การออกกำลังกาย ดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ หรือให้หมอช่วย ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งส่งเสริมสุขภาพได้เป็นอย่างดี
แต่ต่อให้ทำครบทุกอย่างแล้ว มันก็จะไม่มีทางสมบูรณ์แบบถ้ายังขาดหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือการได้ขับถ่ายอย่างปลอดโปร่งโล่งสบายในทุกๆ เช้า เพราะของเสียก็คือของเสีย ยิ่งเก็บไว้นานเท่าไหร่ยิ่งเป็นพิษกับร่างกายมากเท่านั้น
Why do we need to give a sh*t daily?
ทำไมต้องทุกวัน เว้นวันบ้างไม่ได้หรือ?
หลายคนน่าจะเคยผ่านประสบการณ์ ไม่ได้อึเป็นเวลานานกว่า 3-4 วัน หรือบางคนก็ทุบสถิติตัวเองด้วยการอั้นมันเอาไว้เป็นอาทิตย์ๆ เพราะงานที่รัดตัว ชีวิตหมุนเร็วมาก ไม่มีเวลามานั่งห้องน้ำนานๆ เป็นประจำทุกวัน ผลก็คือมันอาจจะอึดอัดไปบ้างหรืออย่างมากก็พุงยื่นหน่อย ไม่ใช่เรื่องเสียหายร้ายแรงเท่าไหร่—แต่หากเชื่ออย่างนั้น คุณกำลังคิดผิด เพราะการเก็บของเสียไว้ในร่างกายนานเกินไปมีโทษมหันต์ดังต่อไปนี้
1. เสี่ยงเป็นริดสีดวงทวารหนัก
ลองนึกภาพว่าเพื่อนคุณอาจจะขำ แต่คุณเองจะขำไม่ออกเมื่อเป็นริดสีดวงตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว เพราะการที่อุจจาระค้างอยู่ในลำไส้นานๆ ลำไส้ก็จะยิ่งดูดน้ำกลับมาใช้เรื่อยๆ เหลือเพียงก้อนสสารที่ทวีความแข็งแกร่งอยู่ข้างใน ทำให้เกิดอาการท้องผูก ยิ่งถ่ายยากก็ยิ่งต้องนั่งนาน ลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่ต้องทำงานหนักก็มีสิทธิเบ่งบานออกมาทักทายโลกภายนอกได้ง่ายขึ้น
2. เสี่ยงเป็นโรคลำไส้อักเสบ และมะเร็งลำไส้ใหญ่
เมื่อมีก้อนอุจจาระแข็งๆ ติดค้างอยู่ในลำไส้ ผนังลำไส้ส่วนที่อ่อนแอจะโป่งพองจากการแบกรับน้ำหนัก เมื่อเกิดการโป่งพองแล้ว หากมีเชื้อโรคไปสะสมก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เกิดเป็นโรคผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ เลือดออก เป็นหนอง ผนังลำไส้ทะลุ หรือลำไส้อุดตัน และหากโชคร้ายกว่านั้นมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็อาจจะมาเยือนคุณก็เป็นได้
3. สารพิษสะสมจนร่างกายอ่อนแอ
ในเมื่อการขับถ่ายก็คือสุดยอดวิธีการขับสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้นการไม่ถ่ายย่อมทำให้สารพิษเหล่านั้นถูกดูดกลับไปสะสมในร่าง ไม่ว่าจะในกระแสเลือดหรืออวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะในตับ ปัญหาสุขภาพอื่นๆ ก็จะตามมา ป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ง่ายดาย
4. มีกลิ่นปากหรือกลิ่นตัว
ขึ้นชื่อว่าของเสียก็ต้องมีกลิ่น และเมื่อกลิ่นไม่สามารถออกไปตามเส้นทางหลักได้ ก็ต้องย้อนกลับมายังทวารอื่นๆ เพราะเชื้อโรคที่ถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ทำให้เลือดไม่สะอาด เมื่อผ่านไปยังปอด ปอดก็จะฟอกเลือดและขับเชื้อโรคเหล่านี้ทางลมหายใจและผิวหนัง กลายเป็นกลิ่นเหม็นๆ ที่เราเองอาจจะไม่รู้ตัว แต่หากแคร์คนข้างๆ สักนิด จะพบว่านี่ไม่ใช่เรื่องราวดีๆ เอาเสียเลย
5. อ่อนเพลีย ปวดหัว ผิวหนังอักเสบ สิวขึ้น ท้องอืด หงุดหงิดง่าย ฯลฯ
ความพังดาหน้ากันมาเป็นชุด เนื่องจากเชื้อโรคที่แพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างที่เล่าไว้ในข้อก่อนหน้า ส่งผลกับระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลกับผิวพรรณ หน้าตา อารมณ์ นับว่าของเสียจากภายในส่งผลร้ายสู่ภายนอกได้มากกว่าที่คิด
5 ข้อที่ยกมานี้ น่าจะยืนยันได้ดีว่าลำไส้และการขับถ่ายจึงเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น แต่ชีวิตคนเมืองก็ยังคงต้องอยู่กับลูปเดิมๆ ที่เร่งรีบ แถมไม่มีเวลามาเลือกกินอาหารอย่างพิถีพิถัน ไม่ค่อยได้กินผักผลไม้ ลำไส้ของเราจึงต้องเผชิญความเสี่ยงมากมายอย่างช่วยไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องการฮีโร่มาพิทักษ์ลำไส้ใหญ่กันสักหน่อย
Who can help this?
ฮีโร่ในลำไส้คือใครกัน?
นอกจากน้ำเปล่า และกากใยอาหารแล้ว ก็ยังมี ‘พรีไบโอติก’ (Prebiotic) เป็นฮีโร่คนสำคัญที่จะมาช่วยชีวิตลำไส้ใหญ่ของเราทุกคน ซึ่งเจ้าพรีไบโอติกตัวนี้ บางคนอาจไม่เคยรู้จัก บางคนเคยได้ยินผ่านหู แต่ไม่เคยรู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร ในวันนี้เราจะได้รู้กัน
พรีไบโอติกเป็นอาหารของโพรไบโอติก
อย่างแรกถ้าจะเอาที่เข้าใจกันง่ายๆ พรีไบโอติกคืออาหารชั้นเลิศของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ของมนุษย์ และจุลินทรีย์ดีที่ว่านี้เรียกว่า ‘โพรไบโอติก’ (Probiotic) ซึ่งมีอยู่หลายชนิด เช่นแล็กโตบาซิลลัส (Lactobacillus) หรือ ไบฟิโดแบคทีเรีย (Bifidobacteria)
เมื่อไร่ที่พรีไบโอติกและโพรไบโอติกพบกัน เมื่อนั้น การขับถ่ายสมบูรณ์แบบ
กระบวนการที่โพรไบโอติกกินพรีไบโอติกเข้าไป เรียกว่าซินไบโอติก (Synbiotic) ที่ช่วยลดอาการท้องผูกได้ เนื่องจากกรดอินทรีย์ที่โพรไบโอติกผลิตขึ้นหลังจากกินพรีไบโอติกเข้าไป จะช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้และช่วยเพิ่มความชื้นของอุจจาระ ทั้งยังทำให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ได้ดีขึ้น ผลคือขับถ่ายได้ดี ในขณะเดียวกันก็ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียตัวร้ายๆ ในลำไส้ จึงช่วยป้องกันอาการท้องเสียได้เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นยังมีการศึกษาผลของพรีไบโอติกในการต้านมะเร็ง (anticarcinogenic effect) อีกด้วย
โพรไบโอติกจะอยู่ไม่ได้ หากไม่มีพรีไบโอติก
โพรไบโอติกทุกชนิดอาจถูกฆ่าได้อย่างง่ายดายด้วยความร้อนหรือกรดในกระเพาะ บางชนิดก็หมดอายุขัยไปเอง ดังนั้นการให้อาหารพวกมันเป็นพรีไบโอติก จะทำให้จุลินทรีย์เหล่านี้เกิดการแบ่งตัว (binary fission) จนมีปริมาณมากพอที่จะอยู่ช่วยสร้างประโยชน์ในลำไส้ได้ตลอดเวลา ทั้งยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจากกระบวนการซินไบโอติกด้วย
ที่ผ่านมาคนอาจจะรู้ว่าโพรไบโอติกนั้นมีประโยชน์มากมายขนาดไหน แต่พึงระลึกไว้ว่า ถ้ามีโพรไบโอติกแล้วแต่ยังขาดพรีไบโอติกก็คือคล้ายกับ กับการเลี้ยงผึ้งเอาไว้ แต่ไม่มีเกสรดอกไม้ให้มันกิน แล้วผึ้งจะทำงานเต็มที่ได้อย่างไร ถ้าอยากจะได้น้ำผึ้งที่ดีก็คงหมดหวัง ดังนั้นพรีไบโอติกจึงเป็นตัวละครลับที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่เป็นฮีโร่คนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จอีกทีหนึ่ง
และไม่ต้องกลัวว่าพรีโบโอติกจะเสียชีวิตไประหว่างทางเดินอาหาร เพราะร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยสลายพรีไบโอติก มีเพียงโพรไบโอติกเท่านั้นที่ทำได้ การบริโภคพรีไบโอติกเข้าไปจึงก่อให้เกิดประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างแน่นอน
Prebiotics and where to find them
พรีไบโอติกอยู่ไหน ใครบอกที
อาหารที่มีโพรไบโอติกนั้นมีอยู่เต็มไปหมดและหากินได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ตหรือผลิตภัณฑ์จากนม รวมถึงพวกอาหารหมักอย่างเช่นแหนม หรือกิมจิ แต่อาหารที่มีพรีไบโอติกนั้นไม่ได้หากันง่ายๆ เว็บไซต์ draxe.com ของนายแพทย์ชาวอเมริกันยังระบุว่าชาวอเมริกันเองก็ไม่ได้รับพรีไบโอติกเพียงพอในแต่ละวัน โดยอาหารที่มีพรีไบโอติกนั้นได้แก่
กระเทียม หัวหอม (ต้องกินแบบเป็นกอบเป็นกำ เป็นตัวหลักไม่ใช่แค่ใช้ปรุงรส) กล้วยดิบสีเขียวๆ (จะกินอย่างไรนึกภาพออกไหม?) นอกจากนั้นยังมีในหน่อไม้ฝรั่ง ใบแดนดิไลออน เมล็ดอาร์ติโช็ค และรากชิโครี… โอเค อย่าเพิ่งยอมแพ้ ยังมีอีกหนึ่งตัวเลือกง่ายๆ ที่จะเติมพรีไบโอติกในร่างกายได้และอร่อยด้วย นั่นก็คือฟอร์แคร์บาลานซ์ เครื่องดื่มน้ำจมูกข้าวจากธรรมชาติ ที่มีใยอาหารและพรีไบโอติกสูง เพียงยกขึ้นดื่มง่ายๆ ปล่อยให้ฮีโร่ทำหน้าที่ของเขา
เท่านี้เราก็ย้อนกลับไปขีดฆ่า 5 ข้อเสียของการไม่ขับถ่ายไปได้อย่างสบายอกสบายใจ และยิ่งกว่านั้น พรีไบโอติกก็ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ในระบบขับถ่าย แต่ยังมีประโยชน์ในส่วนอื่นๆ อีกมากมาย การรับมันเอาไว้จึงได้สุขภาพที่ดี ผิวพรรณผ่องใส ดีงามจากภายในเปล่งประกายสู่ภายนอกเป็นกำไรงามๆ ด้วย
สนับสนุนโดย
ฟอร์เเคร์ บาลานซ์ เครื่องดื่มน้ำจมูกข้าวจากธรรมชาติ
มีทั้งหมด 4 รสชาติ รสดั้งเดิม รสช็อกโกแลต รสงาดำ และสูตรน้ำตาลน้อย
ติดตามเรื่องราวของ 4Care Balance เพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/4CARE
และร่วมกิจกรรมเพื่อทดลองสินค้าฟรีได้ที่ www.4care.co.th