เชื่อว่าทุกคน ในชีวิต ต้องมีช่วงเวลาที่พลาดล้ม พยายามที่จะลุกขึ้นสู้ และเรียนรู้ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เหมือนกัน แต่ต่างรายละเอียดกันออกไป
ผู้ชายคนนี้ก็เหมือนกัน นักการตลาดที่เรารู้สึกว่าหยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมดแห่งธนาคารไทยพาณิชย์ ธนา เธียรอัจฉริยะ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานการตลาด และรักษาการ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม
อันที่จริง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเวลาได้เจอธนา เรามักจะเจอเขาในงานประชุม งานเปิดตัวสายการเงินต่างๆ เขามีภาพของผู้ชายที่พรีเซนต์เก่ง พูดจาฉลาดและยังตลกไปในเวลาเดียวกัน แต่เราไม่เคยได้พูดคุยกับเขาในแง่มุมของความเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ความเป็นพ่อของลูกสาวสองคน เป็น #GirlDad ตัวยง เป็นคนที่เจ็บป่วยและปวดหัวกับบางจังหวะที่ชีวิตกระตุกกลับมาเล่นงาน
The MATTER ได้มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวหนังสือเล่มที่ 2 ในชีวิตของธนา ซึ่งกลุ่มเอบีซี (Academy of Business Creativity) สถาบันพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงธุรกิจที่เขาก่อตั้ง และเป็นหนึ่งในเลกเชอร์เรอร์ เป็นคนจัดงานเปิดตัวครั้งนี้ให้
รอบนี้ – เขาไม่ได้เขียนเรื่องการตลาดใดๆ แต่เขียนถึงการ ‘ล้ม ลุก เรียน รู้’ ของตัวเอง
ไอเดียมันง่ายมาก มันคือการกลั่นชีวิตในวัย 51 ปี และความอยากจะเขียนอะไรทิ้งไว้ให้ลูกสาวทั้งสองของคนได้อ่าน – ในวันที่พวกเธอโตเป็นผู้ใหญ่มากพอ เหมือนที่พ่อของเขาเขียนจดหมายหาเขาตั้งแต่เด็กนับหมื่นฉบับ และเรื่องบางเรื่อง พอได้มาอ่านตอนโต เขาถึงจะเข้าใจ
ตอนกลางวันนั่งเก้าอี้บริหาร ส่วนตอนกลางคืนเขาเป็นนักเขียนและเจ้าของเพจ ‘เขียนไว้ให้เธอ’ เขาออกตัวก่อนเลยบอกว่าเขียนไม่ได้เก่งอะไร น่าจะเป็นนักพยายายามเขียนเสียมากกว่า แต่คิดว่าการเขียนก็เหมือน ‘วิชาจิ๋ว’ ทฤษฎีที่ถ้าฝึกฝนอะไรให้เริ่มจากอะไรเล็กๆ แล้วจะเก่งขึ้นเอง เช่น ถ้าอยากเป็นเชฟ ให้ทอดไข่เจียวไปเรื่อยๆ ธนาเลยตั้งเป้าจะเขียนทุกวันลงเพจตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่ COVID-19 เริ่มระบาดหนักๆ
“ผมไปค้นเจอจดหมายที่ป๊าเขียนไว้ฉบับหนึ่ง มันสอนอะไรผมไว้บางอย่าง พอโตแล้วกลับมาอ่านจึงเข้าใจ ป๊าสอน 2 ข้อ หนึ่ง ถ้ารับปากอะไรใครต้องทำให้ได้ และสอง ก่อนจะรับปากใครต้องรู้ว่าทำได้ วันนี้มาจึงเขาใจว่าป๊าสอนเรื่อง ‘How to say no’ จดหมายฉบับนั้นเป็นที่มาของเพจ ‘เขียนไว้ให้เธอ’ และถูกรวมเล่มเป็นหนังสือ ล้ม ลุก เรียน รู้”
บทเรียนชีวิตอะไรที่เขารวมรวบเอาไว้บ้างเพื่อบอกเล่าให้กับลูกสาว วันพังๆ ของผู้บริหารที่สร้างมาแล้วหลายปรากฏการณ์เป็นอย่างไร – The MATTER ชวนธนาคุยแล้วเอามาให้ทุกคนได้อ่านกัน
ให้รีแคปสั้นๆ ถึงหนังสือเล่มที่สองของคุณ
ธนา: เล่มแรก (คนพลิกแบรนด์ แบรนด์พลิกคน) เมื่อสิบกว่าปีก่อน มันเป็นเล่มที่เล่าถึงความสำเร็จของการตลาด ช่วงนั้นก็ห้าวๆ หลังจากนั้นกราฟชีวิตก็สนุกมากเลยเหมือนโรลเลอร์โคสเตอร์ มีทั้งล้มเหลว ผิดพลาด ทำดีบ้างไม่ดีบ้าง แล้วก็ได้คุยกับผู้ใหญ่เก่งๆ หลายๆ คน เลยเอามาเขียนเป็นบทความรวมกันไว้ในเพจ ‘เขียนไว้ให้เธอ’ แล้วก็รวมเป็นหนังสือ
หนังสือเล่มนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของการ ‘แป้ก’ การเรียนรู้จากความล้มเหลว ความผิดพลาด จากประสบการณ์ที่ต้องเล่นจริงเจ็บจริงจากผม และผู้บริหารเก่งๆ หลายคน
ภาพจำผู้บริหารคือความสำเร็จ ทำไมคุณบอกว่าผู้บริหาร ‘แป้ก’ ได้
ใช่ๆ ต้องแป้กนะ ไม่เคยเห็นคนที่ประสบความสำเร็จแล้วไม่แป้กมาก่อน มันอาจจะมีแต่น่าจะน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นเถ้าแก่ที่รวยหลายร้อยพันล้านก็ไม่ได้เกิดมาแล้วเก่งเลย
การแป้ก มันคือการได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้ง มันเป็นบาดแผลที่ทำให้เราเก่งขึ้นกว่าการที่เราทำอะไรอยู่ในคอมฟอร์ตโซน เลยเชื่อเรื่องนี้มากว่า คนที่จะเติบโตทั้งวุฒิภาวะและหน้าที่การงาน ต้องผ่านกระบวนการแป้กเสมอ
ตลอดชีวิตของคุณ การล้มครั้งไหนที่สะเทือนใจที่สุด
สะเทือนใจเหรอ? ใช้คำว่าเป็นการล้มที่ต้องทำใจมากที่สุดจะดีกว่า ก็คงจะเป็นตอนที่ประสบความสำเร็จสูงมากๆ ตอนที่อยู่ DTAC เราคิดว่าเราเป็นคนเจ๋งมาก ประสบความสำเร็จมาก แล้วพอไปอยู่อีกบริษัทเราก็ล้มเหลวสิ้นเชิงภายในไม่กี่เดือน ตรงนั้นทำใจยากมา เพราะเราก็มีอีโก้ของเราน่ะครับ แล้วพอเราล้มขนาดนั้น ทำให้เราต้องทบทวนตัวเองเยอะ
แต่มันก็เป็นข้อดีมากเลยนะ ทำให้เราเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนขึ้น ทำให้เรารู้ว่าเราไม่รู้อะไรอีกหลายอย่าง ทำให้เราต้องมาฝึกฝนตัวเองใหม่ ไม่ประสาทกับชีวิต
เป็นเรื่องทำใจยาก แต่เกิดขึ้นแล้วดี ถ้าถามว่าย้อนกลับไปอยากมีเหตุการณ์แบบนั้นอีกไหมก็อยาก เพราะมันเป็นเรื่องที่ดีกับตัวเอง
การลุกขึ้นครั้งไหนที่ยากที่สุดในชีวิต
ตอนอายุ 37 แล้วอ้วน 100 กิโลฯ ตอนนั้นไม่ได้ดูแลตัวเอง ก็ล้มจนเข้าโรงพยาบาลอยู่ไอซียูเลย ชีวิตเหมือนมันหมดแล้ว เพราะร่างกายอ่อนแอมาก แถมเป็น Panic Disorder ด้วย กว่าจะกลับมาฟื้นได้ ก็คือปรับตัวเองใหม่หมดเลย ต้องออกมาวิ่งทุกวัน กินอาหารที่มีประโยชน์ สุดท้ายน้ำหนักก็ลดไปยี่สิบกว่ากิโลฯ วิ่งได้ห้าโลฯ สิบโลฯ ก็คงเป็นร่างกายที่ดีมากๆ สำหรับคนอายุห้าสิบเอ็ด
ถ้าตอนนั้นถามว่าโชคร้ายไหม ก็ใช่ แต่ตอนนี้คือมองกลับไป วันนั้นคือวันที่โชคดีมาก ที่รีบอ้วนแล้วล้มตอน 37 ปี ทำให้เราได้ปรับตัว แม้จะยาก แต่มันคุ้มค่า
ถ้าชีวิตคือการเรียนรู้ การเรียนรู้อะไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตคุณ
การเรียนรู้การเป็นพ่อครับ เพราะลูกสาวสองคน อายุต่างกัน แต่ละวัยเขาก็จะไม่เหมือนกัน เรารักเขามากครับ บอกได้เลยว่าผมเป็น #GirlDad พ่อที่ติดลูกสาวมาก ดังนั้นทุกวันก็ยังเรียนรู้จากเขาเสมอครับ
ตอนเด็กๆ เขาเรียนรู้จากเราแบบหนึ่ง แต่พอเขาเป็นวัยรุ่นเราเรียนรู้จากเขามากกว่าเขาเรียนรู้จากผมอีก ผมเข้าใจวัยรุ่นมากนะ ผมทำงานการตลาด จะเข้าใจเรื่องซีรีส์วาย BTS จอยลดา ก็จากลูกทั้งนั้น มันก็เป็นการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่จากการมีลูกสาวสองคน
การเรียนวิชานอกห้องเรียนวิชาใด ยากที่สุดในชีวิต
วิชาลบอีโก้ตัวเอง เวลาเราทำอะไรสำเร็จเยอะๆ เราจะมีอีโก้ คิดว่าตัวเองเจ๋ง ดังนั้นจะทำยังไงให้ – สมัยนี้ความรู้สำคัญที่สุดก็คือ “รู้ว่าตัวเองไม่รู้” ทำไงให้เรามี ability to learn สิ่งใหม่ๆ เพราะประสบการณ์เดิมมันใช้ไม่ได้แล้ว อันนี้ยาก เพราะถ้าเราสำเร็จอะไรมาแล้วต้องวางของที่เราชำนาญหรือสำเร็จลง ก็ต้องหาวิธีออกจากมัน ไปคุยกับคนไม่คุ้น ไปอยู่ในที่ที่ตัวเองไม่เก่ง ไปเจอคนเจเนอเรชัน หรือสังคมที่ต่าง ไปเจอความแป้กบ่อยๆ
ตลอดชีวิตการทำงาน การได้เรียนรู้เรื่องอะไรที่ทำให้คุณเป็น โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ แบบทุกวันนี้
การเรียนรู้ที่ DTAC ที่เราคิดว่าตัวเองเจ๋งมาก เขาขาดเราไม่ได้ เราบ้ายศ บ้าตำแหน่ง บ้าชื่อเสียง เงินทอง แล้วก็ดันมีอันให้ออกจากบริษัทอันเป็นที่รักไป แล้วพอกลับมาเลยรู้แล้วว่า ในความสำคัญ ความสุข มันไม่ใช่เรื่องรถตำแหน่ง เรื่องห้อง มันคือเรื่อง ‘คน’ ล้วนๆ
น่าจะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของตัวเอง สำคัญที่สุดแล้วคือคนรอบข้าง คนที่เรารัก กับคนที่รักเรานั่นเอง