ตั้งแต่อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เคยลองตั้งคำถามดูมั้ยว่า มันทำให้ชีวิตของมนุษย์เราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ในยุคอินเทอร์เน็ตความเร็วเพียง 56 Kbps (Kilobits Per Second) อาจจะยังมองภาพไม่ชัดเท่าไหร่
แต่ถ้ามองถึงตอนนี้ที่อินเทอร์เน็ตมีความเร็วสูงมาก มากจนเปลี่ยนหน่วยวัดจาก Kbps กลายเป็น Mbps (Megabits Per Second) แถมยังใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ ไปจนถึงเครื่องเสียง โทรทัศน์ วิทยุ สารพัดอย่างที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ ดังนั้นจึงน่าจะลองคิดๆ ดูกันหน่อยว่า อะไรบ้างที่เปลี่ยนแปลงชีวิตและสิ่งแวดล้อมของคุณ
มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแล้วดีอย่างไร ?
มีสื่อและวิจัยหลายๆ ชิ้นพบว่า เมื่อประเทศไหนก็ตามมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและผู้คนสามารถเข้าถึงมันได้ทุกที่ จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้นและช่วยสร้างงานให้กับคนในประเทศได้อย่างมากมาย เนื่องจากภาครัฐและเอกชนหันมาสนใจเทคโนโลยีใหม่ๆ กันมากขึ้น เข้าถึงองค์ความรู้และกระจายข้อมูลได้ด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จนทำให้เกิดเครื่องมือและบริการใหม่ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ ในที่สุดก็ทำให้เศรษฐกิจมีความเคลื่อนตัวไปได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัวได้กว่าเดิม ตัวอย่างเช่นที่สหรัฐอเมริกาเกิดการจ้างงานและเปิดตำแหน่งงานที่เกี่ยวกับการโฆษณาและธุรกิจต่างๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากถึง 1.2 ล้านตำแหน่ง ทำให้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากถึง 300 พันล้านเหรียญหรือประมาณ 2% ของ GDP ในประเทศ
เกาหลีใต้และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
เกาหลีใต้เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้บริการในประเทศ ความเร็วเฉลี่ยตอนนี้คือ 26.3 Mbps ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในโลกตอนนี้ ในขณะที่ประเทศไทยมีความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 11.7 Mbps ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 36 จากทั้งโลก มีนักวิจัยของเกาหลีใต้วิเคราะห์ว่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนเกาหลีใต้ในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ เพราะตอนนี้ประชาชนส่วนใหญ่จะมี smartphone เป็นของตัวเอง รวมไปถึงเครือข่ายมือถือก็ให้บริการ 4G ที่มีความเร็วสูง ทำให้พวกเค้าเข้าถึงบริการต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย หากมองอย่างง่ายๆ ที่ส่วนผู้ผลิตสื่อความบันเทิงตอนนี้ ก็หันไปทำเนื้อหาบนฝั่งออนไลน์กันเกือบส่วนใหญ่ โดยเน้นการสตรีมเป็นหลัก ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องโหลดไฟล์ลงเครื่องให้เสียเวลา แถมมีเนื้อหาให้รับชมรับฟังมากมาย อันเกิดจากผู้ผลิตสื่อหลายๆ เจ้าก็สามารถนำเนื้อหาของตัวเองขึ้นไปเผยแพร่ได้ทันทีด้วยอินเทอร์เน็ตเช่นกัน
ประเทศไทยและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
ในประเทศไทย อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเริ่มเปิดให้ใช้งานอย่างกว้างขวาง หากเป็นเน็ตบ้านสำหรับผู้ใช้อย่างเราๆ ก็มีให้เลือกใช้ตั้งแต่ 30 – 200 Mbps ในราคาที่รับได้ แต่ถ้ารวยๆ หรูๆ เป็นองค์กรหรือหน่วยงาน ก็เลือกใช้แบบ 1,000 Mbps ขึ้นไป ซึ่งมีราคาที่สูงตาม หรือจะเลือกใช้เป็นเน็ตมือถือจากค่ายต่างๆ ก็สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้เช่นกัน และผลพวงจากความเร็วของมัน ก็ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ รวมไปถึงเกิดเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศทั้งในด้านข่าวสาร กลุ่มข้อมูลและเศรษฐกิจเช่นการมีเว็บบอร์ดที่เปิดให้ผู้คนเข้ามาแชร์ข้อมูลกัน หรือจะเป็นการสร้างเพจบน Facebook ที่ช่วยกระจายข้อมูลต่างๆ ให้เกิดทางเลือกในการรับสาร รวมไปถึงการมีแอพพลิเคชั่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นแอพช่วยซื้อของ แอพค้นหาร้านอาหารหรือจะเป็นแอพจองโรงแรมและเครื่องบิน หรือบางค่ายสามารถแยกช่องสัญญาณอินเตอร์เนตและทีวี เพื่อความบันเทิงเเบบไม่สะดุด ทั้งหมดนี้ก็เกิดจากอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วนั่นเอง
และส่วนของภาครัฐก็ไม่น้อยหน้า มีการริเริ่มโครงการไทยแลนด์ 4.0 ขึ้นมา โดยมีแนวคิดในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแอพพลิเคชันบนมือถือ การมีระบบตรวจจับอัจฉริยะหรืออุปกรณ์ที่ทันสมัย เข้ามาขับเคลื่อนและสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศในทุกภาคส่วนให้มีความก้าวหน้าและเติบโตไปพร้อมๆ กัน และแน่นอนว่าอินเทอร์เน็ตก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเดินหน้าไปได้อย่างดี หากเรามีโครงสร้างการสื่อสารที่มีคุณภาพและครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ การเป็นไทยแลนด์ 4.0 ก็ไม่ยากอย่างที่คิด
เลือกใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้หลากหลายตามใจ
ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศของเรามีให้เลือกใช้ได้หลากหลายค่าย รองรับทั้งผู้ใช้ทั่วไปและระดับองค์กรเล็กใหญ่ มีให้ใช้งานได้หลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็น Fiber VDSL หรือจะเป็น 4G ที่ตอนนี้แต่ละเครือข่ายก็เริ่มแข่งกันออกโปรใช้งาน 4G ได้ไม่จำกัดดาต้า ยิ่งทำให้ผู้ใช้อย่างเราๆ ได้ผลประโยชน์ไปโดยปริยาย ที่สำคัญความเร็วที่ให้เลือกใช้งานก็มีมากมายเหลือเกิน
แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า อินเทอร์เน็ตที่เราสมัครใช้งานจะเร็วเท่าที่โฆษณาไว้หรือเปล่า?
หรือจะเป็นเพียงคำทางการตลาดที่เอาไว้ล่อใจให้เราเลือกใช้เท่านั้น?
เดี๋ยวนี้การทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่ยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน คุณเองก็สามารถเข้าไปทดสอบได้ด้วยบริการวัดความเร็วตามเว็บต่างๆ แต่บางบริการก็อาจจะบอกเฉพาะความเร็วให้คุณได้เพียงอย่างเดียว แต่จะดีขนาดไหนถ้ามีเครื่องมือที่ช่วยให้เรารู้ว่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ใช้อยู่มีคุณภาพและมาตรฐานขนาดไหน
วัดความเร็วของอินเทอร์เน็ตอย่างตรงไปตรงมาด้วย nPerf
nPerf เป็นเครื่องมือใช้ทดสอบความเร็วและคุณภาพของอินเทอร์เน็ตที่ใช้ทดสอบได้ทั้งแบบเน็ตบ้านหรือเน็ตมือถือ พัฒนาโดยบริษัทในประเทศฝรั่งเศส จุดเด่นคือให้ผลทดสอบอย่างละเอียด ทั้งเรื่องความเร็วในการดาวน์โหลด/อัพโหลด (Speed) ค่าความหน่วงเวลา (Latency) และทดสอบเชิงคุณภาพของบริการ (Quality of Service) และมีการสร้างค่ามาตรฐานในการประเมินคุณภาพของบริการอินเตอร์เน็ต โดยนำทั้งค่าของความเร็ว (Speed and Latency) และคุณภาพ (Quality of Service) มาประเมินให้คะแนนโดยเรียกว่า nPerf Score ซึ่งสามารถใช้งาน nPerf ได้ทั้งบนเว็บไซต์ www.nperf.com และแอพพลิเคชั่นทั้งบน iOS และ Android
นอกจากนี้ หากใช้งาน nPerf ด้วยแอพพลิเคชั่นบนมือถือ นอกจากจะวัดค่าความเร็วและคุณภาพได้แล้ว ยังวัดค่าความเร็วของการสตรีมมิ่งวิดีโอหรือการเข้าเว็บไซต์ได้ว่ามีผลทดสอบเป็นอย่างไร ทำให้เราตรวจสอบได้ว่าสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างไม่มีสะดุด และไม่ต้องห่วงว่าจะเทสความเร็วจนเพลิน ตัวแอพสามารถแจ้งเตือนได้ เมื่อเราเทสความเร็วจนถึงปริมาณดาต้าที่เรากำหนดไว้นั่นเอง
คุณสมบัติอย่างอีกอย่างหนึ่งของ nPerf คือ การนำผลความเร็วที่ผู้ใช้จากทั่วทุกมุมโลกมาจัดอันดับว่าเครือข่ายหรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในแต่ละประเทศรายไหนที่มีความเร็วเฉลี่ยสูงที่สุดอีกด้วย ประเทศไทยเองก็ได้ถูกจัดอันดับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วเฉลี่ยสูงที่สุดด้วย ซึ่งฝั่งเครือข่ายมือถือที่มีความเร็วสูงที่สุดเมื่อปีที่ผ่านมาคือ TrueMove H วัดได้ถึง 20.91 Mbps ตามมาด้วย AIS และ dtac ส่วนฝั่งอินเทอร์เน็ตบ้าน ผู้ให้บริการที่มีความเร็วสูงที่สุดคือ 3BB วัดได้ถึง 32.3 Mbps ตามด้วย CAT Telecom และ AIS
nPerf ได้ถูกใช้ทดสอบความเร็วของอินเตอร์มากกว่า 50 ล้านครั้งทั่วโลก มีเว็บไซต์ชื่อดังที่พูดถึงและรีวิวประสิทธิภาพการทดสอบของ nPerf ว่าดีที่สุด ทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อคุณทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตด้วย nPerf จะได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพอย่างแน่นอน
บริการทดสอบคุณภาพอินเทอร์เน็ตในลักษณะนี้นั้น นอกจากจะใช้เป็นเครื่องมือให้ผู้ใช้ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตของตัวเองแล้ว ยังเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตปรับปรุงเครือข่ายให้ดียิ่งขึ้นและแข่งขันกันสร้างบริการที่มีคุณภาพสูงขึ้นไป และหากเรามีอินเทอร์เน็ตที่ดีและความเร็วสูงใช้งานกันอย่างครอบคลุมแล้ว เชื่อว่าชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและการเจริญของประเทศชาติก็จะเติบโตตามความเร็วอินเทอร์เน็ต ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องให้พวกเราช่วยกันตรวจสอบ ช่วยกันออกความเห็น และพัฒนา เพราะอย่าลืมว่าความสมบูรณ์ของอินเทอร์เน็ต ก็ต้องมีผู้ใช้อย่างเราๆ นี่เองเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ
อ้างอิงข้อมูลจาก