สามารถไปเล่นซนได้ ส่วนคนที่ชอบถ่ายภาพชิคๆ ก็ยังมีมุมให้ถ่ายอย่างบนดาดฟ้า หรือที่หลายคนแนะนำก็จะเป็นด้านหลังของพิพิธภัณฑ์ แต่ความงามของสถานที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนมองข้ามข้อด้อยที่ว่า สาระในการสร้างผลงานอาจจะหย่อนไปกว่าที่คาด (ด้วยความที่ว่าเนื้อหานำเสนอและหนังสือที่มีให้อ่านเป็นภาษาญี่ปุ่น) แต่ถึงอย่างนั้นก็บอกได้ว่าทุกอณูของพื้นที่แห่งนี้เป็น ‘จิบลิ’ อย่างแท้จริง
ด้วยความที่สตูดิโอจิบลิเป็นที่รู้จักและได้รับความรักจากผู้คนทั่วโลก ตั๋วเข้าชมจึงเป็นต้องซื้อจองล่วงหน้า แถมยังเต็มเร็วระดับที่คนในญี่ปุ่นเองก็ซื้อตั๋วไม่ทันอยู่บ่อยครั้ง และเชื่อว่าตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ Ghibli Museum จะตั๋วเต็มเร็วยิ่งขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่าภาพยนตร์อนิเมชั่นในโรงภาพยนตร์ Saturn Theater ซึ่งปกติจะสลบสับเปลี่ยนฉายหมุนเวียนไปในแต่ละช่วง กำลังจะฉายฉายที่ผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับ มิยาซากิ ฮายาโอะ ที่ใช้ชื่อว่า Boro the Caterpillar ใครที่วางแผนแล้วลังเลอยู่อาจจะต้องรีบตัดสินใจกันให้ไว้แล้วล่ะ
Ishinomori Manga Museum
ที่อยู่ : 2-7 Nakaze, Ishinomaki, Miyagi Prefecture 986-0823, Japan
แผนที่ : https://goo.gl/maps/19Qec6xbV9G2
ไม่ว่าคุณจะเรียกตัวละครที่ใส่เข็มขัดเพื่อแปลงร่างและมักจะมีท่าไม้ตายเป็นลูกเตะว่า ไอ้มดแดง มาสค์ไรเดอร์ หรือคาเมนไรเดอร์ มันก็แปลว่าคุณคุ้นเคยกับซีรีส์หนังแปลงร่าง หรือ โทคุซัทสึ (Tokusatsu) ไปแล้วแล้ว และหลายๆ ท่านก็น่าจะทราบว่าผลงานเรื่องนี้เกิดขึ้นจากนักเขียนการ์ตูนที่ชื้่อ อิชิโนโมริ โชทาโร่ แต่ที่อีกหลายๆ คนอาจจะไม่ทราบก็คือ นักเขียนการ์ตูนคนดังกล่าวนี้ ยังเป็นผู้สร้างสรรค์ซีรีส์แนวไซไฟเรื่องอื่นๆ อีกมาก ที่ไม่ได้เเป็นที่รู้จักกันเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น อย่างเช่น ขบวนการห้าสี หรือ เซนไต (Sentai), ไซบอร์ก 009 (Cyborg 009), คิไคเดอร์, นินจาอาราชิ, K ยอดนักสืบหุ่นยนต์ หรือแม้แต่แนวน่ารักสำหรับเด็กอย่างเจ้าหุ่นคอมพิวเตอร์ โรโบคอน
ด้วยความที่ผลงานของผู้สร้างคนนี้มีอยู่มากเหลือ จึงไม่แปลกนักที่จะจะมีพิพิธภัณฑ์ Ishinomori Manga Museum โดยนำเอาผลงานต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในชั่วชีวิตนักเขียนผู้นี้มานำเสนอ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทำการอยู่ที่จังหวัดมิยางิ ของประเทศญี่ปุ่น อันเป็นบ้านเกิดของเขานั่นเอง ภายในพิพิธภัณฑ์ มีทั้งส่วนนิทรรศการถาวรที่รวบรวมประวัติชีวิตของนักเขียน ตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงช่วงที่ได้ไปรวมตัวกับนักเขียนการ์ตูนระดับตำนานที่บ้านพักโทคิวะ (หรือ Tokiwa-So) จนกระทั่งเริ่มเขียนงานต้นฉบับของตนเอง ทั้งยังมีส่วนจัดแสดงที่บอกรายละเอียดหลายประการของซีรีส์ดังที่ถูกสร้างซ้ำหลายสิบครั้งอย่าง ไซบอร์ก 009 กับคาเมนไรเดอร์ และแน่นอนว่าต้องมีการจัดแสดงต้นฉบับตัวจริงของ อิชิโนโมริ โชทาโร่ พร้อมกับรายละเอียดต่างๆ ในการทำงาน
ส่วนฝั่งนิทรรศการชั่วคราวที่มาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ยังเป็นเรื่องราวที่สำคัญต่อวงการมังงะญี่ปุ่นเช่นกัน ด้วยตัวงานแสดงส่วนใหญ่มักจะเป็นผลงานเกี่ยวข้อง หรือเป็นผลงานของผู้สร้างสรรรค์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก อิชิโนโมริ โชทาโร่ นั่นเอง ภายในอาคารยังมีห้องสมุดที่เปิดให้อ่านการ์ตูนของนักเขียนชื่อดังที่ช่วยเพิ่มความอินกับผู้มาเยี่ยมชมได้อย่างดี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดฉายภาพยนตร์ขนาดสั้น (และอาจจะมีการแสดงเล็กๆ น้อยๆ) ของ Sea Jetter Kaito ฮีโร่ท้องถิ่นของเมือง Ishinomaki สถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
ตัวพิพิธภัณฑ์เคยได้รับความเสียหายจากธรณีภัยพิบัติที่เกิดในเดือนมีนาคมปี 2011 ก่อนที่จะถูกฟื้นฟูอีกครั้งด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันของชาวจังหวัดมิยางิ ไม่ใช่แค่ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองแห่งนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบรับของแฟนผลงานของ อิชิโนโมริ จากทั่วโลกที่ชื่นชมและหลงรักในตัวละคร แล้วกลับมาช่วยสถานที่เก็บความทรงจำดีๆ นี้ไว้
Fujiko F Fujio Museum
ที่อยู่ : 2 Chome-8-1 Nagao, Tama Ward, Kawasaki, Kanagawa Prefecture 214-0023, Japan
แผนที่ : https://goo.gl/maps/L8JZwiSBsF82
สถานที่เช็กอินของคนไทยหัวใจรักการ์ตูนหลายๆ คน เพราะที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์โดราเอม่อน หรือถ้าเรียกให้ถูกต้องก็คือ Fujiko F Fujio Museum นั่นเอง
หลายๆ ท่าน อาจจะจดจำหรือเคยเห็นภาพของพิพิธภัณฑ์นี้จากส่วนนอกของตัวพิพิธภัณฑ์ ที่จะมีคนไปถ่ายรูปกับ ‘ประตูไปที่ไหนก็ได้’ บ้าง ‘ไจแอนท์ฉบับหล่อเหลานิสัยดี’ บ้าง และ ‘ท่อปูนสามท่อ’ ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือจะผู้ใหญ่ก็อยากจะลองนั่งและคลานไปในท่อตามรอยพวกของโนบิตะ ซึ่งนั่นเป็นแค่ส่วนย่อยส่วนเดียวของพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ตัวพิพิธภัณฑ์มีส่วนนิทรรศการที่น่าสนใจไม่แพ้กัน และอาจจะใจดีกว่าพิพิธภัณฑ์แห่งอื่นในญี่ปุ่นที่เราพูดถึง ด้วยการใช้เทคนิคพิเศษกับการจัดวางแบบสบายตาย ทั้งยังมีโบรชัวร์กับเสียงบรรยายแบบพกพา ให้นักท่องเที่ยวได้ฟังรายละเอียดประวัติการทำงานและที่มาที่ไปผลงานของ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ ได้มากขึ้น ซึ่งถ้าเทียบกับที่อื่นๆ แล้วถือว่าที่นี่ใจดีกับชาวต่างชาติมาก เพราะตัวโบรชัวร์กับเสียงบรรยายนั้่นมีภาษาอังกฤษมาให้ด้วย
ส่วนอื่นๆ ของพิพิธภัณฑ์ก็มีทั้งห้องสมุด ห้องกิจกรรม และโรงภาพยนตร์ที่คุณอาจจะต้องเปิดศึกกับเด็กๆ นิดหน่อย เพราะกิจกรรมในนั้นอำนวยให้ทุกคนได้สนุกร่วมกันจริงๆ และ Fujiko F Fujio Museum เหมือนกับตัว Ghibli Museum อยู่ส่วนหนึ่งก็คือ ควรจองตั๋วมาล่วงหน้า รวมถึงมีการจำกัดผู้เข้าชม ถ้าวางแผนจะไปที่นี่ก็ตัดสินใจซื้่อตั๋วแค่เนิ่นๆ ไม่ก็รีบซื้่อตั๋วทันทีตอนไปถึงญี่ปุ่นจะเป็นการดีกว่า
The Tezuka Osamu Manga Museum
ที่อยู่ : 7-65 Mukogawacho, Takarazuka, Hyogo Prefecture 665-0844, Japan
แผนที่ : https://goo.gl/maps/bJhzoPotcMk
เราพูดถึงพิพิธภัณฑ์ Ghibli และ Isinomori ไปแล้ว Fujiko F Fujio ก็ผ่านมาหมาดๆ ถ้าเราจะไม่พูดถึง ‘เทพเจ้าแห่งมังงะ’ อย่าง เท็ตสึกะ โอซามุ ก็อาจจะผิดวิสัยไปสักนิด เพราะอย่างน้อยที่สุด อิชิโนโมริ โชทาโร่ และ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ ก็นับถือปรมาจารย์ท่านนี้ ทั้งยังเคยอาศัยอยู่ร่วมในที่หอพักโทคิวะอีกต่างหาก
ถ้าเทียบกับพิพิธภัณฑ์สามแห่งก่อนหน้า ที่นี่อาจจะมีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ก็โดดเด่นตั้งแต่ภายนอก ตัวอาคารทำเป็นปราสาทติดโดม ส่วนถนนทางเข้าก็พยายามจำลองบรรยากาศแบบคล้ายๆ ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม แต่ปรับให้มีการปั๊มรอยมือรอยเท้า (และรอยก้น หรือรอยหาง) ของตัวละครการ์ตูน ซึ่งอาจารย์เท็ตสึกะมองเป็น ‘นักแสดง’ ที่รับบทบาทในการ์ตูนแต่ละเรื่อง ภายในตัวอาคาร 3 ชั้น ก็อัดแน่นด้วยตัวตน ข้อมูล รวมถึงของใช้ส่วนตัวของเท็ตสึกะ โอซามุ อยู่ภายใน นอกจากที่จะบอกเล่าชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวันสิ้นชีวิต นิทรรศการถาวรของที่นี่ได้นำเสนอเรื่องราวที่อาจจะเข้าใจยากมาเรียงให้ดูแบบง่ายๆ สบายตา ทำให้คนเข้าชมที่แม้จะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นก็เข้าใจได้ว่า อะไรที่หล่อหลอมนักเขียนการ์ตูนท่านนี้ ส่วนของห้องสมุดก็มีหนังสือการ์ตูนหลายๆ ภาษาให้อ่านกัน และถ้าอยากลองสัมผัสรสชาติความเป็นคนทำงานอนิเมชั่น ในชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์ก็มีให้ลองวาดรูปด้วย
นอกจากนิทรรศถาวรของที่นี่ที่ถือว่ามีสาระมหาศาลแล้ว นิทรรศการการหมุนเวียนก็สนุกสนานไม่แพ้กัน และเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าสถานที่สะสมความรู้แห่งนี้ไม่ได้อยากให้ความรู้หยุดนิ่งอยู่ในเวลายุคใดยุคหนึ่ง อย่างปี 2017 ที่ผ่านมาก็มีการจัดนิทรรศการร่วมกับ ฮัตสึเนะ มิคุ ไอดอลดิจิทัลผมสีเขียวที่มาแนะนำประวัติของตัวเอง และมีการออกแบบไอดอลคนนี้ในลายเส้นแบบ เท็ตสึกะ โอซามุ ให้ชมกันด้วย เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าแม้เวลาจะผ่านไปเทพเจ้าองค์นี้ก็ยังคงอิทธิพลต่อประเทศญี่ปุ่นอยู่ไม่เสื่อมคลาย
ก่อนที่เราจะเขยิบไปดูพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับตัวละครการ์ตูนในประเทศอื่นๆ เราขอบอกเล่าก่อนว่าพิพิธภัณฑ์ตัวละครการ์ตูนในญี่ปุ่นมักจะมีการร่วมมือกับพื้นที่ท้องถิ่น ซึ่งจะมาพร้อมกับแลนด์มาร์กของพื้นที่และพาหนะสาธารณะ โดยจะมาพร้อมลวดลายตัวการ์ตูนที่เกี่ยวข้องกับพิพิธภัณฑ์แต่ละแห่งด้วย เรียกว่าโอกาสที่คุณจะหลงทางหาพิพิธภัณฑ์นี้ไม่เจอนั้นน่าจะต่ำเอามากๆ
Moomin Museum
ที่อยู่ : Yliopistonkatu 55, 33100 Tampere, Finland
แผนที่ : https://goo.gl/maps/4qTzgYDCF6y
เดินทางข้ามทวีปจากเอเซียไปยังฝั่งยุโรปกันบ้าง กับพิพิธภัณฑ์ Moomin หรือ Mumin ตัวละครการ์ตูนตัวหนึ่งซึ่งหลายท่านอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นคาแรคเตอร์จากญี่ปุ่น แต่เปล่านะครับ เจ้าตัวละครสีขาวจ๋องหน้าตาคล้ายๆ ฮิปโปโปเตมัส ที่ความจริงคือ โทรล (Troll) เป็นผลงานการ์ตูนที่ถูกสร้างสรรค์ด้วยมือของ Tove Jansson นักวาดหญิงชาวฟินแลนด์ที่วาดการ์ตูนเป็นภาษาสวีดิช ตามด้วยการดัดแปลงเป็นอนิเมชั่นจากทางประเทศญี่ปุ่น ที่มีโอกาสได้ฉายไปหลายประเทศ จนคนคุ้นเคยกับฉบับนี้ เป็นการร่วมมือกันหลายทอดกันจริงๆ เลยใช่ไหมล่ะครับ
เดิมทีพิพิธภัณฑ์ของ Moomin เคยเปิดมาก่อนแล้ว แต่เป็นเพียงการรวมเอาผลงานภาพเขียนที่ Tove Jansson บริจาคให้พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งก่อนจะปรับเปลี่ยนมายังสถานที่แห่งใหม่ สถานที่กว้างขึ้น เข้าชมกันง่ายขึ้น และใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่ในการนำเสนอโลกของ Moomin เพื่อให้ ‘ผู้มาเยี่ยมชมได้ลืมเลือนว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในโลกจริง’ อันเป็นเจตนารมณ์ของ Tove ตัวสถานที่จัดแสดงจึงจัดแสงไฟอ่อนลงเพื่อสร้างบรรยากาศแปลกใหม่และรักษาสภาพของภาพวาดต่างๆ และทำให้คนที่ชื่นชมโลกของ Moomin ได้เข้าใจมากขึ้นว่าตัวเจ้าของผลงานอยากจะนำเสนออะไรจากโลกใบนั้น
สำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางไปจนถึงฟินแลนด์แล้วกลัวจะงงๆ มึนๆ กับงานชิ้นต่างๆ ทางพิพิธภัณฑ์ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวไปร่วมทัวร์ภาคภาษาอังกฤษที่จะจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ เพราะฉะนั้นวางแผนกันสักนิดถ้าคุณสนใจที่จะรับฟังสาระต่างๆ แบบเข้าใจง่าย แต่ถ้าคุณอยากเจอมาสคอต Moomin เยอะๆ เราแนะนำว่าแวะไปที่สวนสนุก Moomin World ซึ่งอยู่ในฟินแลนด์เหมือนกัน ไม่ก็ไปที่สวนสนุก Metsä ที่อยู่ในญี่ปุ่นแทนน่าจะโดนใจกว่านะ
The Walt Disney Family Museum
ที่ตั้ง : 104 Montgomery St, San Francisco, CA 94129, USA
แผนที่ : https://goo.gl/maps/PKkvAXvMkGH2
เชื่อว่าทุกท่านรู้จัก Walt Disney กันระดับหนึ่งอยู่แล้ว ชายผู้สร้างตัวการ์ตูนระดับตำนานที่หลายคนต้องคุ้นเคยตั้งแต่เด็กอย่าง Mickey Mouse, Donald Duck, Goofy และตัวละครอื่นๆ อีกมาก เมื่อพูดถึงตัวการ์ตูนเหล่านี้แล้วหลายท่านอาจจะนึกภาพของ Disneyland สวนสนุกของทาง Disney ที่อุดมไปด้วยตัวละครกับเครื่องเล่นจากการ์ตูนและหนังของพวกเขา ซึ่งรับประกันความสนุกสนานในชีวิตของคุณแน่นอนถ้าได้แวะเวียนไป แต่ถ้าเราอยากจะรับรู้ที่มาที่ไปของการทำงานกว่าจะเป็น Walt Disney ในทุกวันนี้ล่ะ เราพอจะมีสถานที่เที่ยวให้ไปรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ไหม?
จากคำถามเมื่อครู่นี้เราก็ค้นจนได้คำตอบว่า มีสถานที่แบบนั้่นอยู่ครับ สถานที่แห่งนั้นก็คือ The Walt Disney Family Museum ที่จำลองไทม์ไลน์ชีวิตของ Walt กับ Roy Disney ที่ทำงานตั้งแต่ยังไม่ได้เข้ามาสู่วงการอนิเมชั่น ต่อไปยังก้าวแรกในฮอลลีวูด จนกระทั่งทำสตูดิโออนิเมชั่นแห่งแรก ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า เสียตัวละครที่สร้างให้คนที่เคยร่วมงาน และกลับมาอีกครั้งพร้อมกับ Mickey Mouse ในอนิเมชั่น Steam Boat Willy ก่อนจะเริ่มโด่งดัง และกลายเป็นรากฐานของบริษัทในปัจจุบันเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์มากมาย ทั้ง Star Wars รวมถึงหนังฮีโร่ Marvel หลายๆ ตัวด้วย
นอกจากเรื่องพื้นฐานอย่างประวัติศาสตร์โดยคร่าวของ พี่น้อง Disney รวมถึงข้าวของส่วนตัวที่ถูกนำมารวมกันแล้ว ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีขั้นตอนการทำงานเบื้องหลัง อาทิต้องใช้สีแบบไหนในอนิเมชั่น อุปกรณ์ในยุคก่อนใช้คอมพิวเตอร์สร้างมิติความลึกได้อย่างไร ซึ่งหลายๆ อย่างทำให้เราได้เห็นว่า ทั้งตัวของ Walt และ Roy กับบริษัท Disney ไม่ใช่แค่บริษัทสร้างการ์ตูนแต่ยังเป็นนักประดิษฐ์ที่สร้างเทคโนโลยีหลายอย่างที่ให้วงการภาพยนตร์ต้องเปลี่ยนไป
ข้อมูลในพิพิธภัณฑ์ส่วหนึ่งมาจากครอบครัวของ Walt Disney เอง ฉะนั้นอาจจะมีข้อมูลที่เข้าข้างตัวเองนิดๆ ตามวิสัยอัตชีวประวัติ แต่สำหรับคนที่สนใจประวัติศาสตร์อนิเชั่นตั้งแต่ยุค 1930 จนถึงราวๆ 1990 สถานที่แห่งนี้มีข้อมูลให้คุณเสพจนหนำใจเลยทีเดียว และถึงพิพิธภัณฑ์จะไม่มีมาสคอตตัวละครมาเดินแบบชัดแจ้ง แต่ภายในมีตัวการ์ตูนของ Disney จำนวนมากให้รับชมกันอย่างจุใจ
และสำหรับท่านที่สงสัยว่าทำไมเราถึงไม่พูดถึงพิพิธภัณฑ์ของฝั่ง Looney Tunes ในบทความนี้ เราได้เช็กแล้วว่า ยังไม่มีพิพิธภัณฑ์เชิงข้อมูลอย่างที่ Disney จัดทำ อาจจะเพราะผู้สร้างตัวละครนั้นมีหลายคน รวมถึงลิขสิทธิ์ของการ์ตูนเรื่องแรกๆ ในชุด Looney Tunes หลุดเป็นสื่อสาธารณะ (Public Domain) ไปเรียบร้อยแล้ว จึงมีการรวมตัวกันได้ยาก ถึงอย่างนั้นถ้าอยากจะเจอตัวละครเหล่านี้ก็แวะเวียนไปที่ Looney Tunes Movie Town หรือสวนสนุกอื่นที่ได้รับสิทธิ์ตัวละครมาใช้งาน และมีพิพิธภัณฑ์บางแห่งในอเมริกาที่มีส่วนเกี่ยวกับ Looney Tunes บอกเล่าอยู่นิดหน่อยครับ
Hergé Museum
ที่อยู่ : Rue du Labrador 26, 1348 Ottignies-Louvain-la-Neuve, Belgium
แผนที่ : https://goo.gl/maps/3VJ9JqB3U9H2
หากเทียบกับพิพิธภัณฑ์อื่นๆ แล้ว Hergé Museum อาจจะเป็นการนำเสนอเชิงมุมกลับจากที่อื่นเล็กน้อย ด้วยความที่ว่าตัวตนของ Tin Tin (ตินติน หรือ แตงแตง แล้วแต่ความถนัดของแต่ละท่านเลยครับ) นั้นเป็นที่จดจำได้มากกว่าตัวตนของผู้สร้างอย่าง Georges Remi เจ้าของนามปากกา Hergé เสียอีก
เพราะฉะนั้นถ้าคุณได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คุณจะได้เรียนรู้เรื่องราวของตัว Hergé เอง ว่าเขาผ่านอะไรมาในชีวิตบ้าง ถึงได้หลงรักการผจญภัยและมีโอกาสได้เดินทางไปในพื้นที่หลายแห่ง ก่อนที่เขาจะกลั่นกรองประสบการณ์มาเป็นผลงานการ์ตูนหลายๆ เรื่อง ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงมุมอื่นๆ ในการทำงานของ Hergé ที่ตัวพิพิธภัณฑ์บอกว่าเขาไม่ใช่แค่นักวาดการ์ตูน แต่ยังเป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์, นัดวาดภาพล้อเลียน และนักเล่าเรื่องชั้นดี แน่นอนว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็มีก็ยังมีส่วนจัดแสดงงานศิลป์หลายๆ ชิ้นเกี่ยวกับ Tin Tin อันเป็นงานสร้างชื่อของชาวเมืองบรัสเซลส์ผู้นี้
อาจจะเพราะพิพิธภัณฑ์นี้ซ่อนตัวอยู่ในประเทศที่นักท่องเที่ยวหลายคนมองข้ามอย่างเบลเยี่ยม จึงมีคอมเมนต์จากสื่อบางเจ้าว่าสถานที่อาจจะเงียบเหงาสักหน่อย แต่มองในแง่ดีก็แปลว่าคุณอาจจะไม่ต้องเสียเวลาดีลกับความวุ่นวายแล้วเสพข้อมูลที่มีอยู่เต็มๆ ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
นอกจากพิพิธภัณฑ์ที่เราแนะนำมานี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ทางการของตัวละครต่างๆ อีกหลากหลากอย่าง Hello Kitty Museum ที่เกาะเซจูประเทศเกาหลีใต้ (ซึ่งบรรยากาศออกจะเป็นที่เที่ยวมากกว่าแหล่งรวมข้อมูล) รวมถึงยังมีนิทรรศการชั่วคราวที่จะวนเวียนจัดตามสถานที่ต่างๆ สำหรับกลุ่มตัวละครที่ไม่มีพิพิธภัณฑ์ถาวร อย่าง อุลตร้าแมน ที่ปัจจุบันจะจัดงานแสดงเป็น Ultraman Festival หรือ Snoopy Museum ที่ตอนนี้เปิดทำการชั่วคราวในกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น และพิพิธภัณฑ์เอกชนที่สร้างขึ้นโดยแฟนคลับตัวละครต่างๆ กระจายตัวอยู่ทั่วโลก เราเชื่อว่าไม่ว่าจะสถานที่แห่งไหนก็พร้อมจะให้ความรู้เกี่ยวกับตัวละครต่างๆ ไม่มากก็น้อย
ทั้งนี้ก็ขอเตือนใจทิ้งท้ายเล็กน้อยว่า พิพิธภัณฑ์ตัวละครต่างๆ นั้น มักจะจัดส่วนของที่ระลึกกับร้านอาหารไว้ในส่วนท้ายก่อนจะออกจากพิพิธภัณฑ์ ดังนั้นนอกจากค่าเดินทางกับค่าเข้าที่คุณจะต้องจ่ายให้แล้ว พึงเตรียมเงินเปย์ให้กับส่วนปิดท้ายของพิพิธภัณฑ์แต่ละแห่งกันด้วยล่ะ
อ้างอิงข้อมูลจาก
justhungry.com/visit-studio-ghibli-museum-mitaka-tokyo
www.ghibli-museum.jp/en/welcome
tezukaosamu.net/en/museum/guide.html
www.moomin.com/en/blog/worlds-moomin-museum-now-officially-open-finland
www.jnto.go.jp/eng/spot/museum/tezukaosamumanga.html