วินาทีนี้ใครจะไม่รักหัวหน้าแม่ครัวยอน และไม่รักฝ่าบาททรราชย์ ที่ดุดัน ไม่เกรงใจใคร แต่หัวใจอ่อนระทวยเพราะอาหารและกวีนยอ หรือเชฟสาวมิชลินจากโลกอนาคต Bon Appetit, Your Majesty (เมนูรักพิชิตใจราชา) เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จจากซีรีส์เกาหลี ที่ทั้งพายุนอา (Yoona) จากเกิร์ลเจนเนอเรชั่น พาเคมีมาเข้ากับฝ่าบาทสุดหัวใจมุมิ อีแชมิน (Lee Chae Min) พระเอกดาวรุ่ง ที่เสวยอาหารอร่อย พร้อมกับเรื่องราวเข้มข้น ปนความคอมเมดี้ พาเราไปท่องทั้งโลกของอาหารการกิน และประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมเกาหลีอย่างลึกซึ้ง
Bon Appetit, Your Majesty จึงถือเป็นอีกหนึ่งการกลับมาของซอร์ฟพาวเวอร์เกาหลีที่ระยะหลังเราเริ่มมองว่าเริ่มแผ่วไปจากยุคซีรีส์และ K-Pop ที่โหมกระแสรุนแรงมาตั้งแต่ยุคหลังปี 2000s เป็นต้นมา การกลับมาในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่รวมเอาองค์ประกอบที่เราคุ้นเคยไม่ว่าจะเป็นพล๊อตเรื่องแนวข้ามภพชาติ การเป็นซีรีส์ทำอาหาร และการเล่าเรื่องประวัติศาสตร์โดยเฉพาะการเป็นดราม่าในราชสำนักของเกาหลี กลับมาปรุงให้กลมกล่มได้จนกวาดรายได้และกลายเป็นอีกซีรีส์ทอร์กออฟเดอะทาวน์
ตัวซีรีส์ถือเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งพุ่งแรง ตัวซีรีส์ทั้งขึ้นแท่นทั้งการเป็นซีรีส์ที่ไม่ใช่เน็ตฟลิกซ์ออริจินัล และเป็นซีรีส์ภาษาต่างประเทศที่มียอดชมพุ่งเร็วที่สุดจนแตะ 100 ล้านครั้งทั่วโลก พระเอกหน้าใหม่สุดเย็นชาคือ อีแชมินเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจและได้รับการทาบทามจากหลายๆ โปรเจ็กต์ รวมถึงการกลับมาของยุนอาที่เป็นยาใจให้กับแฟนๆ เคป๊อปยุค Y2K ที่ทั้งพิสูจน์ความน่ารักและฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยม จนอมยิ้มกันไม่หุบให้กับทุกตอนที่ได้ดูแม่ครัวยอนเอาตัวรอดและทำอาหารอร่อยๆ พร้อมทั้งพิชิตใจทรราชย์หนุ่มใหม่ได้
อะไรคือสุดยอดส่วนผสมของเรื่องราวความรักทะลุมิติ ความรักที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่เราเองก็พร้อมจะลุ้นให้ตอนจบให้ความรักข้ามภพเป็นไปได้และยืนยาวเหมือนในนิยายโรมานซ์แบบคลาสสิก รวมถึงมีอะไรในส่วนผสมของ ‘อาหาร’ ซึ่งเป็นหัวใจทั้งของเรื่องราว และเป็นหัวใจของทุกตัวละครที่ยุนอาหรือแม่ครัวยอน ได้ใช้อาหารในการสัมผัสหัวใจทั้งเหล่าผู้คนในยุคอดีตอันเคร่งครัด กระทั่งพาเอาความศิวิไลซ์กลับไปให้ดินแดนโซชอนโบราณ

ความเป็นสมัยใหม่และความศิวิไลซ์ ในยุคโชซอน
ถ้าพูดกันตามจริง หน้าหนังแรกของซีรีส์คือการทะลุมิติของเชฟสาว ตีมเรื่องแบบอิเซไก และการทะลุมิติเวลาเป็นธีมที่เราอาจจะไม่รู้สึกว่าสดใหม่เท่าไหร่ แต่เมื่อตัวเรื่องว่าด้วยการเดินทางข้ามมิติของเชฟสาวที่ประสบความสำเร็จในโลกสมัยใหม่ กลับไปสู่บริบทก่อนสมัยใหม่ โดยเชฟสาวต้องใช้วิชาความรู้ต่างๆ เอาตัวรอดจากดินแดนของโซชอนในยุคที่ไม่มีแนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชน ชีวิตของผู้คนขึ้นตรงกับราชสำนัก โดยเฉพาะผู้หญิงมีค่าไม่ต่างอะไรกับสิ่งของและผักปลา
ความน่าสนใจของการทะลุมิติคือการจินตนาการถึงความขัดแย้งของค่านิยมแบบใหม่ รวมถึงความรู้แบบใหม่คือความรู้ในปัจจุบันทั้งหลาย และกลายไปอยู่ผิดฝาผิดตัวในบริบทแบบก่อนสมัยใหม่ (pre modern era)
ถ้าเราย้อนดูนวนิยายไทย การย้อนยุคในนิยายไทยเป็นกระแสที่เกิดขึ้นควบคู่กับพัฒนาการนิยายไทย ถ้าเรามองย้อนไปคือเก่าตั้งแต่ทศวรรษ 2500 ในยุคที่แมสขึ้นกระทั่งกลายเป็นละครโทรทัศน์ที่คนเจนวายโตขึ้นมา เรารู้จักละครเช่น แต่ปางก่อน (2530) เรื่อยมาจนถึง ทวิภพ รอยไหม (2554) และแน่นอนมาถึงยุคสุดฮิตคือ บุพเพสันนิวาส ที่กำลังจะรีเมคเป็นเวอร์ชั่นวาย
ประเด็นคือนวนิยายแนวข้ามชาติภพ มีงานศึกษาที่น่าสนใจคือ อัตลักษณ์กับบริบททางสังคมในนิยายโรมานซ์แนวข้ามภพชาติของไทย พูดถึงหัวใจของความเป็นนิยายโรมานซ์ ซึ่งอยู่ที่การทำให้ความรักของพระเอกนางเอกไม่สำเร็จ พูดง่ายๆ คือทั้งเรื่องของเรื่องแนวโรมานซ์คือการลุ้นว่าพระเอกนางเอกจะได้ครองรักกันเมื่อไหร่ ถ้าครองรักกันได้เรื่องก็จบ แต่นิยายแนวข้ามภพมักเป็นการขยายเรื่องราว คือในยุคก่อน เมื่อทะลุมิติไปก็อาจจะครองรักกันไม่ได้เนื่องจากบริบททางสังคมที่กีดกัน ทำให้การลุ้นการสมปรารถนามีความเข้มข้นไปจากเรื่องโรมานซ์ที่มีบริบทเป็นยุคปัจจุบัน

ความพิเศษของนิยายแนวทะลุมิติในปัจจุบัน รวมถึง Bon Appetit, Your Majesty นอกจากการกะเทาะใจของฝ่าบาทและการที่เราแอบเอาใจช่วยฝ่าบาทไม่ให้กลายเป็นทรราชย์ตามประวัติศาสตร์ไปแล้ว การทะลุมิติของเชฟยอน ยังเป็นเหมือนตัวแทนของคนดูในฐานะคนในโลกสมัยใหม่ ที่นำเอาความรู้ต่างๆ กลับไปเอาตัวรอดในบริบทโบราณ
นอกจากความสนุกแล้ว การย้อนกลับไปอดีต และการนำเอา ‘ความทันสมัย’ กลับไปเล่าใหม่ในบริบทโบราณ ยังมีความซับซ้อนในมิติของการเล่าประวัติศาสตร์ชาติของตนเอง การกลับไปยังห้วงเวลาประวัติศาสตร์ที่ดูจะเป็นบาดแผลคือการเล่าเรื่องยุคสมัยของความปั่นป่วน ของทรราชย์ ถูกนำกลับมาตีความใหม่โดยมีมุมมองจากคนในยุคปัจจุบัน กลับไปทำความเข้าใจ กระทั่งหวังว่าจะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์การนองเลือดได้
สิ่งที่แม่ครัวยอนนำกลับไปจึงมีทั้งความคิด ความเชื่อจากโลกยุคปัจจุบัน การที่ภาพราชสำนักโซชอนรวมถึงพระราชา ค่อยๆ เปลี่ยนจากดินแดนบ้านป่าเมืองเถื่อน การจับสตรีเข้าถวายตัวอย่างไร้เหตุผล การลงมือสังหารผู้คนอย่างไร้หัวใจ สิ่งที่แม่ครัวยอนพากลับไปคือค่านิยมใหม่ๆ ตัวตนของผู้หญิง รวมถึงพาเอาความรู้ไม่ว่าจะเป็นวิทยาการสมัยใหม่ไปยังโซชอน
ดังนั้น การทะลุมิติของเชฟหญิง จึงไม่ใช่แค่การจัดสำรับชั้นสูงแบบตะวันตก พาเอาวัฒนธรรมและอารยธรรมอาหารมีอารยะขึ้นสู่สำรับหลวงของพระราชาและเหล่าราชวงศ์ แต่สิ่งที่แม่ครัวยอนพาไปด้วยคือแนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชน แนวคิดเรื่องความสามารถและความหลากหลาย จากการปฏิวัติบนโต๊ะอาหาร การเปลี่ยนแปลงของภาษา ไปจนถึงค่านิยมโดยรวมที่ทำให้ราชสำนักที่หัวแม่ครัวดูแล ค่อยๆ ‘ศิวิไลซ์’ ขึ้น
อาหารคือหัวใจ ทั้งของผู้คนและของชาติ
เราพูดถึงความเป็นชาตินิยม ซึ่งอันที่จริง การส่งออกซอร์ฟพาวเวอร์ หลายส่วนคือการเล่าตัวตนและวัฒนธรรมส่งออกให้โลกสัมผัสได้ กรณีของ Bon Appetit, Your Majesty ถือเป็นอีกหนึ่งการปรุงที่ครบรสและน่าสนใจ รวมถึงมีการสอดแทรกความเป็นเกาหลีไว้ในบริบทเรื่องแนวอิเซไก และโรมานซ์แนวข้ามภพไว้ได้อย่างน่าสนใจ
อย่างแรกที่สุดคือการใช้อาหารเป็นหัวใจของเรื่อง ทำให้อาหารดูน่ากินจนแทบไม่น่าเชื่อ รวมถึงการใช้บริบทยุคโซชอนที่ทำให้การรังสรรค์อาหาร มีบริบทของความเป็นอาหารเกาหลี คือเป็นดินแดนเกาหลีโบราณ ก็ต้องฟิวชั่นความเป็นเกาหลีทั้งจากวัตถุดิบ และวัฒนธรรมอาหารอื่นๆ ของเกาหลีเอง ผสมผสานเข้ากับความรู้ต่างๆ ได้อย่างน่าประหลาดใจ อาหารทั้งหมดที่ถูกคิดขึ้นล้วนมีความเป็นเกาหลีและประวัติศาสตร์เกาหลีเป็นส่วนผสมหลักอยู่เสมอ
การมีอาหารเป็นหัวใจ ไม่ใช่แค่ระดับการเล่าเรื่อง แต่ตัวเรื่องเองพูดถึงความสามารถในการสัมผัสหัวใจของผู้คนด้วยอาหาร และการมองเห็นอาหารที่อยู่ในหัวใจ และชีวิตจิตใจของผู้คนของแม่ครัวยอน

ในแง่นี้ Bon Appetit, Your Majesty แท้จริงแล้วกำลังเล่าตัวตนของความเป็นเกาหลี ประวัติศาสตร์เกาหลี และวัฒนธรรมเกาหลีผ่านเมนูอาหารอันโอชะ ซึ่งภาพทั้งหมดนั้นยิ่งชัดเจนขึ้นในการใช้อาหารในการประลองกับอารยธรรมจีนอันยิ่งใหญ่
กลายเป็นว่าโซชอนที่ถือเป็นรัฐเล็กๆ กลับใช้วัฒนธรรมอาหารทั้งวัฒนธรรมดั้งเดิมของเกาหลีเอง ผสมผสานกับความรู้และวิทยาการจากโลกอนาคต ไม่ว่าจะเป็นพริกจากแดนตะวันตก วิธีการปรุงแบบฝรั่งเศส ไปจนถึงหม้อแรงดัน ที่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงและทำให้ดินแดนเล็กๆ มีชัยเหนืออาณาจักรหมิงอันยิ่งใหญ่ได้
กรณีความสำเร็จของ Bon Appetit, Your Majesty จึงถือเป็นอีกหนึ่งการกลับมาของพลังอำนาจทางวัฒนธรรมและการเล่าเรื่องของเกาหลีอีกครั้ง ทั้งการใช้สิ่งที่เราเข้าใจได้ทั้งเรื่องอาหารการกิน ความอร่อยน้ำลายสอ การใช้เรื่องแนวโรมานซ์ข้ามภพ และการปรุงเข้ากับบางแง่มุมทางประวัติศาสตร์ที่เราเองก็แทบไม่รู้จักไม่สนใจ เป็นอีกปรากฏการณ์ที่เหมือนยุคแดจังกึม ที่ทั้งเล่าถึงประวัติศาสตร์คนตัวเล็ก ความฝัน และการเติบโตของผู้หญิง
สุดท้าย เป็นความรู้สึกของผู้ชมที่ไม่อยากให้ซีรีส์จบ กระทั่งไม่อยากให้เรื่องความรักของฝ่าบาทที่เต็มไปด้วยบาดแผลหัวใจ จะจบอย่างไม่สมหวัง และขอให้ตับเราไม่พัง ขอให้รักสมหวังเหมือนนิยายโรมานซ์
อ้างอิงจาก