KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร คาดว่า การแพร่ระบาดในปัจจุบันต้องล็อกดาวน์เพื่อลดความรุนแรงของสถานการณ์อย่างน้อย 3 เดือน มาตรการดังกล่าวจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย โดยอัตราการเติบโต GDP ปี ค.ศ.2021 เหลือเพียง 0.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะโตขึ้นมา 1.5% ที่สำคัญ การจัดหาวัคซีนที่ล่าช้าอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และกระทบเศรษฐกิจไทยมากขึ้นจนถึงขั้นติดลบในปีนี้ อันเป็นผลจากการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นขึ้น
สถานการณ์แพร่ระบาดตอนนี้อาจกินเวลายาวนาน หากอิงจากสถิติต่างประเทศ พบว่าการระบาดใหญ่รอบหนึ่งกินเวลาเฉลี่ย 120–150 วัน เมื่อพิจารณาบริบทประเทศไทยแล้ว KKP Research ประเมินการแพร่ระบาดที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องถึง 6 เดือน โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีแรก (Base Case) หากไตรมาส 3 ใช้มาตรการล็อกดาวน์ระดับเดียวกับเดือน เมษายน ค.ศ.2020 โดยควบคุมการแพร่ระบาดได้ และประชากรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส จนจบไตรมาส 3 ซึ่งคิดเป็น 30% ก็จะส่งผลให้ลดจำนวนผู้เสียชีวิตและเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ แต่ไม่ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ โดยจะมียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในกลางไตรมาส 3 และค่อยๆ ลดลง ในไตรมาส 4
กรณีสอง (worse case) หากไตรมาส 3 ใช้มาตรการระดับเดียวกับเดือน เมษายน ค.ศ.2020 โดยควบคุมการแพร่ระบาดไม่ได้ ก็อาจมียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดภายในปลายไตรมาส 3 และลดลงอยู่ระดับ 2,000 รายในช่วงเดือนธันวาคม รวมทั้งต้องใช้มาตรการรุนแรงเทียบเท่าชิลี อินเดีย และมาเลเซีย ส่งผลต่อภาคการผลิต เพราะจำเป็นต้องจำกัดจำนวนคน ช่วงเวลา การเคลื่อนย้ายเดินทางของการทำงาน หรือถึงขั้นห้ามทำงานในบางอุตสาหกรรม
เมื่อกลับมาดูการแพร่ระบาดรอบปัจจุบัน อาจต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างน้อย 3 เดือนกว่าจะลดระดับความรุนแรง รวมทั้งสัดส่วนประชากรที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสเริ่มเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของ GDP ปี ค.ศ.2021 เหลือ 0.5% จากเดิมที่คาดไว้ว่า 1.5% ทั้งนี้ หากต้องล็อกดาวน์นานกว่านี้หรือเข้มข้นขึ้น จะกระทบทั้งภาคการผลิตและส่งออกซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจหดตัวในปีนี้
ที่สำคัญ การเติบโตของ GDP ปี ค.ศ.2022 อาจโตขึ้นประมาณ 4.6% ซึ่งต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิดจนถึงปี ค.ศ.2023 ถึงอย่างนั้น ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา หากอิงตามกรณีแรก ช่วงครึ่งหลังของปีหน้าจะเริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามา 5.8 ล้านคน แต่หากเป็นตามกรณีที่สอง อาจเปิดประเทศช้ากว่าเดิม รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวกลับมาเพียง 3 ล้านคน แน่นอนว่าการเติบโตของ GDP ปีหน้า ก็จะเหลือเพียง 3.7%
หากทบทวนปัจจัยที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงอยู่ในภาวะหดตัว ก็ต้องย้อนดูมาตรการปิดเมืองที่ไม่สมดุล เมื่อปีที่แล้วจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำมาก แต่กลับใช้มาตรการปิดเมืองทั่วประเทศ ในขณะที่เมื่อต้นปีนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อที่รักษาตัวในโรงพยาบาลสูงมาก แต่กลับผ่อนคลายมาตรการมากเมื่อเทียบกับคราวก่อน จนทำให้การแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้นจนปัจจุบัน
นโยบายวัคซีนที่ล่าช้าและไม่แน่นอน ก็ส่งผลให้ต้องล็อกดาวน์เข้มข้นและยาวนานขึ้น ซึ่งกระทบเศรษฐกิจเต็มๆ เพราะไทยกำลังประสบกับการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าที่รุนแรงกว่าสายพันธุ์อัลฟ่าถึง 60% ในขณะที่ประชากรไทยส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน Sinovac ที่มีประสิทธิผลจำกัดต่อเชื้อดังกล่าว อาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง ที่สำคัญ การเร่งจัดหาวัคซีนที่ไม่แน่นอนก็ส่งผลต่อความเสี่ยงในการสร้างภูมิคุ้มกันโดยรวม
KKP Research ประเมินว่า ประชากรจำนวน 35% จะได้รับวัคซีนครบสองโดสภายในสิ้นปีนี้ เพราะการจัดหาวัคซีนล่าช้า ไม่แน่นอน มีไม่เพียงพอ รวมทั้งเว้นระยะห่างการฉีดโดสสองนานเกินไป แน่นอนว่า จำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีนช่วยลดการแพร่ระบาดได้เทียบเท่ากับมาตรการล็อกดาวน์เช่นกัน
นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมว่าการล็อกดาวน์จะมีประสิทธิผลอยู่ได้ไม่เกิน 2 เดือน ซึ่งถือว่าเป็น golden period หากนานกว่านั้นจะทำให้ความร่วมมือลดลง เพราะมีข้อจำกัดทางเศรษฐกิจและสังคม การล็อกดาวน์ให้ประสบผลสำเร็จจึงต้องทำสิ่งที่ทำให้สถานการณ์คลี่คลายควบคู่กันไปด้วย อย่างการเพิ่มศักยภาพตรวจหาเชื้อ และจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิผลสูงต่อสายพันธุ์เดลต้า
ที่สำคัญ KKP Research ได้สรุปแนวทางปรับปรุงนโยบายของรัฐ และออกมาตรการควบคุมสถานการณ์เพื่อลดกระทบไว้อย่างสนใจ ได้แก่
- ประเมินสถานการณ์และสื่อสารกับประชาชนตรงไปตรงมาและโปร่งใส
- จัดทำแผนมาตรการล็อกดาวน์ที่เป็นขั้นตอน สมเหตุสมผล มุ่งเน้นไปข้างหน้า รวมทั้งสื่อสารแผนดังกล่าวและขั้นตอนการผ่อนคลายล่วงหน้า
- เร่งเพิ่มการตรวจหาโรค แยกผู้ป่วย และรักษา
- จัดหาวัคซีน mRNA โดยเร็วที่สุด เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันของประชาชน
- จัดนโยบายเยียวยาภาคธุรกิจและประชาชนอย่างเหมาะสม เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน
- จัดลำดับความสำคัญในการใช้งบประมาณให้สอดคล้องกับความจำเป็นในการเยียวยา กระตุ้นเศรษฐกิจ และความท้าทายหลังโควิด
- จัดหามาตรการบรรเทาผลกระทบการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจ กระแสเงินสด และความสามารถในการจ่ายคืนหนี้ของครัวเรือนและธุรกิจ
อ้างอิงข้อมูลจาก