ถาม: รู้ไหมว่า ช็อกโกแลตยี่ห้อไหนที่เคยไปถึงดวงจันทร์?
ตอบ: ก็ช็อกโกแลตเฮอร์ชี่ไงล่ะคุณเพื่อน
ถ้าให้นึกภาพอาหารของนักบินอวกาศ ภาพจำก็น่าจะเป็นอาหารอัดเม็ดที่เน้นสารอาหารมากกว่ารสชาติ แต่เหล่านักบินอวกาศก็เป็นมนุษย์ที่ต้องการความอร่อยเหมือนเราๆ นั่นทำให้ช็อกโกแลตสูตรพัฒนาพิเศษในชื่อ Hershey’s Tropical Bar ที่สามารถทนความร้อนได้ถึง 120 องศาฟาเรนไฮต์ ถูกใจนักบินอวกาศแห่งยานอพอลโล 15 จนพวกเขาพกขึ้นไปกินบนทริปเยือนดวงจันทร์ตั้งแต่ปี 1971
Tropical Bar มาจากไหน?
ช็อกโกแลตสูตรพิเศษนี้ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1943 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทหารอเมริกันจำนวนมาก ถูกส่งไปประจำการสมรภูมิในเขตร้อน พวกเขาทุกข์ทรมานกับความหิวโหยและรสชาติแย่ๆ ของมันฝรั่งต้มอยู่เป็นเวลานาน กองทัพสหรัฐฯ จึงขอความช่วยเหลือจากเจ้าพ่อช็อกโกแลตแห่งยุค นั่นก็คือบริษัท Hershey เพื่อให้ช่วยคิดค้นช็อกโกแลตบาร์ที่อร่อย ให้คุณค่าทางอาหาร และทนความร้อนได้ ไม่ละลายไปกับสภาพอากาศที่เราชาวเขตเส้นศูนย์สูตรคุ้นเคยกันดี
ช็อกโกแลตสูตรพิเศษนี้มีส่วนประกอบหลักคือ ช็อกโกแลต น้ำตาล แป้งข้าวโอ๊ต ไขมันโกโก้ และนมผงพร่องมันเนย ผลที่ได้คือช็อกโกแลตที่ยังคงรูปเป็นแท่งอยู่แม้ในวันที่แดดแผดเผา พวกเขาผลิตช็อกโกแลตที่ว่านี้กว่า 380,000,000 แท่ง แจกจ่ายให้กับทหารตามภูมิภาคต่างๆ พร้อมชื่อเรียกในหมู่ทหารว่า D Ration Bar และด้วยคุณสมบัติในการทนความร้อนนี่เอง ช็อกโกแลตสูตรนี้เลยถูกนำขึ้นไปบนยานอพอลโล 15 ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ในเดือนกรกฎาคมปี 1971
และหากถามว่าทำไมอาหารที่ถูกนำขึ้นไปบนยานจะต้องทนความร้อนได้? เรามีคำตอบจากบทความของ NASA มาฝากกัน
ว่าด้วยอาหารการกินของนักบินอวกาศ
แน่นอนว่าอาหารในอวกาศนั้นอาจจะไม่ใช่มื้ออิ่มอร่อยให้นั่งละเลียดเหมือนตอนอยู่บนพื้นโลก นั่นเพราะข้อจำกัดต่างๆ เหล่านี้
1.) สภาวะไร้น้ำหนัก ดังนั้นอาหารจะต้องอยู่ในรูปแบบที่ลอยละล่องหรือฟุ้งกระจายได้ยากที่สุด เช่นอยู่ในหลอดบีบแบบยาสีฟัน หรืออัดเป็นก้อนเล็กๆ ให้กลืนลงท้องได้ในคำเดียว หรือใช้เจลาตินเคลือบไว้อีกทีหนึ่งไม่ให้แตกร่วนไปในอวกาศ
2.) ระยะเวลาเดินทางที่ยาวนาน ดังนั้นอาหารต้องเสี่ยงกับการเน่าเสียน้อยที่สุด นั่นคือต้องมีน้ำอยู่น้อยเท่าที่จะน้อยได้ ส่วนใหญ่จึงต้องเป็นการอบแห้ง หรืออนุโลมให้เติมน้ำได้เวลาจะกิน
3.) ต้องเก็บในอุณหภูมิห้อง เนื่องจากในยุคแรกตู้เย็นยังคงเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น สำหรับเดินทางในอวกาศ ดังนั้นอาหารที่เสี่ยงต่อการละลายในอุณหภูมิห้องจึงหมดสิทธินำขึ้นไปข้างบนนั้น
ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า นักบินอวกาศแต่ละคนยังมีเมนูอาหารต่างกันออกไปตามน้ำหนักและส่วนสูงของแต่ละคน ยิ่งกว่านั้นปริมาณสารอาหารที่ต้องการจะไม่เหมือนกับบนพื้นโลก เพราะบนอวกาศร่างกายจะเผาผลาญแคลอรี่ได้น้อยกว่า ปริมาณแร่ธาตุที่ต้องใช้ก็แตกต่างกันไปในแต่ละชนิด การคำนึงถึงเรื่องรสชาติเลยกลายเป็นเรื่องสำคัญรองลงไปในการคิดแต่ละเมนู
นักบินอวกาศรุ่นแรกของโลกในโปรเจคต์ Mercury (1958-1963) ต่างก็คอมเพลนเรื่องอาหารการกิน ที่นอกจากต้องหยิบกินทั้งที่ตัวลอยๆ อยู่ แถมรสชาติก็ยังเหลือทน ทำให้ทาง NASA ได้ปรับปรุงพัฒนา และเพิ่มเมนูให้ใกล้เคียงอาหารบนพื้นโลกมากขึ้นในโปรโจคต์ต่อมา ซึ่งก็คือ Apollo ในตอนนั้นเองที่ Hershey’s Tropical Bar ถูกเลือกให้อยู่ในเซ็ตอาหารของ Apollo 15 ด้วย เพราะนอกจากอร่อยแล้วยังมีคุณสมบัติที่ผ่านข้อจำกัดบนอวกาศทุกประการ
ต่อมาในยุคของสถานีอวกาศ Skylab ชีวิตนักบินอวกาศก็ดีขึ้นอีก เพราะภายในสถานีอวกาศถูกออกแบบให้มีห้องรับประทานอาหารและโต๊ะอย่างเป็นกิจลักษณะ โดยที่เก้าอี้แต่ละตัวจะมีสายรัดไว้ล็อกให้ทุกคนอยู่ในท่านั่งกิน มีมีด ส้อม และกรรไกรเตรียมเอาไว้ให้ใช้ตัดฝาพลาสติกที่หุ้มอยู่ มีเมนูอาหารกว่า 72 ชนิดทั้งแบบแห้งและแบบ ‘เติมน้ำก่อนกิน’ (MRE—Meal, Ready-to-eat) อย่างเช่น เนื้อตุ๋น, ไก่เทอริยากิ, ราวิโอลิ (พาสต้าไส้ต่างๆ) พร้อมอุ่นได้ถึงอุณหภูมิสูงสุดคือ 82 องศาเซลเซียส ที่เพียงพอต่อการอุ่นอาหาร (แต่ยังไม่สามารถทำให้อาหารสุกได้) แถมยังมีตู้เย็นให้ด้วย
ด้วยความจำกัดจำเขี่ยที่น้อยลง ความอร่อยของมื้ออาหารบนอวกาศน่าจะมีมากขึ้นกว่าเดิม และหลังจากที่จังหวะเหมาะเจาะพอดีกันในปี 1971 ทั้ง NASA และ Hershey ต่างก็เดินหน้าต่อในทางของตัวเอง ทั้งในฐานะองค์กรทางอวกาศยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และช็อกโกแลตที่เติมความอร่อยให้ผู้คนมาแล้วทุกยุคทุกสมัย
และสำหรับใครที่ชื่นชอบความสนุกสดใหม่ในทุกๆ วัน แม้ไม่ได้ไปถึงอวกาศ แต่เฮอร์ชีย์ก็ยังคงมีช็อคโกแลตบาร์อร่อยๆ หาซื้อได้ง่ายๆ รสชาติน่าสนใจเช่น คุกกี้แอนด์ครีม แถมซื้อช่วงนี้ร่วมสนุกเพิ่มเติมกับ Hershey ได้อีก
เพียงซื้อผลิตภัณฑ์ เฮอร์ชีย์ใดๆ 1 ชิ้นขึ้นไป เพียงพิมพ์ H ตามด้วยเลขที่ใบเสร็จ ส่ง SMS มาที่ 4642777 ก็ลุ้นรับกล้องถ่ายรูปรายวัน 7 วัน 7 สไตล์ ตลอด 61 วัน ตั้งแต่ 26 พค. – 25 กค.
พิเศษ! ลูกค้าที่ซื้อจาก 7/11 ลุ้นรับ Fitbit Alta สีดำ มูลค่า 5,990 บาท เพิ่มเติมวันละ 1 รางวัล ตลอด 61 วัน เช่นกัน สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม โทร 02-5919800 จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น.
อ้างอิงข้อมูลจาก :
www.collectspace.com
www.hersheyarchives.org
www.nasa.gov
ภาพจาก :
blogs.esa.int/tim-peake
www.hersheyarchives.org