คุณอาจเคยผ่านตาข้อความทำนองนี้
“เฮ้ย มึงๆ กูมีเรื่องมาเล่าว่ะ คืองี้เว้ย คือไอ้ห่ามิตรแม่งโพสต์ภาพแฉเรื่องไอ้อ๋องที่แม่งโดนไอ้วิเชียรต่อยในห้องน้ำจนแพ้ร้องหยั่งกะหมาแล้วฟอร์มว่าจะเอาเลือดปากคนอื่น แล้วไอ้ห่ามิตรก็เลยลามปามไปดูถูกแก๊งเดชสมิงไว้ในเฟซบุ๊ก พองี้วันต่อๆ มา ไอ้มิตรเลยไปซัดไอ้อ๋องจนคิ้วแตกเลือดอาบหน้าเว้ย โหดว่ะ
ไอ้ห่ามิตรมันเลยจะรวมพลแก๊งโคทมิฬของแม่ง แถมด้วยกลุ่ม 13 แมวเซา แต่กลายเป็นว่าแม่งจะท้าดวลกันตัวๆ แทน ไอ้อ๋องเลยโพสต์แผนในเฟซว่าจะป้ายยาหม่องให้ท่วมมือแล้วกะจะทำฟอร์มเสียท่าเอายาหม่องป้ายตาไอ้มิตรมัน แต่แผนแตกเว้ย เพราะไอ้มิตรแม่งเสือกเห็นเฟซไอ้อ๋องก่อน ทีนี้ไอ้อ๋องมันเลยให้พี่ชื่อสุราษมาล้างแค้นไอ้วิเชียร วิเชียรโดนอัดคนเดียวเลยขอลาออกจากโคทมิฬ เรื่องแม่งเศร้างี้ สันติสุขที่หนีไปตอนวิเชียรโดนต่อยก็เลยตัดพ้อว่า มึงแค่เจ็บตัว แต่กูสิเจ็บใจ ที่ช่วยอะไรเพื่อนไม่ได้เลย แมนสราด
ตอนที่สองแก๊งเขาดราม่ากันอยู่ พี่โจ้แก๊งมังกรฟ้าก็บอกว่าอยากเจอพี่สุราษแบบตัวๆ คร้าบ! …แต่ก็แค่นี้แหละ เปิดตัวมาแล้วก็จบไป
ส่วนไอ้สันติสุขที่หนีไปไม่ช่วยเพื่อน สุดท้ายโดนแก๊งไล่ออก แพรวา ที่เป็นแฟนเลยออกมาร้องไห้หน้าเฟซขอให้มันล้างมือออกจากวงการ เรื่องมันก็ควรจะแฮปปี้ดูดีใช่มะ ปรากฏว่ามีจินตราออกมาโพสต์ด่าแพรวาเว้ย ว่านางรักเขาไม่จริง คือน้องจินตราเค้าไม่โอที่คนรักกันจะมาบังคับให้เลิกเป็นนักเลง น้องจินตราที่อยู่แก๊งโคทมิฬพร้อมจะดามใจพี่สันติสุขต่อ
จริงๆ เรื่องมันมีต่อด้วยนะ เพราะมันยังมีแก๊งหงส์ละลาย ที่มีสมาชิกชื่อศรันยูแต่เหมือนจะเคยอยู่โคทมิฬ แถมตอนนี้โคทมิฬก็เตรียมจะระดมพลสร้างแก๊งยุคที่สองต่อด้วย แม่งดราม่าสัดๆ”
เรื่องราวอันมันส์หยดต่อเนื่องทั้งหมดนี้คือเรื่องเล่าจากเพจง ‘นักเลงท่านหนึ่ง’ ที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลายคนติดตามกัน โด่งดังจนได้ลงเป็นข่าวเล็กๆ ในสื่อบางเจ้า อาจจะเพราะว่าเรื่องมันชวนลุ้นว่าการปะฉะดะของนักเลงรุ่นประถมจะจบลงแบบไหน จอน สโนว์จะตายหรือไม่… โอ๊ย ก่อนจะไปไกลกว่านั้น เราขอย้อนกลับสู่แก่นหลักของเรื่องนี้ว่า ความจริงแล้วอาจจะไม่มีแก๊งทั้งสี่เลยก็ได้
ความจริงแล้วอาจจะไม่มีแก๊งทั้งสี่เลยก็ได้
ทำไมน่ะเหรอ? ก่อนอื่นเลย ‘นักเลงท่านหนึ่ง’ ก็ไม่ได้เพิ่งมาเปิดตัวกันในช่วงเปิดเทอมสองของปีนี้หรอก เพจชื่อเดียวกันเคยเปิดตัวมาก่อนแล้วในช่วงเดือนตุลาคมปี 2015 ตอนนั้นมีคนติดตามกันระดับหนึ่ง ได้รับความสนใจอยู่บ้าง จนมีคนสร้าง Hashtag ขึ้นมาทั้งใน Facebook, Twitter จนทำให้เว็บข่าวสไตล์ Clickbait และเว็บข่าวที่อนุญาตให้ผู้เข้าชมทางบ้านโพสต์เรื่องขึ้นไปได้ต่างก็นำเสนอเรื่องนี้
จนกระทั่งแฟนเพจ ‘นักเลงท่านหนึ่ง’ ฉบับดั้งเดิมถูกปิดไป ส่วนสาเหตุนั้นก็มีคนอ้างว่าเพราะถูกรายงานหลายครั้ง หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไปจนย่างเข้าช่วงกลางปี 2016 แฟนเพจหลายเพจและเว็บไซต์เจ้าเดิมๆ ที่เคยโปรโมทเรื่องนี้มาก่อนได้หยิบยกเอาเรื่องราวของนักเลงฟันน้ำนมกลับมานำเสนออีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เรื่องราวดูจริงจังขึ้น แม้ความหนาแน่นของตัวละครจะไม่มากเท่ารอบก่อนก็ตาม แต่ก็เข้มข้นพอที่จะทำให้เราสามารถเขียนเรื่องราวและ Infographics แบบที่เห็นไปทางด้านบน
ในช่วงกระแสนักเลงฟันน้ำนมบูมรอบสองนี่เอง ที่สื่อมีชื่อบางเจ้าเริ่มกระโดดเข้ามาเล่นข่าวนี้ จนสมาชิกในสื่อสังคมออนไลน์บางท่านออกมาแสดงความเห็นว่า แรกเริ่มเดิมทีเพจ ‘นักเลงท่านหนึ่ง’ ได้ทำภาพขึ้นมาแค่ขำๆ แต่ในตอนนี้คนเริ่มคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงแล้ว
ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน นี้ เพจที่ใช้ชื่อว่า ‘นักเลงท่านหนึ่ง’ ก็มีอยู่ถึง 9 เพจแล้ว ถ้าจะนับรวมเพจข้างเคียง หรือที่เรียกว่าเพจ Side Story ก็พบว่ามีเพจในเครืออยู่ประมาณ 10-20 เพจได้ หรือจริงๆ แก๊งนักเรียนรุ่นจิ๋วเหล่านี้อาจจะเป็นไฮดร้าจำแลงที่ยิ่งปิดยิ่งกระจายหัวออกมามากขึ้น ต่างเพจก็พยายามสวมบทบาทจริงจัง จนเริ่มไม่แน่ใจว่าใครเป็นตัวจริงของใครกันแน่ แต่เมื่อติดตามเพจเหล่านั้นไป ก็จะพบว่าเพจที่รวมคำพูดสไตล์นักเลงหลายอันก็เปิดมาตั้งแต่ปี 2014 และตอนนั้นยังไม่มีตัวละครใดๆ รวมถึงยังไม่มีชื่อของแก๊งค์ทั้งสี่ด้วย
เพจที่ใช้ชื่อว่า ‘นักเลงท่านหนึ่ง’ ก็มีอยู่ถึง 9 เพจแล้ว
ถ้าจะนับรวมเพจข้างเคียง หรือที่เรียกว่าเพจ Side Story
ก็พบว่ามีเพจในเครืออยู่ประมาณ 10-20 เพจได้
เพราะฉะนั้นถ้าเอาแค่เรื่องราวความขัดแย้งของแก๊งทั้งสี่ ก็สามารถบอกได้คร่าวๆ ว่า แรกเริ่มเดิมทีคงเป็นเพียงแค่เรื่องในมโนเท่านั้น
ทีนี้เราลองมาดูรูปจากเนื้อเรื่องหลักที่หลายๆ คนแชร์กันไปดีกว่า ในรูปเหล่านั้นมีตัวละครอย่าง วิเชียร อ๋อง โจ้ และสุราษ ส่วนใหญ่ภาพตัวละครเหล่านี้ก็จะวนเป็นรูปเดิมๆ ส่วนรูปที่ไม่ซ้ำใครหลายๆ รูปก็มีท่าทีเป็นรูปเชิงกิจวัตรส่วนตัวอยู่ด้วย กระนั้นในกลุ่มรูปที่ถูกนำมารีรันโพสต์กันซ้ำๆ ก็มีอะไรน่าสังเกตอยู่สองสามรูป เริ่มกันที่รูปที่ถูกอ้างว่าเป็น สุราษ พี่ชายของวิเชียรที่ระบุชื่อ Facebook ชัดเจนจนเราสามารถไปไล่ตามอ่านไทม์ไลน์ของเท่าที่เจ้าตัวเปิดเผยไว้
สิ่งที่น่าสนใจจากไทม์ไลน์คงไม่ใช่เรื่องท้าตีต่อย แต่กลับเป็นประวัติการใช้ชีวิตและทำงานของชายที่ถูกอ้างว่าเป็น สุราษ นั้น วนเวียนอยู่ในจังหวัดเพชรบุรี ถ้าเรายึดตามไทม์ไลน์ที่ว่าสุราษสามารถไปซัดวิเชียรที่ทำร้ายน้องอ๋องได้ เรื่องราวการดวลนะหว่างแก๊งค์ทั้งสี่ ก็ควรจะวนเวียนอยู่ในเขตจังหวัดเพชรบุรีนั่นเอง
ทีนี้สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างอยู่ในภาพของ โจ้ หัวหน้าแก๊งมังกรฟ้า ที่ใส่ชุดนักเรียนจนเห็นอักษรย่อของโรงเรียนได้อย่างชัดเจนพอสมควร ด้วยพลังแห่ง Google ทำให้เราค้นคว้าเจอว่า… โรงเรียนของ โจ้ มังกรฟ้า เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดลำปาง
ลำปาง เมืองรถม้า หรือที่พี่โน้ส อุดม เคยบอกว่าเป็นเมืองหนาวมาก ตั้งอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทย ไกลจากจังหวัดเพชรบุรีที่อยู่ในภาคตะวันตก (หรือภาคกลางตอนล่าง) ราวๆ 750 กิโลเมตร Google (อีกแล้ว) บอกว่า หากเดินทางจากเมืองเพชรไปยังเขลางค์นครนั้น ต้องใช้เวลาราว 9 ชั่วโมง 26 นาที ถ้าโจ้ เป็นสมาชิกแก๊งจริงๆ โจ้ ก็ต้องเสียเวลาขนาดนั้นในการลงมาท้าต่อยกับ พี่สุราษ หรือ อ๋อง หรือถ้าพูดอีกแง่คือ กว่าโจ้จะไปถึง บางทีสมาชิกโคทมิฬอาจจะกลับบ้านไปรักษาบาดแผลกันหมดแล้ว
ด้วยเหตุข้างต้นนี้ เราก็พอสรุปได้ว่า เรื่องของโจ้ ไม่ใช่เรื่องจริงเป็นแน่ และถ้าเราย้อนกลับไปดู Facebook ของคนที่ถูกอ้างว่าเป็นพี่สุราษ ก็เหมือนจะมีเพื่อนๆ (ตัวจริง) มาแซวว่าตอนนี้ ชายหนุ่มหนวดงามท่านนั้นโดนเปลี่ยนชื่อเป็นสุราษ แล้วถ้าดูในรูปที่พี่สุราษไปกระชากของเสื้อวิเชียร ก็จะเห็นว่ามีรูปพรรณสันฐานแตกต่างจากรูปเดี่ยวๆ ของเจ้าตัว ส่วนรูปของสาวน้อยในเรื่องก็มีคนมาโพสต์ไว้ว่าจริงๆ เคยถูกนำไปตัดต่อกับข้อความอื่นด้วยเช่นกัน (ไม่ปรากฎชัดเจนว่าตัดต่อมาก่อนหรือหลังกระแสนักเลงวัยประถม)
แล้วเรื่องนี้มีความจริงอะไรอยู่บ้างไหม?
ในฐานะนักเผือกที่ดี เราลองไปค้นโปรไฟล์ Facebook หลายๆ คน ที่ปรากฎชื่อขึ้นในภาพที่ถูกแชร์มาหลายต่อ ก็พบว่า ส่วนหนึ่งของคนที่มีชื่อปรากฎอยู่เป็นผู้ใช้งาน Facebook แบบที่รับกดไลค์ตามแฟนเพจต่างๆ จึงมีความเป็นไปได้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งพยายามสร้างยอด Like ให้กับเรื่องราวที่พวกเขาสร้างขึ้น
และอีกส่วนหนึ่งคือผู้ที่ถูกอ้างถึงในเรื่องราวข้างต้น กลุ่มหนึ่งลงประวัติไว้ว่าอาศัยอยู่ในจังหวัดเพชรบุรี อันเป็นจังหวัดเดียวกับคุณคนที่ถูกอ้างว่าเป็น สุราษ และส่วนใหญ่ที่มีชื่อปรากฎอยู่ก็ไม่ได้อยู่ในวัยประถมเท่าใดนัก ออกจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นมัธยมปลายมากกว่า และก็ไม่แปลกที่วัยรุ่นในวัยนั้นจะชอบรวมกลุ่มกัน หลายคนอาจจะกระทบกระทั่งกันจนเกิดการท้าทายทางวาจาบ้าง ทางตัวอักษรบ้าง มีไว้อาลัยเพื่อนบ้าง ถ้าเราจะสรุปแบบเบาๆ ก็พอบอกได้ว่าพวกเขามีเรื่องกันบ้างจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ในฐานะ โคทมิฬ หงส์ละลาย มังกรฟ้า หรือแม้แต่เดชสมิง
พวกเขามีเรื่องกันบ้างจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ในฐานะ
โคทมิฬ หงส์ละลาย มังกรฟ้า หรือแม้แต่เดชสมิง
ในทางกลับกันก็ใช่ว่าจะไม่มีใครใช้ชื่อแก๊งแบบนี้เลยเสียทีเดียว เพียงแต่ในส่วนที่สามารถสืบค้นจากโลกอินเทอร์เน็ตได้ เราก็ไม่แน่ใจนักว่ากลุ่มแก๊งที่ชื่อตรงกับ 4 ชื่อข้างต้นนั้น ถูกตั้งขึ้นมาก่อนหรือหลังการเปิดเพจ ‘นักเลงท่านหนึ่ง’ หรืออีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ อาจมีคนพยายามขยายเรื่องราวของจักรวาลนักเลงท่านหนึ่งให้กลายเป็น Cinematic Universe แข่งขันกับทาง Marvel หรือ DC ก็เป็นได้
ทั้งนี้เรื่องราวของซีรีส์นักเลงวัยประถมอาจจะสนุกเร้าใจจริงๆ (เราก็ชอบนะ… ดูมีที่มาที่ไป) แต่การนำรูปมาสานเข้ากับเรื่องราวที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง อาจจะเป็นการกระทำความผิดต่อประมวลกฎหมายอาญาฐานหมิ่นประมาท มาตรา 326 มาตรา 328 และมาตรา 326 และยิ่งเป็นการนำเสนอภาพของเด็กและเยาวชนก็อาจจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กตามมาตรา 27 อีกด้วย
สนุกได้ แต่ก็ต้องรักษากาลเทศะและเคารพกฎหมายกันด้วยนะ
อ้างอิงข้อมูลจาก
แฟนเพจ นักเลงท่านหนึ่ง 1, 2, 3, 4, 5, 6 , 7, 8, 9