ย้อนกลับไปในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2013 สหพันธรัฐรัสเซียได้ผ่านร่างกฎหมายที่ระงับการเผยแพร่สื่อที่แสดงออกเกี่ยวกับ LGBTQ+ ทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่ากฎหมายนี้มีไว้เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากค่านิยมตะวันตกผิดๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมหลายกลุ่มในรัสเซีย
ทั้ง วลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีของรัสเซียยังกล่าวแสดงความกังวลในทำนองที่ว่า รัสเซียกำลังประสบกับปัญหาอัตราการเกิดของประชากรลดลง ขณะที่พวกรักเพศเดียวกันไม่สามารถให้กำเนิดประชากรใหม่ๆ ได้ ซึ่งเป็นตัวอย่างของความเชื่อที่ว่าคนรักเพศเดียวกันไม่มีประโยชน์ต่อสังคม และในบางสังคมก็ไปไกลกว่ารัสเซียถึงขั้นที่ว่า ‘การรักเพศเดียวกัน’ คือความผิดปกติแปลกไปจากธรรมชาติ
ทว่าในโลกของวิทยาศาสตร์นั้นกลับมองว่า พฤติกรรมรักเพศเดียวกันในมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นั้นกลับเป็นเรื่องปกติ และมีประโยชน์ต่อการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์เสียด้วยซ้ำ
เนื่องจากการศึกษาทางชีววิทยาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาชี้ไปในทางเดียวกันว่า พฤติกรรมรักเพศเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นจากที่ตัวบุคคลใดคนหนึ่งเลือกจะชอบเพศเดียวกันด้วยตนเอง แต่เป็นผลจากการแสดงออกของยีนหลายยีนในรหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต และการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมที่เรายังไม่เข้าใจดี
ดังนั้นแล้วพฤติกรรมรักเพศเดียวกันจึงมีประโยชน์ทางวิวัฒนาการแอบแฝงอยู่ในมุมที่เราคาดไม่ถึงอยู่ มิฉะนั้นพฤติกรรมนี้ คงไม่สามารถอยู่รอดผ่านกระบวนการวิวัฒนาการมาได้หลายร้อยล้านปีจนถึงปัจจุบัน

โดยแนวคิดที่มาสนับสนุนเป็นอย่างมากจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ก็คือหลักการที่เรียกว่า ‘Kin Selection’ ที่เสนอโดย เมย์นาร์ด สมิท (Maynard Smith) นักชีววิทยาวิวัฒนาการชาวอังกฤษ ซึ่งใช้อธิบายเหตุการณ์ที่สิ่งมีชีวิตพฤติกรรรมเสียสละตัวเอง หรือแสดงความเอื้อเฟื้อต่อญาติๆ ของตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ของเผ่าพันธุ์มากกว่าประโยชน์ส่วนตน ซึ่งจะช่วยให้ประชากรของเผ่าพันธุ์เดียวกันส่งต่อยีนไปยังรุ่นต่อๆ ไปให้ได้มากที่สุด
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือกรณีศึกษาของเกย์ หรือผู้ชายที่มีความชื่นชอบผู้ชายด้วยกัน ชี้ให้เห็นว่าตามสถิติแล้ว เกย์มีแนวโน้มที่จะมีความเห็นอกเห็นใจ ไม่ขึงขัง ก้าวร้าว เท่ากับผู้ชายที่ชื่นชอบเพศหญิง ทำให้สามารถช่วยสนับสนุนคนในครอบครัวในการเลี้ยงดู เด็กๆ ได้ เป็นการแบ่งเบาภาระของพ่อแม่เด็กไปในตัว เพราะเด็กแรกเกิดของมนุษย์นั้นถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ต้องได้รับการดูแลประคบประหงมเป็นอย่างมาก และใช้เวลานานกว่า 10 ปี กว่าที่จะสามารถเลี้ยงดูตนเองได้อย่างเต็มที่ แตกต่างกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เมื่อคลอดออกมาก็สามารถวิ่งโลดแล่นไปมาได้แล้ว
มิหนำซ้ำนักวิจัยบางส่วนยังตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกันสามารถช่วยลดความตึงเครียดที่อาจเกิดขึ้นจากการแข่งขันหาคู่ได้ พร้อมกับเป็นการป้องกันการเกิดของประชากรที่มากเกินไปในตัว
เนื่องจากทรัพยากรในพื้นที่อาจไม่เพียงพอที่จะรองรับคนที่มากขึ้นได้
ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ในระยะยาว
ในจังหวะแรก การสละละทิ้งโอกาสในการสืบพันธุ์ให้กับญาติๆ อาจดูเป็นเรื่องแย่ เพราะสิ่งมีชีวิตนั้นจะไม่สามารถส่งต่อยีนของตนไปยังรุ่นต่อไปได้ทั้งหมด ทั้งที่ผู้ที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกันอาจจะมีลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสมต่อการปรับตัวในสภาพแวดล้อมได้ดี ซึ่งขัดต่อแนวคิดกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติของ ชาลล์ ดาร์วิน (Charles Dawrin) ที่มักมีการใช้วลี ‘ผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดจึงจะอยู่รอด’ มาใช้อธิบาย
แต่หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว กรณีที่ในหมู่พี่น้องคนใดมีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน เขาก็ยังมีพี่น้องคนอื่นที่สามารถส่งต่อยีนแบบเดียวกันได้อยู่ดี เพราะตัวเขาเองก็ได้รับยีนจากพ่อแม่มาคนละ 50% เช่นเดียวกัน หรือในกรณีของลูกพี่ลูกน้องฝั่งลุงป้าน้าอา ก็จะมีสัดส่วนยีนเหมือนเขาถึง 25% ที่จะมีศักยภาพที่จะส่งต่อไปยังรุ่นถัดไปได้
นอกจากมนุษย์แล้วงานวิจัยล่าสุดที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารชีววิทยาชั้นนำอย่าง Nature ในปี 2023 ยังพบด้วยว่า สัตว์อีกมากกว่า 1,500 สปีชีส์ ก็มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกันเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ ทั้งงานวิจัยยังชี้ด้วยว่า พฤติกรรมนี้วิวัฒนาการขึ้นมากลายครั้ง จากหลากหลายช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ และแทบไม่เคยหายไปเลย ถึงขั้นที่กล่าวได้ว่า “พฤติกรรมรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องปกติของธรรมชาติมากกว่าที่จะเป็นเรื่องหายาก”

ในโลกของเพนกวินก็มีรายงานมากมายว่า มีการพบเห็นคู่เพนกวินเพศผู้สองตัว ทั้งในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติและในสวนสัตว์ แสดงพฤติกรรมเกี้ยวราพาสีกันเหมือนกันแทนที่จะทำกับเพนกวิ้นเพศเมีย ตลอดไปจนถึงมีการช่วยเหลือกันชุบเลี้ยงลูกเพนกวิ้นกำพร้า ช่วยกันทำรัง หาอาหาร เลี้ยงลูกเพนกวิ้นจนเติบใหญ่ จนมีนักเขียนเอาไปแต่งเป็นหนังสือชื่อ ‘And Tango Makes Three’ ที่เล่าเรื่องถึงเพนกวิ้นสายพันธุ์ชินสแตรปสองตัว (Chinstrap Penguins)
และแม้แต่ในโลกของสัตว์น้ำก็ไม่เว้น โลมาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสัตว์น้ำที่ฉลาดที่สุดก็สามารถพบเห็นการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างโลมาเพศผู้ได้โดยทั่วไป ซึ่งมักจะเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างโลมาสองตัวไปตลอดชีวิต ทั้งยังมีการวิจัยด้วยว่าความสัมพันธ์นี้ถือเป็นการส่งเสริมทักษะการทำงานร่วมกันระหว่างโลมาในฝูง เพื่อช่วยเหลือให้โลมาเพศผู้จับคู่กับโลมาตัวเมียได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องแก่งแย่งกันในอนาคต คล้ายกับกรณีของมนุษย์
และจากการงานวิจัยสำรวจประชากรจากจาก MIT ร่วมมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดชี้ว่า ประชากรราว 2-10% จากหลากหลายวัฒนธรรมทั้วโลกมีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน ซึ่งเป็นการสำรวจขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยกลุ่มตัวอย่างเกือบ 5 แสนคน แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าประเทศที่มีประชากรเกิดใหม่เยอะหรือน้อย ก็ล้วนมีสัดส่วนของผู้ที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกันแทบจะเท่าๆ กันอยู่ดี
ในทางกลับกันการลดลงของประชากรก็เป็นผลมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมมากกว่า โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความเลื่อมล้ำและค่าครองชีพที่พุ่งทะยานขึ้นสูงในหลากหลายประเทศทั่วโลก การมีอยู่ของผู้ที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน จึงไม่ส่งผลโดยตรงการลดลงของจำนวนประชากรอย่างที่ใครบางคนอาจกล่าวอ้าง แต่เป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนเราว่าความหลากหลายในเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ธรรมชาติคัดสรรมา เพื่อความให้เผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่รอดและก้าวต่อไปได้
อ้างอิงจาก