ในโลกยุคมิลเลนเนียลที่มีสตาร์ทอัพถือกำเนิดขึ้นมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ในแวดวงนักสร้างสรรค์อย่างวงการศิลปะ ล่าสุด มีสตาร์ทอัพศิลปะกลุ่มหนึ่งเพิ่งก่อปฏิบัติการเขย่าวงการศิลปะร่วมสมัยอย่างอุกอาจ
นั่นก็คือ กลุ่มสตาร์ทอัพศิลปะและดีไซน์จอมป่วนชาวอเมริกัน ที่มีนามว่า MSCHF ที่ทำการซื้อผลงานของศิลปินคอนเซ็ปชวลอาร์ตตัวพ่อชาวอังกฤษผู้โด่งดังคับโลกอย่าง เดเมียน เฮิร์สต์ (Damien Hirst) มาตัดแบ่งขายทีละชิ้น!
โดยผลงานที่ว่านั้นคือภาพพิมพ์จุดสีชื่อ L-Isoleucine T-Butyl Ester (2018) ที่พวกเขาซื้อมาในราคา 30,485 เหรียญสหรัฐ แล้วนำมาตัดแบ่งออกทีละจุด จนได้ออกมาเป็นภาพจุดสีเล็กๆ จำนวน 88 ชิ้น และนำมาเซ็นชื่อกลุ่ม แล้ววางขายทางออนไลน์ โดยตั้งราคาขายชิ้นละ 480 เหรียญสหรัฐ ซึ่งตอนนี้ขายหมดเกลี้ยงแล้ว
เท่ากับว่าพวกเขาขายจุดสีทั้งหมดไปในราคารวม 42,240 เหรียญสหรัฐ และได้กำไรจากส่วนต่างไปถึง 11,755 เหรียญสหรัฐ แต่ยังไม่จบแค่นั้น เพราะเจ้ากระดาษภาพพิมพ์ที่ถูกตัดจุดสีออกไปจนหมด เหลือแต่เพียงช่องโหว่ 88 รู พร้อมกับลายเซ็นของ เดเมียน เฮิร์สต์ อยู่บนนั้น ก็ยังถูกนำมาประมูลไปในราคาขั้นต่ำ 126,500 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่กำลังเขียนอยู่นี้ ราคาประมูลก็พุ่งไปถึง 215,800 เหรียญสหรัฐ เข้าไปแล้ว
อย่างไรก็ดี เป้าหมายที่พวกเขาทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะต้องการเงิน หากแต่ต้องการแสดงการประท้วงเชิงสัญลักษณ์ต่อนักลงทุนที่ซื้องานศิลปะด้วยราคาแพงมหาศาลและเก็บเอาไว้เชยชมกันเอง ไม่ต่างอะไรกับของเล่นของคนรวยที่ผู้คนทั่วๆ ไปไม่อาจเข้าถึงและชื่นชมได้
“เราไม่ต้องการงานศิลปะตายซากมาแขวนบนผนัง เราแค่ต้องการจำหน่ายจ่ายแจกสิ่งที่เราได้รับออกไปสู่ผู้คน” พวกเขากล่าวในแถลงการณ์ของกลุ่ม
ถึงแม้ เดอ คูนนิง จะไม่ยินยอมในทีแรก แต่ต่อมาเขาก็เข้าใจแนวคิดของศิลปินรุ่นน้องและกัดฟันมอบผลงานให้เราเชนเบิร์กไปลบทิ้ง แต่ก็จงใจเลือกชิ้นที่ลบยากๆ ให้ เพื่อให้การลบของเขามีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งกว่าที่เราเชนเบิร์กของเราจะลบภาพออกหมดก็กินเวลาไปกว่าเดือน และใช้ยางลบไปราวสิบห้าก้อนเลยทีเดียว และเมื่อลบเสร็จแล้วเขาก็นำผลงานของเดอ คูนนิง ที่ถูกลบไปใส่กรอบ และตั้งชื่อว่า Erased de Kooning Drawing (1953)
“มันไม่ใช่แค่การลบงานของศิลปินคนอื่น แต่มันเป็นการเฉลิมฉลองของความคิด” เราเชนเบิร์กกล่าว การทำแบบนี้ของเขาน่าจะมีความหมายแฝงเร้นถึงการโบกมือลาศิลปะแอ็บสแตรกต์เอ็กซ์เพรสชั่นนิสม์ และความคิดที่ว่า ผลงานศิลปะต้องเป็นอะไรที่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกของมันด้วยเช่นกัน และประกาศศักดาการมาถึงของศิลปะแนวทางใหม่ของเขานั่นเอง
ผลงานครั้งนี้ของเราเชนเบิร์กตั้งคำถามเกี่ยวกับการมีตัวตนอยู่ของศิลปะ และท้าทายผู้ชมให้ครุ่นคิดว่า การที่ศิลปินคนหนึ่งลบผลงานของศิลปินอีกคนทิ้ง เป็นกระบวนการสร้างสรรค์ทางศิลปะตรงไหนกันแน่?
MSCHF เป็นกลุ่มสตาร์ทอัพศิลปะและดีไซน์ ที่เป็นเหมือนโรงงานสร้างสรรค์ไอเดียแหวกแนว จากบรูคลิน สหรัฐอเมริกา ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.2016 (อันที่จริงพวกเขาบอกว่าตัวเองไม่ใช่สตาร์ทอัพ เพราะเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่เรื่องเงินๆ ทองๆ แต่อย่างใด) พวกเขาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และโครงการที่ดูหลุดโลก เต็มไปด้วยอารมณ์ขันเสียดสี ยียวนป่วนอารมณ์ จนกลายเป็นไวรัลในโลกอินเตอร์เน็ต
พวกเขาเริ่มต้นโครงการแรกด้วยการเปิดประมูลคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสที่อันตรายที่สุดในโลกไปในราคา 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากนั้นพวกเขาก็ปล่อยผลิตภัณฑ์และโครงการที่เป็นเหมือนส่วนผสมของงานศิลปะคอนเซปต์ชวล, งานดีไซน์ร่วมสมัย และมุกตลกในอินเตอร์เน็ตออกมาวางขาย
ไม่ว่าจะเป็น ‘บ้องกัญชารูปไก่ยาง’ ที่ส่งเสียงไก่ขันเวลาดูควัน, หรือ ‘รองเท้าพระเยซู’ ที่เป็นรองเท้ากีฬา Nike Air Max 97 ประดับกางเขนพระเยซูคริสต์และมีน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำ ‘จอร์แดน’ บรรจุไว้ภายใน Visible air หรือกระเปาะอากาศในพื้นรองเท้า, ไปจนถึงแอพลิเคชันแนะนำการเล่นหุ้นตามจักรราศี
“สิ่งที่เจ๋งก็คือ พวกเราไม่ยึดติดกับชนิด หมวดหมู่ของสินค้า หรือความสำเร็จที่ผ่านๆ มา เราทำรองเท้าของพระเยซูออกขายจนทำให้สาธารณชนรู้จักเรามากมาย แต่เราก็ไม่ผลิตมันออกมาอีกต่อไป หลายๆ คนก็แบบ เดี๋ยวนะ! ทำไมคุณไม่ทำมันออกมาอีกล่ะ จะได้ทำเงินได้มากๆ ไง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการน่ะนะ” เกเบรียล เวล์ลี่ (Gabriel Whaley) ซีอีโอของ MSCHF กล่าว
ส่วนชื่อของกลุ่มนั้นได้มาจากการที่พวกเขาเป็นแฟนคลับของการสร้างความปั่นป่วน (Mischief) นั่นเอง
ถึงจะบอกว่าเงินไม่ใช่เป้าหมาย แต่ MSCHF ก็ได้รับเงินลงทุนจากผู้ลงทุนภายนอกถึง 11.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ปี ค.ศ.2019 ที่ผ่านมา และยังคงตั้งหน้าตั้งตาปล่อยไอเท็มใหม่ๆ ออกมาสร้างความพิศวงงงงวยและตื่นเต้นให้กับเหล่าบรรดาแฟนคลับอย่างต่อเนื่องในทุกสัปดาห์.
เข้าไปติดตามผลิตภัณฑ์หลุดโลกของพวกเขาได้ที่ https://mschf.xyz/
อ้างอิงข้อมูลจาก