ผู้ชายเป็นเสือ ผู้หญิงเป็นกวาง
ใช่สิ เป็นผู้หญิงต้องเรียบร้อย เราสวย อยู่เฉยๆ นั่งรอให้หนุ่มๆ ทั้งหลายเข้ามาหา
แต่ว่าก็ รอร้อรอ ไม่เห็นจะมีเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายเข้ามาหา มาจีบ มารุกเราบ้างซักที รอจนแห้งเหี่ยว จนเพื่อนถามแล้วถามอีก ญาติถามแล้วอีกว่า ‘มีแฟนรึยัง’ ถูกถามทีก็บาดหัวใจ แฟนก็อยากมี แต่จะให้ไปรุกชาวบ้านก็ทำไม่ได้ปะ น่าเกลียด
เราอยู่ในโลกที่บางเรื่องก็ยังเชยๆ อยู่ เช่นในความสัมพันธ์ของชายหญิง เรามักมีภาพกว้างๆ ว่าผู้ชายเป็นเสือ ผู้หญิงเป็นกวาง ในภาพแบบนี้มันแสดงถึงค่านิยมว่า เอ้อ ผู้ชายจะต้องเป็นฝ่ายรุก(active) ส่วนผู้หญิงเป็นฝ่ายรอ(passive) ภาพที่สังคมวางให้ก็อาจจะรู้สึกว่า ก็นี่ไงมีค่า สูงๆ สวยๆ ฝ่ายชายต้องเป็นฝ่ายมาหา
ก็ถ้าสูง สวย อยู่บนคาน ไปมันก็เศร้าๆ หน่อยเนอะ
ในทัศนะของแนวคิดแบบเฟมินิสต์หน่อยๆ ก็เลยบอกว่า ไอ้ความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์กับผู้หญิง เพราะมันให้อำนาจกับผู้ชาย ให้ผู้ชาย ‘เริ่ม’ และ เลือก’ ก่อนและบังคับให้ผู้หญิงต้อง ‘รักนวลสงวนตัว’ และอยู่เฉยๆ รอการ ‘เข้ามา’ ของอีกฝ่าย – ดังนั้นถ้าไม่มีใครเริ่ม ความซวยก็มาเยือนทันที ต้องไปตั้งกระทู้ถามว่า ‘จีบผู้ชายก่อนทำยังไงไม่ให้น่าเกลียดคะ’
ถึงจะเป็นยุคใหม่แล้ว ด้วยความที่เป็นผู้หญิงก็ต้องมีชั้นเชิง โลกดิจิตัลและพลังของเทคโนโลยีทำให้สาวๆ สามารถ ‘รุกอย่างไม่น่าเกลียด’ ด้วยพลังของโซเชียลมีเดียร์ เช่น Facebook หรือ Instagram สาวๆ สามารถสืบสาวข้อมูลของอีกฝ่าย แถมยังสามารถ ‘สื่อสาร’ – แฝงข้อมูลบางอย่างโดยที่ไม่ต้องเปิดเผยหรือไปบอกกับหนุ่มๆ โดยตรง…แบบโพสลอยๆ ไม่ได้บอกใครโดยตรงนะ
อำนาจโฉ่งฉ่างปะทะความล้ำลึก ปัญหาจากเรื่องทาง ‘กายภาพ’
‘ความสัมพันธ์เชิงอำนาจ’ เป็นคำวิชาการฟังดูยาก พูดง่ายๆ คือนักคิดพยายามชี้ให้เห็นว่าสังคมวางเพศสองเพศไว้ไม่เท่ากัน ถึงได้มีคำพูดว่าเกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก โลกอยากให้เธอมีแฟนแต่ในขณะเดียวกันก็บอกว่าห้ามเธอเป็นฝ่ายเริ่มทำเรื่องต่างๆ ก่อน ต้องรอ ในขณะที่ฝ่ายชายก็ทำตัวได้ตามสบาย จะโสด จะมีแฟน แถมบางทีสาวเยอะคนก็ดันชื่นชมอีกแน่ะ สบายทั้งขึ้นทั้งล่อง
นิทานเป็นตัวอย่างที่ มอบ ‘ความควรจะ’ เป็นของสองเพศได้ค่อนข้างชัดเจน เด็กคนไหนก็อ่านนิทาน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่ต่างก็มีเจ้าหญิงเป็นไอดอล แต่เจ้าหญิงคลาสสิกทั้งหลายทำอะไรเป็นบ้างนอกจากสวย ทำตัวอ่อนแอแล้วรอเจ้าชายมาช่วยไปวันๆ โครงสร้างของนิทานเก่าๆ จึงผูกติดกับเรื่องตำแหน่งของชายหญิงอยู่มาก ผู้ชายเป็นฝ่ายไปช่วย ผู้หญิงนอนรอ แล้วก็จบลงด้วยการแต่งงาน สุขสันต์ไปจนวันตาย บ๊ายบาย
การวางบทบาททางเพศที่ให้ผลประโยชน์กับอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้มาจากแค่นิทาน แต่มันเป็น ‘มุมมอง’ ที่เกี่ยวข้องกับแทบทุกด้านในชีวิต ด้านที่สำคัญที่สุดคือจากมุมมองทางวิทยาศาสตร์-ชีววิทยา ก็คือบอกว่า นี่ไง เพราะผู้ชายเป็นเพศที่แข็งแรงกว่า มีกล้ามเนื้อมากกว่า ก็ต้องรับหน้าที่ออกไปนอกบ้าน ไปทำนู่นทำนี่ เป็นผู้ปกป้องเธอไง ส่วนผู้หญิงเธออ่อนแอไง นู่นนิดนี่หน่อยก็เป็นลมแล้ว ก็อยู่กับบ้าน ดูแลบ้าน เลี้ยงลูกไป
‘รื้อ’ และคิดใหม่จากคู่ตรงข้ามของชาย-หญิง
ด้วยความเป็นแค่ ‘มุมมอง’ นักคิดสายเฟมินิสต์โดยเฉพาะคลื่นลูกที่สามก็พยายาม ‘รื้อ’ ว่า สิ่งที่ดูเป็นสัจธรรมว่าผู้ชายเข้มแข็ง ผู้หญิงอ่อนแอ ผู้ชายใช้เหตุผล ผู้หญิงใช้อารมณ์ ที่นำไปสู่การแบ่งว่าผู้ชายเป็นฝ่ายรุก ผู้หญิงเป็นฝ่ายรับมันเป็นแค่ ‘มุมมอง’ มุมมองหนึ่งเท่านั้น เราจะลองกลับมุมมองนี้ได้มั้ยนะ
เรื่องความแข็งแกร่งของผู้ชายที่มากกว่าผู้หญิง หนึ่งในข้อขบคิดสำคัญคือ จริงเรอะที่ผู้ชายแกร่งกว่าผู้หญิง ในแง่ของความอดทน ผู้หญิงที่มีภาระในการคลอดและเลี้ยงดูลูกได้ ตรงนี้ก็ดูจะเป็นสิ่งที่ยืนยันความสตรองค์ของผู้หญิงได้เป็นอย่างดี
ในทางชีววิทยา- ทะลึ่งนิดหน่อย คือในกระบวนการเจริญพันธุ์ เรามองว่าผู้ชายเป็นฝ่ายแอคทีฟ เพราะแน่ล่ะเจ้าอสุจิน้อยๆ มันวิ่งไปวิ่งมาได้ ส่วนไข่ก็อยู่เฉยๆ รอให้ลูกๆ ของฝ่ายชายชอนไชเข้าไป – หลายคนคงบอกว่า นี่ไง ผู้ชาย active ผู้หญิง passive จริงๆ
แต่มีงานศึกษาพบว่า เจ้าไข่ ของฝ่ายหญิง – แน่ล่ะ ฝูงอสุจิจำนวนมากเข้าไปในพื้นที่ของผู้หญิง นักวิจัยบอกว่าโดยกระบวนการแล้ว เจ้าไข่ที่อยู่นิ่งๆ นี่แหละ เป็นฝ่ายที่ควบคุมและคัดเลือกอสุจิของมันเอง
จริงอยู่ที่ผู้หญิงถูกสังคมห้ามโน่นห้ามนี่ แต่ลองนึกภาพใครก็ตามที่ต้องถูกควบคุมและรอดชีวิตมาได้โดยตลอด สิ่งที่พวกที่พวกเธอคือ ‘อำนาจที่ล้ำลึก’ เพราะแน่ล่ะพวกเธอไม่ได้กระโตกกระตากเหมือนเหล่าเสือ ที่กล้ามโต นึกจะซัดก็ซัด นึกจะลุยก็ลุย แต่สำหรับสาวๆ แล้ว เธอต้องการการรุกในเชิงรับ หมากกลของเหล่ามือสังหารย่อมซับซ้อน ชาญฉลาดและปลิดชีพหวังผลได้มากกว่าเหล่านักรบ
จะว่าไป เราต่างในยุคสมัยใหม่แล้ว ความเหลื่อมล้ำหรืออคติทางเพศที่มีมาเป็นร้อยปีอย่างการแยกว่าฝ่ายหนึ่งต้องเป็นแบบหนึ่ง กับอีกฝ่ายต้องเป็นอีกแบบก็ออกจะเชยไปหน่อย ของแบบนี้ก็แล้วแต่สถานการณ์ เริ่มก่อนบ้าง รอเธอบ้าง ก็แล้วแต่
แต่สำหรับหนุ่มๆ เองก็ต้องอย่าลืมว่า เรา ไม่ได้เป็นฝ่ายเดียวที่มี ‘เขี้ยวเล็บ’ เพราะเหล่าสาวน้อยทั้งหลายเอง ก็ต่างมีวิธีการที่จะ ‘ทำให้คุณจีบก่อน’ แถมเป็นค่ายกลที่แสนล้ำลึกเพราะทำให้คิดไปว่าพี่เสือกำลังออกล่าเหยื่อเอง พอรู้ตัวอีกที จากพี่เสือ ก็ตกอยู่ในอาคมและกลายร่างเป็นลูกแมวไปเรียบร้อยแล้ว – แต่ก็ไม่เป็นไรเนอะ เพราะว่ารักไปแล้ว