คุณจำเหตุระทึกขวัญที่เกิดขึ้นในเมืองนีซ ของฝรั่งเศส เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาได้หรือไม่? ผลลัพธ์จากความรุนแรงดังกล่าวยังคงคุกรุ่นในฝรั่งเศส มาตรการจากทางภาครัฐของฝรั่งเศสได้มีการชูนโยบายการแยกรัฐออกจากศาสนาให้ได้อย่างเด็ดขาดที่สุด โดยล่าสุด ฝรั่งเศสได้เตรียมออกกฎหมายที่พวกเขาเรียกว่า ‘กฎหมายแห่งเสรีภาพ’ ในการควบคุมและกำกับการดำเนินกิจกรรมทางศาสนาและการดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดแนวคิดอิสลามสุดโต่งได้
ฝรั่งเศสเรียกแนวคิดอิสลามสุดโต่งว่าเป็น ‘ศัตรูแห่งสาธารณรัฐ’ มาโดยตลอด โดยในวันพุธที่ผ่านมา (9 ธ.ค.) รัฐบาลฝรั่งเศสได้เปิดเผยร่างกฎหมายใหม่ ที่จะนำเข้าสู่สภาบนหัวข้อเรื่อง การต่อสู่กับอุดมการณ์อิสลามหัวรุนแรง โดยพวกเขานิยามว่ากฎหมายดังกล่าวจะเป็น ‘กฎหมายแห่งเสรีภาพ’ ซึ่งจะนำความสงบสุขในการอยู่ร่วมกันมาสู่สังคมของฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาติมุสลิมต่างๆ อาทิ ตุรกี ว่าเลือกปฏิบัติและขาดความเข้าใจต่อศาสนาอิสลาม ไม่พ้นกระแสการวิจารณ์จากสหรัฐฯ ว่าเป็นกฎหมายที่ ‘เข้มงวดจนเกินไป’
ใจความสำคัญของกฎหมายมีการกำหนดการควบคุมการใช้ข้อความ ที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังบนอินเตอร์เน็ต เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ปลุกปั่นให้มีการใช้ความรุนแรงในการต่อต้านเสรีภาพในการแสดงออก การกำหนดบทลงโทษแพทย์ที่ทำการตรวจเพื่อ ‘รับรองพรหมจรรย์’ หญิงสาวสำหรับการแต่งงาน การห้ามเรียนโฮมสคูล (การเรียนการสอนด้วยผู้ปกครองที่บ้านตนเอง) ในเด็กอายุเกินกว่า 3 ปีขึ้นไป รวมไปถึงการบังคับให้องค์กรสาธารณะต่างๆ ลงนามในเอกสารคำประกาศเพื่อรับรองการเป็นผู้ยกย่อง ‘คุณค่าแห่งสาธารณรัฐ’ เช่นเดียวกันกับการเปิดเผยยอดเงินบริจาคที่องค์กรเหล่านั้นได้รับ
The New York Times รายงานว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นผลสะท้อนมาจากแนวนโยบายของ เอมมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่พยายามจะแก้ไขปัญหาการโจมตีและการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส ตั้งแต่ ค.ศ.2015 โดยเหตุการณ์ความรุนแรงเหล่านี้ ทำให้ชาวฝรั่งเศสเสียชีวิตไปแล้วร่วม 260 ราย หลายกรณีในนั้น คือ กรณีการฆ่าตัดศีรษะซามูเอล ปาตี (Samuel Paty) ครูสอนประวัติศาสตร์ ที่ใช้ภาพล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดประกอบการเรียนการสอน ในชั้นเรียนเสรีภาพในการแสดงออก อีกทั้งผู้เสียชีวิต 3 รายล่าสุดจากการโจมตีในนีซ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า กฎหมายดังกล่าวมีการเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม แต่ ฌอง คาสเท็กซ์ (Jean Castex) นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส ได้ออกมาแถลงหลังจากรัฐสภาฝรั่งเศสได้ลงนามรับพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวว่า “กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เพ่งเล็งที่จะไปต่อต้านศาสนาใดๆ หรือต่อต้านศาสนาของชาวมุสลิมเป็นพิเศษ” คาสเท็กซ์กล่าวเสริมว่า “มันคือกฎหมายที่จะพิทักษ์ ปกป้อง มันคือกฎหมายแห่งเสรีภาพ มันคือกฎหมายแห่งการปลดแอกตนเองออกจากแนวคิดหัวรุนแรงทางศาสนา”
คาสเท็กซ์เคยให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ Le Monde ว่า “ศัตรูแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส คือ อุดมการณ์ที่เรียกตนเองว่าพวกอิสลามหัวรุนแรง ผู้ซึ่งมีความพยายามจะแบ่งแยกผู้คนชาวฝรั่งเศสออกจากกันและกัน”
จากรายงานระบุว่า ถึงแม้ว่าประชากรในฝรั่งเศสที่นับถือศาสนาอิสลามจะคิดเป็นแค่เพียง 8 เปอร์เซ็นต์ แต่การออกกฎหมายดังกล่าวมีนัยสำคัญ ในการมุ่งประเด็นไปเพื่อต่อต้านแนวคิดอิสลามสุดโต่ง อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่มีคำว่า ‘อิสลาม’ หรือ ‘กลุ่มอิสลาม’ ปรากฏขึ้นเลย แต่เจตนาของรัฐบาลก็มีความชัดเจนไปในตัว จากท่าทีของมาครงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่เขามักกล่าววิจารณ์แนวคิดอิสลามสุดโต่งว่าเป็นแนวคิดและศาสนาที่เป็นภัยต่อฝรั่งเศส อีกทั้งยังเป็นวิกฤติต่อชาวโลก
กฎหมายดังกล่าวเคยถูกตั้งชื่อว่า ‘กฎหมายต่อต้านการแบ่งแยก’ มันถูกเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง ก่อนจะมาลงเอยที่ชื่อว่า ‘กฎหมายบังคับหลักการแห่งสาธารณรัฐ’ โดยร่างกฎหมายนี่จะถูกนำเข้ามาพิจารณาในสภาแห่งชาติ ผ่านสภาล่างของผู้แทนราษฎรในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้
ทางการฝรั่งเศสยืนยันว่า กฎหมายดังกล่าวจะเป็นการทำให้คุณค่ารัฐฆราวาสของพวกเขาอยู่ยงสถาพร ในขณะที่ผู้นำชาติมุสลิมต่างๆ รวมไปถึงกลุ่มนักกิจกรรมชาวมุสลิมในฝรั่งเศสมองว่า กฎหมายดังกล่าวมีการเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม ความสับสนวุ่นวายเหล่านี้ยังคงถูกถกเถียงกันต่อไปในประเด็นของการแยกรัฐออกจากศาสนาของฝรั่งเศส โดยถ้าหากคุณต้องการจะย้อนทำความเข้าใจต้นเหตุของกฎหมายในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา คุณสามารถย้อนอ่านการสรุปเหตุการณ์ความรุนแรงในฝรั่งเศส จากประเด็นเสรีภาพทางศาสนาได้ที่: https://thematter.co/brief/12746226161616/127462
อ้างอิงจาก
https://www.aljazeera.com/news/2020/12/9/france-reveals-details-of-controversial-separatism-bill
#Brief #TheMATTER