เชือกสีแดงตัดกับผิวยิ่งเน้นให้ส่วนที่ถูกพันธนาการเด่นชัดขึ้นมา แม้ในจะเห็นว่าอิสระกำลังค่อยๆ เลือนลางไปตามเส้นสีแดงที่พันรอบไปเรื่อยๆ แต่ในใจกลับไม่โหยหามันเลยสักนิด มิหนำซ้ำกลับถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นล้นปรี่ หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ แล้วเราจะตอบสนองยังไง ในเมื่อถูกมัดแน่นไว้แบบนี้ จากที่คิดว่าเชือกสีแดงที่พันแน่นนั้นจะเป็นพันธนาการเดียว เมื่อผ้าสีดำสนิททาบทับดวงตาจนมองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง อึดใจนั้นเองที่ได้รู้ว่าการตกอยู่ในพันธนาการที่แท้จริงเป็นอย่างไร
หลายคนอาจเคยคิดว่าความวาบหวามจะเกิดขึ้นจากการสัมผัสส่วนอ่อนไหว มือทั้งสองปัดป่ายไปบนร่างกายกันและกันได้ดังใจ เพื่อเร่งเร้าอารมณ์ให้ร้อนแรง แต่หากได้ลองตกอยู่ในพันธนาการ ไร้ซึ่งอิสระจะขยับไปไหน แค่ประคองตัวให้ลุกยังไม่ได้ สิ่งนี้ก็สามารถมอบความเสวซ่านได้ไม่แพ้กัน เราจึงได้เห็นการพันธนาการกลายมาเป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่เพิ่มสีสันให้กับเซ็กซ์ ซึ่งเจ้าสิ่งนี้อยู่ภายใต้ความชอบเฉพาะทางอย่าง BDSM ด้วยนั่นเอง
มาทำความเข้าใจ BDSM แบบฉบับรวบรัด พอให้เห็นคำศัพท์แล้วไม่งงจนเกินไป สิ่งนี้คือกิจกรรมทางเพศในแบบที่มีอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง มีฝั่งกุมอำนาจ เป็นคนคุมเกมคอยกำหนดทิศทางของกิจกรรม และฝั่งยอมจำนน ที่เต็มใจจะถูกควบคุมและถูกกระทำไปตามคำสั่ง ฟังดูโหดอยู่ไม่น้อย งั้นเราขอขีดเส้นใต้ไว้หลายๆ เส้นเลยว่า ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย คำนึงถึงความเต็มใจและความปลอดภัยเป็นหลัก โดยคำนี้ ซ่อนองค์ประกอบของกิจกรรมไว้ ดังนี้
- B – Bondage พันธนาการ
- D – Discipline การลงโทษ
- S – Sadism ความสุขจากการได้ควบคุม ได้กระทำ คนอื่น
- M – Masochism ความสุขจากการถูกควบคุม ถูกกระทำ
ถามว่าคนที่ชอบ BDSM เนี่ย เขาทำอะไรกันบ้าง บอกเลยว่าต้องหาเวลาว่างสักหลายวัน เพราะจักรวาลนี้มันกว้างงงงงงกว่าที่คิด หากใครสนใจ สามารถอ่านเรื่องราวของ BDSM อย่างละเอียดได้ที่ ด้วยรักและปลอกคอ : สำรวจและเรียนรู้โลกของ BDSM ไปกับ ‘Love and Leashes’ (thematter.co) ส่วนที่พูดถึงในวันนี้ จะเป็นเรื่องของพันธนาการเท่านั้น
หากย้อนกลับไปดูที่คำย่อของ BDSM คำว่า Bondage พันธนาการ โผล่มาเป็นองค์ประกอบแรกของเรื่องนี้ ยิ่งย้ำเตือนว่าพันธนาการนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงถึงอำนาจระหว่างฝั่งกุมอำนาจและฝั่งยอมจำนน ว่าอีกฝ่ายนั้นได้มอบอิสระที่ตัวเองมีให้กับฝั่งกุมอำนาจไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจะเดินทางเข้าสู่การลงทัณฑ์ คำสั่ง ที่ฝ่ายกุมอำนาจวางไว้
หลายคนอาจเคยเห็นการมัดผ่านตากันมาบ้าง อย่างการมัดที่สวยงามอย่าง ‘ชิบาริ (Shibari)’ รูปแบบการมัดของญี่ปุ่นที่อาศัยความปราณีต ในการจัดรูปแบบให้เชือกทาบทับบนตัวผู้ถูกมัดอย่างสวยงามแต่ยังคงขนัดแน่นจนไร้อิสรภาพ แต่การมัดใน BDSM ไม่ได้มีเพียงรูปแบบนี้เท่านั้น มีทั้งแบบตั้งใจมัดอย่างสวยงาม ผูกโยงกับผนัง ฝ้า ให้ตัวลอยสูงขึ้น ไปจนถึงการมัดแบบธรรมดาๆ อย่างการใช้กุญแจมือ เชือก สายไฟ เทป หรืออะไรก็ตามที่พอจะหาได้ ก็นับว่าอยู่ในการพันธนาการทั้งหมด
ทำไมเราถึงอยากสิ้นไร้อิสระ
เซ็กซ์ที่เร่าร้อน เร่งเร้า อาจเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เพราะเราก็อาจเบื่อความหวานฉ่ำจากวานิลลาเซ็กซ์ในสักวัน แต่การรัดรึงตรึงแน่นจนขยับกายไม่ได้ดั่งใจล่ะ มันช่วยให้เราเรารู้สึกเซ็กซี่ยังไง แล้วทำไมคนเราอยากตกอยู่ในสถานะสิ้นไร้อิสระแบบนั้นกัน?
เรื่องนี้ดูเหมือนจะกลับไปสู่รากของมันอย่าง BDSM อีกครั้ง งานวิจัยในหัวข้อ Bondage-Discipline, Dominance-Submission and Sadomasochism (BDSM) From an Integrative Biopsychosocial Perspective: A Systematic Review ตีพิมพ์เมื่อปี 2019 ได้กล่าวถึงที่มาของความสุขสมใน BDSM ไว้ว่า เมื่อสมองได้รับรู้ความเจ็บปวดที่ผูกโยงอยู่กับระบบให้รางวัล (reward systems) ทำให้ผู้คนกลับมีความสุขในเซ็กซ์ที่รุนแรงได้ เนื่องจากความสุขและความเจ็บปวดอาจกระตุ้นสมองส่วนเดียวกัน และยิ่งถูกฝึกให้เคยชินว่าทั้งสองสิ่งนี้คือสิ่งเดียวกัน จะยิ่งทำให้เคยชินว่าความเจ็บปวดจะนำมาซึ่งความสุขเสมอนั่นเอง
ทีนี้ เมื่อเราไม่ได้เกรงกลัวที่จะต้องเจ็บปวดในการมีเซ็กซ์อีกต่อไป เพราะเราอาจเจอแล้วว่า นี่แหละคือเซ็กซ์แบบที่ชอบ ได้เจอคนที่มีความสุขในแบบเดียวกัน ไปจนถึงคนที่ไว้ใจกันมากพอที่จะให้เราตกอยู่ในพันธนาการของเขาได้ โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ เพราะใน BDSM การถูกมัดตรึงมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรม พอเชือกได้ทาบทับร่างกาย นั่นเป็นสัญญาณว่าเกมรักได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อเรามอบอิสระทั้งหมดให้กับผู้กุมอำนาจ
การตกอยู่ในพันธนาการ เมื่อสิ้นไร้อิสระแล้ว หากมองจากมุมคนนอกอาจรู้สึกว่าสิ่งนี้มันช่างอึดอัดใจ ซ้ำร้าย บางครั้งอาจถูกปิดตา ดับสิ้นการรับรู้อีกทาง จะถูกทำอะไรบ้างก็ไม่อาจรู้ได้เลย แต่ในอีกมุมหนึ่ง การที่เราทำเลือกทำอะไรไม่ได้เลยหรือเหลือหนทางในการตอบสนองอยู่เพียงแค่ไม่กี่ทาง นั่นหมายความว่าเราไม่ต้องเลือกอะไรเลยไงล่ะ นอกจากปล่อยใจจอย ไม่ต้องตัดสินใจ ไม่ต้องมีตัวเลือก ไม่ต้องกลัวว่าแบบไหนจะดีกว่ากัน เลือกไปตามสัญชาตญาณ หรือตามที่ผู้กุมอำนาจจะคอยลิดรอนทางเลือก ให้เราเลือกแต่ตัวเลือกที่เขามอบให้นั่นเอง
พอเราได้ละทิ้งความรับผิดชอบในตัวเลือกอย่างที่เคยมี ละทิ้งการควบคุมอารมณ์ ร่างกาย ให้เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม เรายิ่งได้ปลดปล่อยความต้องการลึกๆ ในใจ ให้ร่างกายได้สุขสมกับสถานการณ์ที่เราเหลือเพียงตัวเลือกเดียว คือปลดปล่อยความต้องการของตัวเองออกมา เสียงร่ำร้องขอความเห็นใจ แปรเปลี่ยนเป็นเสียงแห่งความสุขสมในสัณชาตญาณดิบของเราเอง เมื่อถึงจุดนั้น เราจะยิ่งรู้จักร่างกายตัวเองมากขึ้น และสร้างสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฝ่ายกุมอำนาจด้วยรูปแบบความสัมพันธ์ที่ไม่อาจหาได้กับทุกคน
นอกจากนี้ ยังช่วยให้เราก้าวข้ามความกลัวที่เราเคยมี เราอาจกลัวเมื่อไร้อิสระ กลัวที่ไม่สามารถมองเห็นว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น กลัวที่จะไม่สามารถมีตัวเลือกใดให้ตัวเองในยามคับขันได้ แต่การรัดรึงใน BDSM จะมอบทุกความกลัวที่เราเคยมี ความสิ้นไร้หนทาง จำต้องเดินไปตามเกมของผู้กุมอำนาจ แต่เมื่อเราจนตรอกจนถึงที่สุดแล้ว เราจะได้รู้ว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง และนั่นก็เป็นประสบการณ์ที่เราไม่อาจหาได้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวันเช่นกัน
การได้ตกอยู่ใต้พันธนาการสำหรับบางคน อาจเป็นเพียงความตื่นเต้นในตอนต้น ที่หวังเพียงอยากเพิ่มลูกเล่นให้กับเซ็กซ์แบบเดิมๆ แต่เมื่อได้ลองเข้าสู่กิจกรรมที่เกี่ยวพันถึงอำนาจอย่าง BDSM แล้ว ผู้ยอมจำนนรู้ดีว่าการถูกรัดรึง เป็นสัญญาณถึงความสุขจากความเจ็บปวด ไร้หนทาง ที่กำลังรออยู่ข้างหน้า และจะยอมมอบอิสระให้ผู้กุมอำนาจทุกครั้งที่เขาต้องการ เพราะรางวัลที่อยู่เบื้องหลังความเจ็บปวดนั้นช่างหอมหวานเสียเหลือเกิน
รัดรึงตรึงร่างกายอย่างไรให้ปลอดภัย?
เมื่อกิจกรรมนี้มันอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างความตื่นเต้นและอันตราย การคำนึงถึงความปลอดภัยโดยเฉพาะฝ่ายที่ตกอยู่ใต้อำนาจจึงเป็นสิ่งสำคัญ และแทบจะเป็นหัวใจหลักของการประกอบกิจกรรมนี้เลยล่ะ ใครที่กำลังอยากลองก้าวเท้าเข้ามาในเกมรักเกมรัดนี้ ลองดูกันว่าเราจะทำอย่างไรให้ตื่นเต้นแต่ยังคงปลอดภัย
- ความสมัครใจสำคัญเสมอ
แม้การได้ลุ้นว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับร่างกายบ้าง จะเป็นเรื่องตื่นเต้นที่สุดของการอยู่ใต้พันธนาการ แต่สิ่งสำคัญคือการยินยอมที่รับรู้ร่วมกันทั้งสองฝ่าย ก่อนเริ่มกิจกรรม ควรคุยกันว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันจะไปได้ไกลแค่ไหน รับไหวแค่ไหน โดยเฉพาะผู้เริ่มต้น ยิ่งควรบอกกล่าวกันให้ชัดเจน อย่างน้อยก็เพื่อเตรียมกายและใจให้พร้อมสำหรับกิจกรรมนั้น - กำหนด ‘คำปลอดภัย’
แม้การดันให้อีกฝ่ายจนตรอก สิ้นไร้หนทาง แตะขีดจำกัดของตัวเอง จะเป็นเรื่องตื่นเต้นขนาดไหน แต่ถ้านั่นเป็นสถานการณ์ที่ฝั่งนั้นแบกรับไม่ไหวอีกต่อไป ผู้กุมอำนาจก็ต้องยอมพาเขาออกมาจากจุดนั้น กิจกรรม BDSM จึงจำเป็นต้องมี คำปลอดภัย (safe word) ที่เป็นเหมือนคำศักดิ์สิทธิ์ เอาไว้ใช้ในตอนที่ฝ่ายถูกกระทำ รู้สึกว่าสถานการณ์ที่เจออยู่นั้นไม่ปลอดภัยเกินไป อาจเป็นความกลัวที่ล้นเอ่อในใจจนเกินจุดสนุก หรือร่างกายที่รับความเจ็บปวดไปมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว เมื่อเอ่ยคำปลอดภัยขึ้นมา ฝั่งกุมอำนาจต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่าง ปลดจากพันธนาการ และรีบดูแลผู้ถูกกระทำให้รู้สึกปลอดภัยที่สุด และคำนั้นควรเป็นคำที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำที่พูดบ่อยๆ ในกิจกรรม อย่างชื่อเฉพาะ คำแปลกๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน - ใช้อุปกรณ์ทั่วๆ ไปที่มี เชือกที่ใช้มัดสำหรับกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ จะเป็นเชือกเนื้อนุ่ม ไม่บาดผิว แม้จะรัดแน่นมากแล้วก็ตาม แต่ถ้ารู้สึกว่ามันให้มู้ดจริงจังเกินไป สามารถเริ่มต้นจากสิ่งรอบตัวอย่าง ผ้าพันคอ ผ้าเช็ดหน้า เน็กไท ได้เหมือนกัน และยังเติมความตื่นเต้นได้ไม่แพ้กันเลยล่ะ ลองนึกดูว่าเรากำลังถูกพันธนาการจากเน็กไทที่เห็นเขาใส่อยู่ทุกวัน แค่นี้ก็อยากจะยื่นสองมือชิดกันให้เขาแล้วล่ะ
- รัดไม่แน่นจนเกินไป ควรเหลือระยะระหว่างเชือกกับผิวหนังแบบสองนิ้วสอดได้ โดยเฉพาะมือใหม่ อย่าเพิ่งลองเงื่อนหรือปมที่แน่นจนเกินไป จนไม่สามารถแกะออกได้ทันเวลา เพื่อความปลอดภัย เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินหรืออีกฝ่ายอยากหยุดกิจกรรมนี้ ก็สามารถแกะออกได้อย่างทันท่วงที
- สังเกตผิวหนังของผู้ถูกมัด หากผิวหนังบริเวณที่ถูกมัดเปลี่ยนสีจนซีดเซียว อุณหภูมิต่ำลงกว่าปกติเกินไป หรือผู้ถูกมัดรู้สึกว่ามันชาเสียจนไม่รับรู้ความรู้สึกอีกต่อไป นั่นเป็นสัญญาณว่าเลือดกำลังไม่ไปเลี้ยงในส่วนนั้น ต้องรีบคลายปมให้หลวมกว่าเดิม (เราจึงไม่ควรรัดแน่นจนเกินไปไงล่ะ)
- ไม่รัดในบริเวณรบกวนการหายใจ หากรัดช่วงคอ อก ซี่โครง จนแน่นเกินไป อาจรบกวนการหายใจได้ ถ้าเป็นมือใหม่ควรหลีกเลี่ยงบริเวณเหล่านี้ ไปเล่นกับส่วนที่จำกัดการเคลื่อนไหวอื่นๆ อย่างมือ เท้า ขา เข่า เพื่อลดความเสี่ยงต่ออันตรายจะดีกว่า
ขนาดเซ็กซ์ในวันทั่วๆ ไป เรายังต้องขอความยินยอมพร้อมใจ เซ็กซ์ที่โลดโผนขึ้นมาอีกระดับย่อมต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ ความยินยอม อย่างยิ่งยวด เพราะฉะนั้น ให้น้ำหนักกับสิ่งนี้ให้มากๆ คำนึงถถึงความปลอดภัยของกันและกันไว้ ไม่ทำอะไรที่มันเสี่ยงเกินขีดจำกัดเกินไป
หากเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้ว ลองก้าวเข้าสู่เกมพันธนาการนี้ดูสักครั้ง ได้สัมผัสอำนาจมากกว่าเคย หรือตกอยู่ใต้กฎเกณฑ์ของอีกฝั่ง ปลดทุกการตัดสินใจ ความรับผิดชอบทั้งหมดทิ้งไป แสดงออกได้เพียงแต่ความปรารถนาในใจเท่านั้น ลองเลือกดูแล้วกันว่าเราอยากจะยืนอยู่ฝั่งไหนในเกมนี้
อ้างอิงจาก