จากเหตุการณ์ในโลกอินเทอร์เน็ตที่ผ่านมาทำให้ทาง The MATTER มีโอกาสได้พูดถึงเรื่องหนังสือการ์ตูนลิขสิทธิ์ในไทยอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแวะเวียนนำสาระจากงานเสวนาและสัมนา ที่หยิบยกสาระจากการ์ตูนมาบอกเล่า พูดถึงการ์ตูนที่น่าสนใจ พูดคุยเรื่องราวความเป็นไปของวงการในปัจจุบัน หรือการคุยกับนักเขียนการ์ตูนไทย เป็นอาทิ
ครั้งนี้เราก็ยังคงจะพูดคุยกันถึงเรื่องการ์ตูนลิขสิทธิ์ในไทยกันอยู่ครับ แต่เราจะไปพูดคุยกับทางสำนักพิมพ์การ์ตูนลิขสิทธิ์ในไทยกัน ว่าพวกเขาคิดเห็นอะไรในสภาวะยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน หลายการ์ตูนดังเริ่มจบลง ผู้อ่านเปลี่ยนพฤติกรรม และที่สำคัญก็คือ พวกเขา ‘ยอมแพ้แล้วหรือยัง’ กับการทำงานบนเส้นทางนี้
ท่านที่ให้เกียรติมาร่วมพูดคุยในครั้งนี้คือ ณัฎฐ์ธรณ์ ทวีมงคลสวัสดิ์ ตัวแทนจากฝ่ายการตลาดของสำนักพิมพ์ รักพิมพ์ (Luckpim) แม้ว่าจะเป็นสำนักพิมพ์หน้าใหม่สำหรับนักอ่านวัยยี่สิบกลางๆ ขึ้นไป แต่การที่พวกเขาจับการ์ตูนดังทันยุคหลายเรื่องมาจำหน่าย ก็จนครองใจเด็กยุคใหม่ได้ไม่น้อย ทั้งยังรับช่วงต่อลิขสิทธิ์จากทางสำนักพิมพ์รุ่นเดอะอย่างวิบูลย์กิจอยู่หลายเรื่อง รวมถึงตัวสำนักพิมพ์เองก็กำลังจะครบรอบ 10 ปี ทำให้เราคิดว่านี่ถือเป็นโอกาสอันเหมาะแล้วที่จะเข้าไปพูดคุยกับเขา
The MATTER : รบกวนแนะนำความเป็นที่มาที่ไปของ รักพิมพ์ ให้กับผู้อ่านที่ไม่คุ้นเคยสักเล็กน้อย?
ณัฎฐ์ธรณ์ : สำนักพิมพ์รักพิมพ์เกิดจากการรวมตัวของผู้ชํานาญการด้านการ์ตูน โดยมีแนวคิดในการผลิตผลงานด้วยการคิดถึงความต้องการของผู้อ่านเป็นหลัก ผู้อ่านต้องการอ่านเรื่องราวแบบไหน ผู้อ่านต้องการหนังสือรูปเล่มแบบไหน เราพยายามคิดและสร้างสรรค์ผลงานให้หนังสือดีมีคุณภาพมากที่สุดครับ ซึ่งถ้านับจากวันที่เปิดตัวในปี 2006 จนถึงวันนี้ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 แล้วครับ
The MATTER : สำหรับทางสำนักพิมพ์แล้วผลงานเด่นที่ทำให้หลายคนจดจำได้คือเรื่องไหน?
ณัฎฐ์ธรณ์ : ถ้าหากพูดถึงจุดเด่นของสำนักพิมพ์เรา ก็จะเป็นผลงานที่ตอบสนองกับผู้อ่านหลากหลายกลุ่มทั้งชายและหญิง ด้วยเนื้อหาที่หลากหลายแนว ทั้งแบบเฉพาะกลุ่ม ทั้งสายหลัก ทั้งแนวเรื่องแบบดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี คอมเมดี้ โรแมนติก ทำให้สามารถเลือกอ่านได้ง่ายครับ โดยหนังสือที่เราผลิตออกมาจะมีทั้งสองแบบคือ light novel และ หนังสือการ์ตูน
ซึ่งในส่วนของไลต์โนเวล (light novel) เรื่องที่คนอ่านในปัจจุบันจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ก็เช่น Date A Live หรือ Clockwork Planet ส่วนของหนังสือการ์ตูนก็ มีหลากหลายมาก ถ้าในปัจจุบันที่เป็นกระแสหน่อย และคนพูดถึงกันเยอะก็คงไม่พ้น โคตรเซียนโรงเรียนพนัน, เกิดใหม่ทั้งที เป็นสไลม์ไปซะแล้ว, และเจ้าสาวผมแดงกับจอมเวทอสูร
The MATTER : แล้วคิดว่านักอ่านหน้าเก่า (อายุ 25 ปีขึ้นไป) ประเมินสำนักพิมพ์ที่ถือว่าเป็นเจ้าใหม่สำหรับพวกเขาอย่างไรบ้าง?
ณัฎฐ์ธรณ์ : ถ้าเป็นนักอ่านหน้าเก่า ในช่วงแรกๆ เชื่อว่าถ้าพูดถึงรักพิมพ์ อาจจะยังไม่ค่อยรู้จักกันหรอกครับ (หัวเราะ) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแนวเรื่องที่ทางรักพิมพ์นำเสนอจะค่อนข้างเฉพาะกลุ่มมากๆ ยังไม่หลากหลายเท่าที่ควร ประกอบกับซีรีส์ของนักเขียนที่ดังเอามากๆ และมีอิทธิพลต่อคนอ่านการ์ตูน อย่างเช่น วันพีช ดราก้อนบอล และนารูโตะ ที่ผลงานอยู่ไปกับทางสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ จึงไม่แปลกที่จะเป็นที่จดจำมากกว่าน่ะครับ แต่พอช่วงหลัง รักพิมพ์เองก็เริ่มมีงานสายหลักมาบ้าง เลยทำให้คนอ่านรุ่นเก่าเริ่มจดจำได้มากขึ้นครับ
The MATTER : นักอ่านหลายท่านมองว่า E-Book คือทางออกของสำนักพิมพ์ คิดว่าแนวทางนี้เป็นจริงหรือไม่?
ณัฎฐ์ธรณ์ : ถ้าบอกว่า E-book เป็นทางออกหนึ่ง ผมว่าใช่ แต่ไม่ทั้งหมดครับ เพราะอย่างแรกเลย เราต้องยอมรับครับว่า นักอ่านส่วนหนึ่งยังแยกไม่ออกระหว่างเว็บสแกนกับร้านหนังสือ E-book เมื่อเขาแยกไม่ออกและไม่เข้าใจ เขาจะเริ่มตั้งคำถามว่า “ก็อ่านได้ในเน็ตเหมือนกัน ทำไมต้องเสียเงินล่ะ”
ปัญหาตรงนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องปรับตัวและช่วยเหลือกันหมด ไม่ว่าจะร้านค้า ผู้อ่าน หรือผู้ผลิตเองก็ต้องปรับตัวอย่างมาก ทั้งด้านการผลิตแล้วก็ด้านการตลาด เพราะต้องเข้าใจว่า ในปัจจุบันกลุ่มผู้อ่านส่วนหนึ่งมองว่าการอ่านหนังสือการ์ตูนไม่ใช่งานอดิเรกหลักอีกต่อไป มันมีอะไรให้ทำมากกว่านั้น เช่น การฟังเพลง เล่นดนตรี เที่ยวห้าง ปาร์ตี้สังสรรค์ต่างๆ การเล่มเกมออนไลน์หรือเกมมือถือ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้คนห่างจากหนังสือการ์ตูนมากไปอีก ยิ่งมีการละเมิดลิขสิทธิ์ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครับ มันส่งผลจริง ไม่ต้องแค่ที่ไทยครับ ที่ญี่ปุ่นเองก็เริ่มแสดงให้เห็นเด่นชัดขึ้นเช่นกัน
สิ่งที่เราต้องทำคือการรณรงค์ให้ความรู้เรื่องลิขสิทธิ์ควบคู่ไปกับการแสดงให้เห็นถึงบทลงโทษสำหรับการละเมิดลิขสิทธิ์ครับ ปัญหาตรงนี้ต้องช่วยกันทุกฝ่ายทั้งผู้ผลิตและผู้อ่าน มันถึงจะสามารถแก้ไขได้
The MATER : การเข้ามาของแอพพลิเคชั่นการ์ตูนออนไลน์แบบถูกลิขสิทธิ์หลายเจ้า ทำให้สำนักพิมพ์ในไทยต้องเปลี่ยนแปลงการทำงานของตัวเองด้วยหรือไม่?
ณัฎฐ์ธรณ์ : ในส่วนของการทำงานฝั่งผมก็ต้องจริงจังมากยิ่งขึ้นไปอีกน่ะครับ เพื่อให้คนอ่านยังคงซื้อหนังสือเล่มต่อไปมากขึ้น เพราะในเมื่ออ่านแบบออนไลน์กัน แล้วทำไงถึงจะยอมซื้อเล่มเก็บกัน ก็ต้องทำรูปเล่มให้มีคุณภาพเพื่อเก็บสะสมกันมากขึ้นครับ คนทำงานต้องใส่ใจในคุณภาพยิ่งๆ ขึ้นไปครับ
ผมยังมองว่า มันยังไม่ได้ถึงทางตัน มันยังไปต่อได้ แต่ทั้งนี้ก็ย้ำคำเดิมแหละครับ การ์ตูนลิขสิทธิ์จะไปต่อได้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายทุกคน ผมเชื่อเราผ่านมันไปได้แน่นอนครับ
The MATTER : จากเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ยอมแพ้กับการขายการ์ตูนลิขสิทธิ์แล้วหรือยัง?
ณัฎฐ์ธรณ์ : บอกได้เลยครับว่ายังไม่ยอมหรอกครับ เพราะผมยังมองว่า มันยังไม่ได้ถึงทางตัน มันยังไปต่อได้ แต่ทั้งนี้ก็ย้ำคำเดิมแหละครับ การ์ตูนลิขสิทธิ์จะไปต่อได้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายทุกคน ผมเชื่อเราผ่านมันไปได้แน่นอนครับ